เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2566 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 (กฎหมายเลือกตั้ง) ประกาศใช้เพื่อรองรับ #เลือกตั้ง66 ที่กำลังจะมาถึง ระบบการเลือกตั้งปี 2566 นั้นแตกต่างไปจากการเลือกตั้งครั้งก่อนในปี 2562 โดยจะนำระบบ “บัตรสองใบ” ที่แยกบัตร ส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อออกจากกัน รวมทั้งปรับสัดส่วนให้มี ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน
กติกาเลือกตั้ง ส.ส.เขต เข้าใจไม่ยาก เนื่องจากใช้ระบบเสียงข้างมากแบบธรรมดา คือ ผู้สมัคร ส.ส. คนใดได้คะแนนสูงสุดจากผู้มาใช้เสียงทั้งหมดในเขตเลือกตั้งนั้นก็จะเป็นผู้ชนะ และได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนเขตเลือกตั้งเข้าไปนั่งในสภา ในขณะที่การคำนวณสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซับซ้อนและเป็นที่ถกเถียงมากกว่า ถึงขนาดที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เคยเปลี่ยนสูตรคำนวณมาแล้วในปี 2562 อย่างไรก็ดี กฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่ระบุขั้นตอนการคำนวณไว้ชัดเจนแล้ว จึงชวนทำความเข้าใจวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยภาษาที่อ่านเข้าใจได้เป็นขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
กฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่จะใช้ระบบ Mixed Member Majoritarian หรือ MMM หรือระบบที่คนนิยมเรียกว่า "ระบบคู่ขนาน" (Parallel System) เนื่องจากเป็นระบบการจัดสรรที่นั่ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบแยกขาดออกจากกัน โดยมาตรา 96 ของกฎหมายเลือกตั้ง กำหนดขั้นตอนการคำนวณสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไว้ดังนี้
1) ให้รวมผลคะแนนทั้งหมดที่ทุกพรรคการเมืองได้รับจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อทั้งประเทศ หารด้วย 100 ผลลัพธ์ที่ได้ คือ “คะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อหนึ่งคน”
เช่น หากนำผลการเลือกตั้งปี 2562 มาคำนวณเป็นตัวอย่าง พรรคการเมืองที่ส่งส.ส.บัญชีรายชื่อได้คะแนนรวมทั้งหมด 35,561,556 เสียง หารด้วย 100 ดังนั้น คะแนนเฉลี่ยต่อส.ส.บัญชีรายชื่อหนึ่งคน จะเท่ากับ 355,561.56 เสียง
2) ให้นำคะแนนรวมจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ หารด้วยคะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อหนึ่งคน ผลลัพธ์ที่ได้ "เฉพาะส่วนที่เป็นจำนวนเต็ม" คือจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นได้รับ
หากนำคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับในปี 2562 มาหารด้วย 355,561.56 จะได้ผลลัพธ์ตามตารางด้านล่างนี้ (แสดงเฉพาะพรรคการเมือง 20 อันดับแรก)
อันดับ | พรรคการเมือง | คะแนนเสียง | คะแนนเสียง / คะแนนเฉลี่ย | นับเฉพาะจำนวนเต็ม |
1 | พลังประชารัฐ | 8,441,274 | 23.7371 | 23 |
2 | เพื่อไทย | 7,881,006 | 22.1616 | 22 |
3 | อนาคตใหม่ | 6,330,617 | 17.8019 | 17 |
4 | ประชาธิปัตย์ | 3,959,358 | 11.1338 | 11 |
5 | ภูมิใจไทย | 3,734,459 | 10.5014 | 10 |
6 | เสรีรวมไทย | 824,284 | 2.3179 | 2 |
7 | ชาติไทยพัฒนา | 783,689 | 2.2038 | 2 |
8 | เศรษฐกิจใหม่ | 486,273 | 1.3674 | 1 |
9 | ประชาชาติ | 481,490 | 1.3540 | 1 |
10 | เพื่อชาติ | 421,412 | 1.1850 | 1 |
11 | รวมพลังประชาชาติไทย | 415,585 | 1.1686 | 1 |
12 | ชาติพัฒนา | 244,770 | 0.6883 | 0 |
13 | พลังท้องถิ่นไทย | 214,189 | 0.6023 | 0 |
14 | รักษ์ผืนป่าประเทศไทย | 134,816 | 0.3791 | 0 |
15 | พลังปวงชนไทย | 80,186 | 0.2255 | 0 |
16 | พลังชาติไทย | 73,421 | 0.2065 | 0 |
17 | ประชาภิวัฒน์ | 69,431 | 0.1952 | 0 |
18 | พลังไทยรักไทย | 60,434 | 0.1699 | 0 |
19 | ไทยศรีวิไลย์ | 60,354 | 0.1697 | 0 |
20 | ครูไทยเพื่อประชาชน | 56,633 | 0.1593 | 0 |
รวม | 91 |
3) ถ้าจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคได้รับรวมกันไม่ครบ 100 คน กฎหมายเลือกตั้งระบุไว้ชัดว่า ให้ “พรรคการเมืองที่มีผลลัพธ์ที่เป็นเศษโดยไม่มีจำนวนเต็ม” และ “พรรคการเมืองที่มีเศษหลังการคำนวณตามข้อ 2) ข้างต้น” พรรคใดเป็นหรือมีเศษจำนวนมากที่สุด ให้ได้รับจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 1 คนเรียงตามลำดับ จนกว่าจะมีจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองทั้งหมดได้รับรวมกันครบ 100 คน
จากตารางข้างต้น จะเห็นว่าหากนับเฉพาะจำนวนเต็ม พรรคการเมืองทั้งหมดจะได้รับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพียง 91 คนเท่านั้น ยังไม่ครบ 100 คน ดังนั้นจะต้องมีการ “ปัดเศษ” โดยจะต้องนำคะแนนเศษของทุกพรรคการเมืองมาเรียงลำดับ โดยไม่ต้องคำนึงว่าพรรคนั้นจะได้คะแนนเป็นจำนวนเต็มหรือได้รับคะแนนเกินคะแนนเฉลี่ยต่อส.ส.บัญชีรายชื่อหนึ่งคน (355,561.56) หรือไม่ ซึ่งกรณีตามตัวอย่างนี้ จะต้องการ ส.ส. บัญชีรายชื่ออีก 9 คน จึงจะครบ 100 คน ดังนั้น จะต้องนำคะแนนเศษของทุกพรรคการเมืองมาเรียงลำดับ พรรคที่มีเศษสูงสุด 9 อันดับแรก จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มอีกพรรคละ 1 คน โดยผลลัพธ์จะเป็นไปตามตารางด้านล่างนี้
อันดับ | พรรคการเมือง | คะแนนรวม | คะแนนรวม / คะแนนเฉลี่ย | นับเฉพาะจำนวนเต็ม | เศษ (เลือก 9 อันดับมากที่สุด) | รวม ส.ส. บัญชีรายชื่อ |
1 | พลังประชารัฐ | 8,441,274 | 23.7371 | 23 | 0.7371 | 24 |
2 | เพื่อไทย | 7,881,006 | 22.1616 | 22 | 0.1616 | 22 |
3 | อนาคตใหม่ | 6,330,617 | 17.8019 | 17 | 0.8019 | 18 |
4 | ประชาธิปัตย์ | 3,959,358 | 11.1338 | 11 | 0.1338 | 11 |
5 | ภูมิใจไทย | 3,734,459 | 10.5014 | 10 | 0.5014 | 11 |
6 | เสรีรวมไทย | 824,284 | 2.3179 | 2 | 0.3179 | 3 |
7 | ชาติไทยพัฒนา | 783,689 | 2.2038 | 2 | 0.2038 | 2 |
8 | เศรษฐกิจใหม่ | 486,273 | 1.3674 | 1 | 0.3674 | 2 |
9 | ประชาชาติ | 481,490 | 1.3540 | 1 | 0.3540 | 2 |
10 | เพื่อชาติ | 421,412 | 1.1850 | 1 | 0.1850 | 1 |
11 | รวมพลังประชาชาติไทย | 415,585 | 1.1686 | 1 | 0.1686 | 1 |
12 | ชาติพัฒนา | 244,770 | 0.6883 | 0 | 0.6883 | 1 |
13 | พลังท้องถิ่นไทย | 214,189 | 0.6023 | 0 | 0.6023 | 1 |
14 | รักษ์ผืนป่าประเทศไทย | 134,816 | 0.3791 | 0 | 0.3791 | 1 |
15 | พลังปวงชนไทย | 80,186 | 0.2255 | 0 | 0.2255 | 0 |
16 | พลังชาติไทย | 73,421 | 0.2065 | 0 | 0.2065 | 0 |
17 | ประชาภิวัฒน์ | 69,431 | 0.1952 | 0 | 0.1952 | 0 |
18 | พลังไทยรักไทย | 60,434 | 0.1699 | 0 | 0.1699 | 0 |
19 | ไทยศรีวิไลย์ | 60,354 | 0.1697 | 0 | 0.1697 | 0 |
20 | ครูไทยเพื่อประชาชน | 56,633 | 0.1593 | 0 | 0.1593 | 0 |
รวม | 91 | 100 |
ทั้งนี้ วิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อสำหรับการเลือกตั้งปี 2566 จะมีความแตกต่างกับระบบการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญ 2540 ตรงที่รัฐธรรมนูญ 2540 ได้กำหนด “คะแนนขั้นต่ำของพรรคที่จะได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อ” ไว้ที่ร้อยละ 5 ของคะแนนรวมทั้งประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปรากฏการณ์ “ส.ส.ปัดเศษ” หรือ ส.ส.จากพรรคที่ได้คะแนนน้อยกว่า “คะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อหนึ่งคน”
อย่างไรก็ดี การคำนวณสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อตามกฎหมายเลือกตั้งปี 2566 ไม่ใช่เรื่องใหม่ของประวัติศาสตร์การเมืองไทย เนื่องจากเป็นสูตรคำนวณเดียวกับการเลือกตั้งปี 2554 ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) โดยกฎหมายเลือกตั้งในขณะนั้น ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนเท่ากับกฎหมายฉบับปัจจุบัน โดยระบุเพียงว่า “ในกรณีที่จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองได้รับรวมกันทุกพรรคการเมืองมีจำนวนไม่ครบหนึ่งร้อยยี่สิบห้าคน ให้พรรคการเมืองที่มีผลลัพธ์ตาม (๓) เป็นเศษที่มีจำนวนมากที่สุด…” แต่ในทางปฏิบัติ กกต. ก็คำนวณผลการเลือกตั้งโดยนับรวมพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงน้อยกว่า “คะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อหนึ่งคน” เข้าด้วย ทำให้ผลการเลือกตั้งปี 2554 มี “ส.ส.ปัดเศษ” จำนวน 4 คน
ส.ส.ปัดเศษมีลุ้นเข้าสภา แต่อาจสำคัญน้อยลงในการจัดตั้งรัฐบาล
แม้ว่าในปี 2566 ปรากฏการณ์ “ส.ส.ปัดเศษ” (ในที่นี้หมายถึง ส.ส.จากพรรคที่ได้คะแนนเสียงน้อยกว่าคะแนนเฉลี่ยต่อส.ส.บัญชีรายชื่อหนึ่งคน) ยังสามารถเกิดขึ้นได้ แต่มีแนวโน้มว่าบรรดา ส.ส.ปัดเศษ เหล่านี้ จะมีความสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลน้อยลง เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งปี 2562 เนื่องจากส.ส.ปัดเศษแม้จะเกิดขึ้นได้ แต่ก็เกิดขึ้นได้ยากกว่าปี 2562 มาก เห็นได้จากตัวอย่างการคำนวณข้างต้น จะมี ส.ส.ปัดเศษเพียง 3 คน ซึ่งน้อยกว่าปี 2562 ที่มี ส.ส.ปัดเศษทั้งหมด 11 คน นอกจากนี้ คะแนนเสียงที่พรรคการเมืองนั้นได้รับจะต้องแตะ “หลักแสน” ต่างกับปี 2562 ที่มีพรรคการเมืองซึ่งได้รับเพียง 35,099 เสียง ก็สามารถมีส.ส.บัญชีรายชื่อแล้ว เมื่อส.ส.ปัดเศษเกิดได้ยากขึ้นและมีจำนวนน้อยลง โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์แบบปี 2562 ที่เหล่า ส.ส.ปัดเศษ 11 คน มีอำนาจต่อรองเพื่อเข้าร่วมกับพรรครัฐบาล คงเกิดได้ยากขึ้น
RELATED POSTS
No related posts