กลุ่มสี่กุมาร-สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ถูกการเมืองภายในพรรคเล่นงานจนพร้อมใจกันลาออกจากครม. และพลังประชารัฐ
พุฒิพงษ์-ณัฏฐพล-สกลธี สามทหารเสือ กปปส.
ศาลสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ส.ส. และรัฐมนตรีก่อนจะลาออกเองในเวลาต่อมา
องครักษ์พิทักษ์ประยุทธ์ สิระ-ปารีณา
ศาลมีคำสั่งให้ปารีณาถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ สิระพ้นสภาพการเป็น ส.ส.
วิรัช รัตนเศรษฐ และเครือญาติ
ศาลมีคำสั่งให้ส.ส. ครอบครัวรัตนเศรษฐสามคนได้แก่ วิรัช ทัศนียา และทัศนาพร หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.
กลุ่มสามมิตร
อนาคตทางการเมืองในพลังประชารัฐยังไม่แน่นอน
กลุ่มธรรมนัส
ธรรมนัส-นฤมล หลุดเก้าอี้รัฐมนตรี แต่ยังรักษาตำแหน่งในพรรคไว้ได้
แต่ท้ายที่สุด ความขัดแย้งในพรรคก็บานปลายจนถึงจุดแตกหัก หลังจากที่พรรคพลังประชารัฐพ่ายแพ้ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งซ่อมภาคใต้ ธรรมนัสซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่คุมการเลือกตั้งก็ถูกโจมตีทันที โดยมีไลน์หลุดปรากฏชื่อชองสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานผู้ประกาศตัวยืนข้างประยุทธ์ เสนอให้มีการทำโพลว่า “พรรค พปชร ตกต่ำเพราะว่าอะไร” และมีการเสริมว่าให้มีการชี้นำว่าต้นเหตุอยู่ที่ธรรมนัส เพื่อเป็นการตอบโต้ ในวันรุ่งขึ้น ส.ส. พรรคไทยรักธรรมภายใต้การดูแลของธรรมนัส ได้ยื่นขอให้นับองค์ประชุม ทำให้สภาล่ม หลังจากนั้นก็มีกระแสข่าวว่าธรรมนัสยื่นคำขาดกับพรรคพลังประชารัฐว่าขอให้มีการปรับครม. โดยขอตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มิเช่นนั้นจะนำส.ส. ในกลุ่มของตนเอง 20 คนออกจากพรรค
ข้อเสนอของธรรมนัสทำให้มีการเรียกประชุมพรรคด่วน โดยมีประวิตรนั่งหัวโต๊ะ ผลปรากฏว่าพรรคมีมติขับธรรมนัสพร้อมกับส.ส. อีก 20 คนพ้นพรรค ทำให้ก๊วนธรรมนัสมีเวลา 30 วันในการหาสังกัดใหม่แทนที่จะต้องเลือกตั้งใหม่ โดยมีการคาดเดากันว่าจะไปซบพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ เป็นหัวหน้าพรรค มีรายงานว่าในที่ประชุม ประวิตรกล่าวว่า “ยอมๆ ไปเถอะ ถ้าอยากออกก็ให้ออกไป จะได้สงบ พรรคจะได้เดินต่อ” ด้านไพบูลย์ นิติตะวัน ซึ่งเป็นผู้แถลงข่าวในวันรุ่งขึ้นก็กล่าวถึงเหตุการณ์ขับธรรมนัสว่าเป็น “วิวัฒนาการ” ของพรรคพลังประชารัฐ