ปี 2564 เป็นอีกปีที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองที่ทั้งประชาชนและนักการเมืองให้ความสนใจ ในช่วงต้นปี รัฐสภาได้พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องล่มไปในวาระสาม ต่อมาได้มีความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มอีกสองภาค รวมทั้งหมด 14 ร่าง โดยในปีนี้ มีหนึ่งร่างที่สามารถผ่านด่านวุฒิสภาจนสามารถแก้ไขได้สำเร็จ ซึ่งก็คือการแก้ไขระบบเลือกตั้งจากระบบจัดสรรปันส่วนผสม (MMA) ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ไปสู่ระบบผสมเสียงข้างมาก (MMM) ซึ่งคล้ายคลึงกับระบบเลือกตั้งที่เคยใช้ตามรัฐธรรมนูญ 2540 และรัฐธรรมนูญ 2550 (แก้ไขเพิ่มเติม 2554)
จากการติดตามความเคลื่อนไหวของสภาโดยไอลอว์ ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอดปี 2564 ยิ่งแสดงให้เห็นว่ากลไกการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วางไว้นั้น “ยากลำบาก” เพียงใด โดยเฉพาะการกำหนดให้ ส.ว. ที่ คสช. แต่งตั้งขึ้นมาเองเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกลายเป็นอุปสรรคที่สำคัญ หาก ส.ว. ไม่ลงคะแนนให้อย่างน้อยหนึ่งในสามหรือ 84 เสียงในวาระแรกและวาระสาม ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นก็ไม่สามารถผ่านไปได้ ซึ่งจากความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ก็มีแนวโน้มว่า ส.ว. จะไม่ลงคะแนนให้ร่างใดก็ตามที่มีการเสนอให้ตัดอำนาจ ส.ว. ในขณะที่การแก้ไขระบบเลือกตั้งซึ่งไม่ได้มีผลกระทบกับ ส.ว. โดยตรง กลับเป็นร่างเดียวที่ได้รับไฟเขียว
สรุปผลการแก้ไขรัฐธรรมนูญไตรภาค รวมทั้งหมด 21 ร่าง
๐ ภาคแรก (พฤศจิกายน 63 – มีนาคม 64) พิจารณา 7 ร่าง ผล: ร่างที่ให้ตั้ง สสร. ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถูกคว่ำในวาระสาม
๐ ภาคสอง (มิถุนายน – พฤศจิกายน 64) พิจารณา 13 ร่าง ผล: ร่างแก้ระบบเลือกตั้งผ่านสภาทั้งสามวาระและประกาศใช้เป็นกฎหมายได้สำเร็จ
๐ ภาคสาม (พฤศจิกายน 64) พิจารณา 1 ร่าง ผล: ร่าง “รื้อระบอบประยุทธ์” ถูกคว่ำในวาระแรก
|
บางช่วงบางตอนจากผู้ชี้แจงร่าง “รื้อระบอบประยุทธ์” ต่อสภา
ผู้ชี้แจง พริษฐ์ วัชรสินธุ
“ผมเลยอยากเชิญชวนสมาชิกรัฐสภาทุกท่าน ไม่ว่าท่านจะไว้วางใจผมหรือผู้สนับสนุนร่างท่านอื่นหรือไม่ ไม่ใช่สาระสําคัญ สิ่งที่สําคัญ คือการที่ท่านไว้วางใจประชาชน และโหวตรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพื่อสร้างระบบ การเมืองที่ไว้วางใจประชาชน
และถึงแม้ท่านจะยังไม่เห็นด้วยกับผม ว่าเราควรมีระบบการเมืองที่ถูกสร้างบนพื้นฐานของการไว้วางใจประชาชน ผมขอเถอะครับ ให้ท่านเลือกไว้วางใจประชาชนแค่ครั้งเดียว ในการตัดสินใจเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ด้วยเสียงของเขาเอง เพราะในเมื่อมาตรา 256 ได้กําหนดไว้อยู่แล้ว ว่าหากร่างนี้ผ่านการพิจารณา 3 วาระของรัฐสภา จะต้องมีการจัดทําประชามติกับคนไทยทั่วประเทศว่าเห็นชอบกับร่างแก้ไขนี้หรือไม่
ถ้าท่านคิดว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีเนื้อหาแย่ขนาดนั้นจริง ท่านก็ไว้วางใจประชาชนเถอะครับ ว่าพวกเขาก็จะคว่ำร่างนี้ด้วยเสียงของพวกเขาเอง”
ผู้ชี้แจง ปิยบุตร แสงกนกกุล
“ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ใช่ปฏิวัติ แบบที่ท่านตั้งข้อสังเกตไว้ เพราะปฏิวัติหมายถึงต้องล้มรัฐธรรมนูญทั้งฉบับแล้วเขียนใหม่ ในลักษณะที่ไม่มีเค้าร่างแบบเดิมเลย แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือการปฏิรูป เราไม่ได้ทำลายรัฐธรรมนูญทิ้งทั้งฉบับ เราแก้ไขรายมาตรา ในประเด็นที่เป็นปัญหาที่สืบเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญ 2560 และยังคงเหลือเค้ารางแบบเดิมทั้งหมด ประเทศไทยยังเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแบบเดิมทั้งหมด …
ผมไม่ได้ยกเลิกการตรวจสอบเพียงแต่สร้างระบบดุลอำนาจให้มาเกาะเกี่ยวกับสภาผู้แทนราษฎรมากขึ้น มิฉะนั้น เราจะกลับไปประเด็นปัญหาที่ผมตั้งไว้แต่แรกว่า เราให้องค์กรเหล่านี้มาตรวจสอบ แล้วใครจะเป็นคนตรวจสอบคนที่ตรวจสอบเราอีกที เรารู้ได้อย่างไรว่าเขาจะใช้อำนาจโดยชอบเสมอ”
|