วันที่ 19 กันยายน 2561 จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของแต่ละจังหวัดและจำนวนเขตเลือกตั้งได้เปิดเผยออกมา หลังราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่อง จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีและจำนวนเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้ ส.ส. แบบแบ่งเขตมีจำนวน 350 คน เขตเลือกตั้งมีจำนวน ส.ส. เขตละหนึ่งคน โดยแต่ละจังหวัดมี ส.ส. อย่างน้อยหนึ่งคน และถ้าจังหวัดใดมี ส.ส มากกว่าหนึ่งคน ให้แบ่งจังหวัดออกเป็นเขตเลือกตั้งเท่าจำนวน ส.ส. ที่ได้
วิธีคิดที่นั่ง ส.ส. แต่ละจังหวัด
ประกาศ กกต. ฉบับนี้ แจกแจงวิธีคิดจำนวน ส.ส. ในแต่ละจังหวัดไว้ว่า ให้ใช้ฐานจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 ซึ่งเท่ากับ 66,188,503 คน หารเฉลี่ยจำนวน ส.ส แบบแบ่งเขต 350 คน จะได้จำนวนราษฎรเฉลี่ย 189,110 คน ต่อ ส.ส. 1 คน ผลปรากฎว่า 5 จังหวัดที่มี ส.ส. มากที่สุด ได้แก่
1) กรุงเทพฯ จำนวน 30 คน
2) นครราชสีมา 14 คน
3) ขอนแก่น
4) อุบลราชธานี 10 คน
5) เชียงใหม่ 9 คน
และหากแบ่งตามภูมิภาคของประเทศไทย ภาคที่มีจำนวน ส.ส. เรียงจากมากไปน้อย คือ
1) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 116 คน
2) ภาคกลาง 106 คน
3) ภาคใต้ 50 คน
4) ภาคเหนือ 33 คน
5) ภาคตะวันออก 26 คน
6) ภาคตะวันตก 19 คน
จำนวน ส.ส. ลดทุกครั้งที่เปลี่ยนรัฐธรรมนูญ
ระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา ประเทศไทยใช้รัฐธรรมนูญถาวรด้วยกันสามฉบับ ได้แก่ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 และรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 หลังมีการรัฐประหารฉีกและร่างรัฐธรรมนูญใหม่ถึงสองครั้งในปี 2549 และ 2557 ทำให้กลไกทางการเมืองหลายอย่างเปลี่ยนแปลงและไม่ต่อเนื่อง และจำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ก็เป็นหนึ่งในนั้น
จำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากเดิมรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 กำหนดให้มี ส.ส. แบบแบ่งเขตจำนวน 400 คน จากนั้นรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 (แก้ไขเพิ่มเติมปี 2554) ลดจำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขตลงลดลง 25 คน เหลือ 375 คน และในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ก็ลดจำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขตลงอีก 25 คน เหลือ 350 คน ทำให้ นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 เป็นต้นมา จำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขต ลดลงเกือบทุกครั้ง และมี 9 จังหวัด ที่มีจำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขต ลดลงตลอด
23 จังหวัด ส.ส. ลดลงเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งปี 54
สำหรับการเลือกตั้งในปี 2562 จำนวน ส.ส แบบแบ่งเขตเลือกตั้งใน 23 จังหวัด ลดลงจากการเลือกตั้งครั้งก่อนในปี 2554 โดย กรุงเทพมหานคร ส.ส. ลดมากที่สุด จากเดิมมี ส.ส. 33 คน ลดลงเหลือ 30 คน ส่วนอีก 22 จังหวัดที่เหลือลดลงจังหวัดละ 1 คน เช่น
๐ นครราชสีมา จากเดิมมี ส.ส. 15 คน ลดลงเหลือ 14 คน
๐ บุรีรัมย์ จากเดิมมี ส.ส. 9 คน ลดลงเหลือ 8 คน
๐ เชียงใหม่ จากเดิมมี ส.ส. 10 คน ลดลงเหลือ 9 คน
๐ สุพรรณบุรี จากเดิมมี ส.ส. 5 คน ลดลงเหลือ 4 คน
และถ้าแบ่งตามภูมิภาค ภาคตะวันออกและภาคตะวันตกยังมีจำนวน ส.ส. เท่าเดิม คือ 26 คน และ 29 คนตามลำดับ ขณะที่ภาคที่มีจำนวน ส.ส. ลดลงเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยคือ
1) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลดลง 10 คน เหลือ 116 คน จากเดิม 126 คน
2) ภาคเหนือ ลดลง 3 คน เหลือ 33 คน จากเดิม 36 คน
3) ภาคกลาง ลดลง 3 คน เหลือ 30 คน จากเดิม 33 คน
4) ภาคใต้ ลดลง 3 คน เหลือ 50 คน จากเดิม 53 คน
ส.ส. 9 จังหวัด ส.ส. ลดลงต่อเนื่องจากการเลือกตั้งปี 44 และปี 54
เมื่อเปรียบเทียบจำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขต ในการเลือกตั้ง 3 ครั้ง คือการเลือกตั้งในปี 2544 การเลือกตั้งในปี 2554 และการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2562 จะพบว่ามี 9 จังหวัด ที่มีจำนวน ส.ส. ลดลงทุกครั้ง ได้แก่
ส.ส. ในจังหวัดลดลง ส.ส หนึ่งคนก็ต้องรับผิดชอบพื้นที่ใหญ่ขึ้น
องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีพื้นที่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรค มีจำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขตลดลง นั้นไม่มีความกังวลอะไรแค่ต้องบริหารจัดการให้ลงตัว เนื่องจากพื้นที่ฝั่งธนบุรี พรรคประชาธิปัตย์มีผู้สมัคร ส.ส. เต็มพื้นที่แล้ว ดังนั้นการลดลงของจำนวน ส.ส. เขต ก็ต้องให้ผู้สมัคร ส.ส. ออกไปหนึ่งคน ซึ่งก็ต้องถามความประสงค์ ส่วนพื้นที่ฝั่งพระนครผู้สมัคร ส.ส. ของพรรรคยังมีไม่เต็มพื้นที่จึงไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งจังหวัดฐานเสียงของพรรค ทั้งสุพรรณบุรี และอ่างทองต่างมีจำนวน ส.ส. ลดลงอย่างละ 1 คน ให้สัมภาษณ์ว่า หน้าที่ของ ส.ส. ในต่างจังหวัด คือการร่วมงานกิจกรรมกับชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นงานบุญหรืองานแต่งซึ่งต้องไปเป็นกิจวัตร การที่ ส.ส. หนึ่งคนต้องเพิ่มพื้นที่รับผิดชอบอีก 1 อำเภอหรือ 4-5 ตำบล ทำให้พื้นที่ทำงานเพิ่มขึ้นมหาศาล
จำนวน ส.ส. ลดลง พรรคเพื่อไทย–ปชป. กระทบสุด
ไทยพับลิก้า เปรียบเทียบจำนวน ส.ส. ที่ลดลงในการเลือกตั้งปี 2562 กับผลการเลือกตั้งปี 2554 พบว่า 23 จังหวัดที่มีจำนวน ส.ส. ลดลง ส่วนใหญ่แล้วเป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในเกือบทุกจังหวัดที่มีจำนวน ส.ส. ลดลง ทั้งสองพรรคใหญ่ชนะส.ส. แบบแบ่งเขตในการเลือกตั้งปี 2554 ทั้งจังหวัดหรือไม่ก็เป็นส่วนใหญ่ในจังหวัด
เมื่อดูภาคที่เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย จะพบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวน ส.ส. เขตลดลงมากที่สุด 10 คน ใน 10 จังหวัดในการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่ง 9 ใน 10 จังหวัด พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม คือ ส.ส. เขตของพรรคเพื่อไทย ชนะทั้งหมดหรือส่วนใหญ่ในจังหวัดนั้นๆ ในการเลือกตั้งปี 2554 โดยอีก 1 จังหวัดที่ไม่ใช่พื้นที่ของพรรคเพื่อไทยก็คือ บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของพรรคภูมิใจไทย ส่วนภาคเหนือมีจำนวนส.ส. เขตลดลงลง 3 คนใน 3 จังหวัด ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมทั้งหมด คือ ส.ส. เขตของพรรคเพื่อไทยชนะทุกเขตของทั้งสามจังหวัดในการเลือกตั้งปี 2554
ในฝั่งของพรรคประชาธิปัตย์ พบว่า ภาคใต้มีจำนวน ส.ส. ลดลง 3 คน ใน 3 จังหวัดซึ่งทั้งสามจังหวัดพรรคประชาธิปัตย์เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมทั้งหมด ส่วนในกรุงเทพมหานครซึ่งมีจำนวนส.ส.ลดลง 3 คน พรรคประชาธิปัตย์ก็เคยได้ ส.ส. เขตมากถึง 24 คน จาก 33 คนในการเลือกตั้งปี 2554