เลือกตั้ง 62: ห้ากลไกตามรัฐธรรมนูญ 60 อาวุธใหม่จัดการนักการเมืองจากสนามเลือกตั้ง

การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2562 กำลังเดินหน้าไปตามกติกาที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วางเอาไว้หมดแล้ว แต่ก็ยังพอเป็นความหวังว่า ประชาชนยังพอมีโอกาสเลือกตัวแทนเข้าไปเป็นสมาชิกของรัฐสภาอยู่บ้าง แต่สำหรับนักการเมืองที่ชนะสนามเลือกตั้งได้คะแนนเสียงสนับสนุนจากประชาชนก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 หรือรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ฤชุพันธุ์ยังวางกลไกไว้อีกหลายประการ ที่จะเป็นอาวุธทางกฎหมายเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (..) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พ้นจากตำแหน่งได้

 

นอกจากนี้หากพิจารณากลไกการตรวจสอบนักการเมืองทั้งหลาย จะพบว่า องค์กรที่มีบทบาทในการดำเนินการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่กระบวนการรออกกฎหมาย การกำกับ การตรวจสอบ พิจารณาและออกคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ ถูกดำเนินการโดยคนส่วนใหญ่ที่ คสชแต่งตั้งและไว้วางใจ มาดูกันว่า มีกลไก คสชใดบ้างที่สามารถใช้จัดการกับนักการเมืองได้ 

 

1. ศาลรัฐธรรมนูญ+...+ศาลฎีกานักการเมืองฯ ชี้กรณีไม่ปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ 20 ปี ของคสช.

 

ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นยุทธศาสตร์ คสช.” เป็นกลไกที่ รัฐธรรมนูญและ...การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 2560 กำหนดว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและหน่วยงานของรัฐต้องเดินตามแผนยุทธศาสตร์ที่ คสช. เขียนขึ้นนี้ หากไม่ทำตามมีโทษและมีกระบวนการตีความบังคับใช้ที่ค่อนข้างซับซ้อน

หากคณะรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งออกนโยบายหรือทำงานไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติหรือแผนแม่บท ให้คณะกรรมการจัดทํายุทธศาสตร์ชาติแจ้งให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและวุฒิสภา (ที่มาจากการแต่งตั้งโดย คสช.) ทราบ และให้วุฒิสภาเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้คณะกรรมการจัดทํายุทธศาสตร์ชาติส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (...) ดําเนินการ

 

ทั้งนี้ ให้ ... พิจารณาและมีมติให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน แล้วส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองพิจารณาตาม มาตรา 81 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ..2561 (......) มาตราดังกล่าวระบุว่า หากศาลฎีกานักการเมืองฯ ประทับฟ้อง ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น หากต่อมามีพิพากษาว่า ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ก็ให้พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปีด้วยหรือไม่ก็ได้ หมายความว่า ผู้นั้นไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือสมัครรับเลือกเป็น ..สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น และไม่มีคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี 

 

นอกจากนี้ ผู้ที่ถูกวินิจฉัยว่า ฝ่าฝืนแผนยุทธศาสตร์ฉบับนี้ยังอาจถูกฟ้องฐานทุจริตต่อหน้าที่ ตามมาตรา 172 ของ ...... ที่ระบุว่า เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งหรือผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระหว่างโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทังปรับ

 

อ่านขั้นตอนการบังคับใช้แผนยุทธศาสตร์ คสช. ต่อได้ที่ https://ilaw.or.th/node/4844

 

 

2. ...+ศาลฎีกา ชี้กรณีฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม 

 

รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 219 กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระร่วมกันร่างมาตรฐานทางจริยธรรมขึ้นมาเป็นครั้งแรก แม้ว่า ชื่อเต็มๆ คือ มาตรฐานทางจริยธรรมของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ..2561 แต่เมื่อจัดทำเสร็จแล้วไม่เพียงใช้บังคับกับศาลและองค์กรอิสระ แต่จะใช้บังคับกับนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง รวมทั้ง .. .. และ คณะรัฐมนตรี ด้วย  

มาตรฐานทางจริยธรรมถูกจัดทำขึ้นและประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2561 มีความยาวเพียงห้าหน้า แนวคิดของมาตรฐานทางจริยธรรม คือ การกำหนดกรอบการทำหน้าที่ และการวางตัวของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ โดยใช้ถ้อยคำที่กว้างขวางในการกำหนดความเป็น “คนดี” ที่จะมาเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐ ซึ่งยังเปิดช่องให้ตีความได้หลากหลายและยังไม่มีตัวอย่างการบังคับใช้ให้เห็นมาก่อน  ตัวอย่างเช่น กำหนดว่า ต้อง "ถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน" "ยึดมั่นหลักนิติธรรม และประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน" เป็นต้น

 

ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 235(1) กำหนดให้ ... สามารถยื่นเรื่องถอดถอนนักการเมืองที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ซึ่งมาตราดังกล่าวกำหนดให้ ... เป็นผู้ทำการไต่สวนข้อเท็จจริง หากมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่เห็นว่าผู้นั้นมีพฤติการณ์หรือกระทำความผิด ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย

 

...... ก็กำหนดอำนาจหน้าที่ใหม่ขึ้นให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ โดยมาตรา 87 กำหนดว่า เมื่อคณะกรรมการ ... ไต่สวนและมีความเห็นว่า ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย (ไม่ใช่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง) หากศาลฎีกาฯ รับฟ้องแล้ว ให้นำมาตรา 81 มาใช้ ซึ่งกำหนดให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ทันที หากมีคำพิพากษาว่ามีความผิด ให้ผู้ต้องคำพิพากษาพ้นจากตำแหน่งนับตั้งแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เป็นเวลาไม่เกินสิบปีด้วยหรือไม่ก็ได้ ส่งผลให้ผู้ที่ถูกคำพิพากษาไม่สามารถสมัครรับเลือกตั้ง .. .. สมาชิกสภาท้องถิ่น และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ได้

 

อย่างไรก็ตาม มาตรา 86 ยังกำหนดว่า หากศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง ก็ให้ผู้ถูกกล่าวหากลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ และได้รับเงินเดือนเสมือนหนึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลาที่ต้องหยุดพักไป

 

3. ..+...+ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้กรณีแปรญัตติให้ตนเองมีส่วนใช้งบประมาณ ตามมาตรา 144

 

รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 144 ระบุว่า ในการพิจารณาร่าง ...งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และร่าง ...โอนงบประมาณรายจ่าย ในการพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับงบประมาณ ห้ามไม่ให้ .. .. หรือคณะกรรมาธิการเสนอ แปรญัตติ หรือการกระทําด้วยประการใดๆ ให้ตัวเองมีส่วนในการใช้งบประมาณรายจ่ายไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม 

 

หาก .หรือ สมาชิกวุฒิสภา จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด เห็นว่า มีการฝ่าฝืนการกระทำดังกล่าว ให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา และศาลรัฐธรรมนูญจะต้องวินิจฉัยภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับความเห็น หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่ามีความผิด ให้การเสนอ การแปรญัตติ เป็นอันสิ้นผล ถ้าผู้กระทำการเป็น .หรือ .ให้สิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งด้วย

 

หาก ครม. เป็นผู้กระทำการหรืออนุมัติให้กระทำการหรือรู้ว่า มีการกระทำดังกล่าวแล้วแต่ไม่สั่งยับยั้ง ครม. จะต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้อยู่ในที่ประชุมขณะมีการลงมติ

 

นอกจากนี้ ...... ฉบับใหม่ ยังได้กำหนดเรื่องนี้ไว้ในส่วนที่ 3 หมวดที่ 3 ชื่อว่า การดำเนินการกรณีฝ่าฝืนมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ โดยมีมาตรา 88 กำหนดหลักการไว้เช่นเดียวกับในรัฐธรรมนูญว่า เมื่อคณะกรรมการ ...ทราบเรื่อง ให้สอบสวนเป็นทางลับโดยพลัน อำนาจหน้าที่ส่วนนี้ของ ... จึงเป็นบทบาทที่มีผลโดยตรงต่อความเป็นไปทางการเมือง ในการถอดถอน หรือเปลี่ยนแปลงผู้นำรัฐบาลทีเดียวทั้งชุด และไม่ให้ผู้นำทางการเมืองจากการเลือกตั้งสามารถกลับมาสู่อำนาจเดิมได้อีกเลยตลอดชีวิต 

 

ทั้งนี้ ในรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 มีการเขียนเรื่องดังกล่าวไว้เช่นเดียวกันว่า ห้าม .. .. หรือ กมธ. เสนอแปรญัตติหรือการกระทำการใด ที่มีผลให้ตัวเองมีส่วนในการใช้งบประมาณรายจ่ายไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพียงแต่ว่าร่างรัฐธรรมนูญในอดีตกำหนดไว้แค่ว่า ถ้ามีการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นให้ .. หรือ .. ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเพื่อยกเลิกการกระทำนั้นๆ แต่ไม่ได้มีการระบุโทษของผู้กระทำเอาไว้ถึงขั้นถอดถอนและตัดสิทธิทางการเมือง 

 

4. กกต.+ศาลรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบการขาดคุณสมบัติ

 

รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 82 ระบุให้ กกต. หรือ .. รวมกันห้าสิบคน สามารถยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยคุณสมบัติของ ส.ส. หากเห็นว่า ผู้ใดขาดคุณสมบัติ ก็สั่งให้พ้นจากตำแหน่งทางการเมืองได้

โดยคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เขียนอยู่ในรัฐธรรมนูญมาตรา 101 และ 111 เช่น ต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย ต้องไม่เป็นข้าราชการ ต้องไม่เคยได้รับโทษจําคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกตั้ง ต้องไม่เคยทำผิดฐานทุจริต ต้องไม่แทรกแซงสื่อ ต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วันก่อนเลือกตั้ง ต้องไม่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ฯลฯ  

 

น่าสนใจว่า สิทธิในการเสนอเรื่องเพื่อถอดถอน ส.ส. ในรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุว่า ทั้งเป็นสิทธิของ .. และ กกต. เท่านั้น ขณะที่สิทธิในการเข้าชื่อถอดถอนนักการเมืองโดยประชาชน 20,000 รายชื่อ ที่เคยถูกบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 และ 50,000 คน ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ได้ถูกตัดออกไป

 

นอกจากกลไกใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมาในการเลือกตั้งปี 2562 แล้ว กลไกตามระบบเดิมที่เคยใช้สำหรับการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ยังคงทำงานอยู่ เช่น อำนาจของ ... ที่จะไต่สวนกรณีมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ เพื่อฟ้องคดีต่อศาลฎีกานักการเมืองฯ หรืออำนาจของสภาผู้แทนราษฎรที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจและลงมติถอดถอนได้ เป็นต้น

 

5.อำนาจศาลฎีกา ลงโทษ .. ย้อนหลังได้ หากพบการทุจริตการเลือกตั้ง

 

หากมีการพบว่าในเขตเลือกตั้งใดมีการทุจริต ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ศาลฎีกา มีอำนาจสั่งให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ได้ และหากใครถูกตัดสินว่า ทุจริตเลือกตั้ง ศาลฎีกาจะสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

 

โดยก่อนการประกาศผลการเลือกตั้ง หรือภายหลังประกาศผลการเลือกตั้ง ถ้า กกต. มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง หรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น หรือพบหลักฐานแต่ไม่ชัดเจนว่าเป็นการกระทำของผู้ชนะเลือกตั้งในเขตนั้นหรือไม่ ให้ กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณา (มาตรา 132 133 และ 138 ...ว่าด้วยการเลือกตั้ง ..)

 

หากศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีการทุจริตเลือกตั้ง การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้ศาลสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่สำหรับเขตนั้น และส่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งถ้าผู้ถูกตัดสินเป็น .. ให้สิ้นสุดสมาชิกภาพด้วย สำหรับการพิจารณาของศาลฎีกาให้นำสำนวนการสืบสวนหรือไต่สวนของ กกต. เป็นหลักในการพิจารณา และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้ศาลมีอำนาจสั่งไต่สวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้