ห้าม! นักเรียนมุสลิมคลุมฮิญาบในร.ร.วัด

สืบเนื่องมาจากเมื่อกลางปี 2553 โรงเรียนวัดหนองจอกได้มีคำสั่งห้ามนักเรียนมุสลิมสวมฮิญาบ หรือผ้าคลุมศีรษะของผู้หญิงโดยอ้างว่าการแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามขัดกับระเบียบกระทวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551

ในวันที่ 1 มิถุนายน 2553ทางกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพฯ จึงได้ยื่นเรื่องต่อโรงเรียน ให้นักเรียนหญิง 17 คน มีสิทธิสวมฮิญาบ หรือผ้าคลุมหัวได้

ต่อมา ในวันที่ 11 มิถุนายน 2553ทางโรงเรียนได้มีหนังสือตอบกลับมาว่า ไม่สามารถอนุญาตได้ เนื่องจากโรงเรียนอยู่ภายในบริเวณวัด จึงต้องทำตามระเบียบโรงเรียน วัฒนธรรมโรงเรียน และความเหมาะสม

หลังจากนั้น ทางกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติได้ยื่นหนังสือขอให้นักเรียนหญิงแต่งกายตามศาสนาอิสลามอีกครั้ง

ทางโรงเรียนวัดหนองจอกจึงได้เชิญคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานประชุม และมีมติเอกฉันท์ให้นักเรียนทั้ง 17 คน ต้องแต่งกายตามระเบียบโรงเรียน คือ ห้ามสวมฮิญาบ หรือ ผ้าคลุมหัว

ด้วยเหตุนี้เอง เรื่องจึงมาสู่มหาเถรสมาคม ทำให้มหาเถรสมาคมมีมติให้โรงเรียนวัดทั่วประเทศ ที่อยู่ภายในพื้นที่ของธรณีสงฆ์ต้องยึดวิถีพุทธทำตามจารีตประเพณีไทย โดยการห้ามแสดงสัญลักษณ์ทางศาสนาที่ชัดเจน หากครู หรือนักเรียนไม่ปฏิบัติตามถือว่าเป็นความผิด

 

ที่มาภาพ: travelmeasia

ทางกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติจึงได้ออกแถลงการณ์ ชี้แจงว่าคำสั่งของโรงเรียนดังกล่าว เป็นการขัดกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551

ซึ่งระเบียบดังกล่าวในข้อ12 ระบุว่า เครื่องแบบนักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลามในสถานศึกษาอื่น นอกเหนือจากสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม สามารถใช้ผ้าคลุมศีรษะ สีขาวเกลี้ยง ไม่มีลวดลายได้

โดยย่อหน้าสุดท้ายของข้อ12 ยังระบุว่า “นักเรียนซึ่งนับถือศาสนาอิสลามในสถานศึกษาอื่นนอกจากสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม อาจเลือกแต่งเครื่องแบบนักเรียนตามวรรคหนึ่ง (แต่งเครื่องแบบนักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลาม) หรือตามแบบที่สถานศึกษากำหนดโดยสมัครใจได้”

กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ จึงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการพิจารณาว่าการออกคำสั่งของโรงเรียนดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ตามกรอบของรัฐธรรมนูญ และตัวบทกฎหมาย อันจะเป็นเครื่องมือในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยคำนึงถึงความสมานฉันท์เป็นสำคัญ

 

แถลงการณ์

กรณีโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอกห้ามนักเรียนมุสลิมคลุมฮิญาบ

7 มีนาคม 2554

จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมวัดหนองจอกมีคำสั่งห้ามนักเรียนมุสลิมคลุมฮิญาบตามหลักการศาสนาอิสลาม จนเป็นประเด็นที่ถูกวิพากวิจารณ์ในสังคม

โดยโรงเรียนอ้างว่าการแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามขัดกับระเบียบกระทวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 ทั้งที่ระเบียบดังกล่าวระบุชัดเจนในข้อ 12 เครื่องแบบนักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลามในสถานศึกษาอื่น นอกเหนือจากสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในส่วนของนักเรียนหญิง (3) ระบุว่า ผ้าคลุมศีรษะ ใช้ผ้าสีขาวเกลี้ยงไม่มีลวดลาย หรือสีเดียวกับสีผ้าของกระโปรง สีเหลี่ยมจตุรัสความยาวด้านละ 100 – 120 เซนติเมตร ขณะสวมใส่เย็บติดตลอดตั้งแต่ใต้คางจนถึงปลายมุมผ้า และย่อหน้าสุดท้ายของข้อ 12 ยังระบุว่า “นักเรียนซึ่งนับถือศาสนาอิสลามในสถานศึกษาอื่นนอกจากสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม อาจเลือกแต่งเครื่องแบบนักเรียนตามวรรคหนึ่ง หรือตามแบบที่สถานศึกษากำหนดได้โดยสมัครใจ”

ดังนั้นการดำเนินการของโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอกในกรณีดังกล่าวจึงถือเป็นการดำเนินการที่ขัดกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 ชัดเจน ซึ่งเท่ากับเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อวินัยของข้าราชการที่ต้องถือปฏิบัติ โดยทางกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติได้ทำหนังสือร้องเรียนการกระทำดังกล่าวของผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอกส่งถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2553 แต่เรื่องดังกล่าวยังไม่มีความคืบหน้า จนถึงปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานใดเรียกทางกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติในฐานะผู้ร้องเข้าไปชี้แจงข้อร้องเรียนดังกล่าวแต่อย่างใด

กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน ดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา โดยยึดปฏิบัติตามกรอบของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวมถึงการปฏิบัติตามตัวบทกฎหมาย และระเบียบปฏิบัติต่างๆ อันจะเป็นเครื่องมือในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยคำนึงถึงความสมานฉันท์เป็นสำคัญ

กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติขอยืนยันว่าจะเดินหน้าในการเรียกร้องสิทธิของพี่น้องมุสลิมทุกประการตามกรอบที่มีอยู่ในกฎหมายบ้านเมือง

 

กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ

ไฟล์แนบ