“คุกนักโทษต่างประเทศ” คุกพิเศษสำหรับคดีกบฏ.รศ 130
ทัณฑสถานตะรุเตา: คุกกลางทะเลของนักโทษคดีกบฏบวรเดชและกบฏนายสิบ
แดนคอมมิวนิสต์ ในรั้วลาดยาว สมัยจอมพลสฤษดิ์
แดนพิเศษ ในรั้วบางขวาง หลัง 6 ตุลา จากปากคำสุรชาติ บำรุงสุข
การเข้ามาของผู้ต้องหาคดีกบฏยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องไฟฟ้า มีการติดตั้งหลอดไฟในห้องขังทำให้เริ่มอ่านหนังสือตอนกลางคืนได้ จากที่เมื่อก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้ในห้อง ในส่วนของหนังสือ ผู้คุมก็เริ่มผ่อนปรนให้ผู้ต้องขังนำหนังสือกฎหมายเข้ามาศึกษาเพื่อสู้คดีได้ ขณะที่ตัวสุรชาติขอนำตำราเรียนเข้ามาอ่าน จะสังเกตได้ว่า แม้ผู้ต้องขังคอมมิวนิสต์ลาดยาว และผู้ต้องขังคอมมิวนิสต์บางขวาง จะถูกขังในเรือนจำปกติ แต่ก็จะมีการแยกแดนไม่ให้อยู่ปะปนกับผู้ต้องขังคดีทั่วไป และในหลายๆโอกาส ผู้คุมก็จะผ่อนปรนมากกว่าในเรื่องการใช้ชีวิตหรือทำกิจกรรม
โรงเรียนพลตำรวจ หลักสี่: หัวกระไดไม่เคยร้างจากนักโทษการเมือง
ด้วยปัจจัยต่างๆที่กล่าวมา ประกอบกับกระแสการเมืองที่เปลี่ยนข้างจากการรัฐประหารในปี 2557 เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ ได้ปิดตัวลงในปลายปี 2557 ตามคำสั่งกระทรวงยุติธรรม ที่ลงนามโดย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา นักโทษที่เคยอยู่ที่นี่ก็ถูกย้ายกลับไปควบคุมยังเรือนจำปกติร่วมกับนักโทษทั่วไป
นักโทษคดีการเมือง ทำไมต้องแยก?
ย้อนดูความเป็นอยู่และการดูแลนักโทษคดีความมั่นคง/คดีการเมืองในอดีต
ในอีกทางหนึ่ง การที่กลุ่มกิจกรรมทางการเมืองมีโอกาสรวมตัวทำกิจกรรมเยี่ยมนักโทษ ก็ถือเป็นการเปิดพื้นที่การทำกิจกรรมทางการเมือง ให้คนมีโอกาสปรับทุกข์กัน ซึ่งน่าจะเป็นตัวช่วยในการลดอุหภูมิทางการเมือง ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ใน คำสั่งจัดตั้งเรือนจำชั่วคราวหลักสี่ ที่นอกจากจะเป็นไปเพื่อความเหมาะสมในการควบคุมผู้ต้องหาคดีความมั่นคงแล้ว ยังเป็นไปเพื่อ การลดความกดดันและช่วยสร้างเสริมทัศนคติที่ดีของผู้ต้องขังด้วย