เรื่องเล่าความหลากหลายทางเพศในคุก (ชาย)

หนุ่ม เรดนนท์

"เรือนจำ" คือสถานที่ที่ใช้ในการควบคุมตัวผู้กระทำความผิดในคดีความต่างๆ โดยจะแบ่งกว้างๆ คือ เป็นเรือนจำชาย และเรือนจำหญิง ทั้งนี้เพื่อให้สะดวกในการดูแลจัดการ และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะคงไม่มีการนำผู้ต้องขังชาย ไปควบคุมรวมกับผู้ต้องขังหญิงอย่างแน่นอน

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาความแตกต่างทางเพศสภาพ ของผู้ต้องขังเพศชาย หรือแม้กระทั่งเพศหญิงด้วยก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่สังคมภายนอก อาจไม่เคยได้รับรู้มาก่อนว่าพวกเขาเหล่านั้น ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำท่ามกลางความแตกต่างทางเพศสภาพได้อย่างไร ได้รับการปฏิบัติ ดูแล ที่เหมาะสมหรือไม่ และพวกเขาจะต้องประสบ พบเจออะไรบ้าง 
ผมเองในฐานะอดีตผู้ต้องขัง ที่อยู่ในเรือนจำ (ชาย) มานานพอสมควร ถึง 3 ปีเศษ จึงขอร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องขังกลุ่มนี้ ให้สังคมได้รับทราบกันบ้าง เผื่อว่่าบางที พวกเขาจะได้รับการปฏิบัติ ตามหลักสิทธิมนุษยชน ตามความเหมาะสมต่อไปในวันข้างหน้า 
ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และผมเชื่อว่า น่าจะทุกเรือนจำ (ชาย) ในประเทศไทย นอกจากผู้ต้องขังชายแล้ว เรายังพบผู้ต้องขังชาย ที่มีความแตกต่างบทางเพศอยู่อีก 3 กลุ่ม ได้แก่ "กะเทย" "เกย์" และ "แปลงเพศ" ทั้งสามกลุ่ม มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ได้รับการปฏิบัติ ที่แตกต่างจากผู้ต้องขังอื่น อย่างไร เราลองมาดูกัน
1. ผู้ต้องขังกลุ่ม "กะเทย" กลุ่มนี้ ถือเป็นผู้ต้องขังกลุ่มใหญ่ ที่พบได้มากที่สุด ลักษณะรูปลักษณ์ภายนอก บ่งบอกได้อย่างชัดเจน โดยดูจากกริยาท่าทาง การแต่งตัว เสื้อผ้า หน้าตา ที่จะมีการแต่งหน้าทาปาก ซึ่งกลุ่มกะเทยยังสามารถแบ่งประเภทย่อยๆ ได้อีก ดังต่อไปนี้
(1.1) "กะเทยที่มีหน้าอก" หรือ "กะเทยมีนม" คงไม่ต้องอธิบายมาก โดยดูจากรูปลักษณ์ภายนอก ที่มี "หน้าอก" อย่างชัดเจน เหมือนผู้หญิงทั่วไป กะเทยกลุ่มนี้ ถือเป็นกะเทยเกรด A ซึ่งส่วนใหญ่มักได้รับความสนใจจากผู้มีอิทธิพลในเรือนจำ (ภาษาคุกเรียกว่า "ขาใหญ่") ให้การยอมรับเข้ากลุ่ม และจะได้รับการดูแลอย่างดี ทั้งอาหารการกิน และความปลอดภัย ทั้งนี้ ไม่ต้องดูเรื่องหน้าตา ว่าจะสวยหรือไม่ เรียกได้ว่า ถ้ามีหน้าอก ก็จะมีคนแย่งเอาเข้ากลุ่มในทันที พวกเธออาจไม่ต้องทำงาน เพราะขาใหญ่จะดูแลให้หมด แต่แน่นอน พวกเธอจะไม่ได้สิทธิเหล่านั้นมาฟรีๆ แต่เธออาจต้องแลกด้วยการมีเพศสัมพันธ์ กับขาใหญ่ของกลุ่มนั้นๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเธอเข้าใจ และยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
(1.2) "กะเทยหน้าตาดี" สวย น่ารัก อายุน้อย (ที่ไม่มีหน้าอก) นับเป็นกะเทยเกรด A เหมือนกัน และได้รับความสนใจ จากขาใหญ่ในเรือนจำไม่แพ้กะเทยกลุ่มแรก ถือเป็นหน้าเป็นตาของกลุ่มเช่นกัน 
(1.3) "กะเทยมีอายุ" พวกเธอมักจะไม่สังกัดกลุ่มใด แต่พวกเธอจะตั้งกลุ่มขึ้นมาเอง เรียกได้ว่าเป็นขาใหญ่ของกะเทยด้วยกัน เธอจะเข้าได้กับทุกกลุ่ม และจะได้รับการยอมรับจากขาใหญ่ และกะเทยด้วยกัน หัวหน้ากลุ่มกะเทยกลุ่มนี้ กะเทยด้วยกันจะเรียกว่า "แม่" เพราะจะคอยให้คำปรึกษา ดูแล แนะนำ เคลียร์ปัญหา ให้กับบรรดากะเทยที่อยู่ในแดนเดียวกัน เรียกได้ว่า ทำหน้าที่สมกับคำว่า "แม่" จริงๆ
(1.4) "กะเทยอดทน" ไม่รู้จะคิดคำอะไรมาเรียกกะเทยกลุ่มนี้ เพราะเป็นกะเทยที่ดูจากภายนอก แล้วแยกแยะไม่ออกว่าเป็นกะเทยหรือเปล่า คือเหมือนผู้ชายมากๆ ถ้าไม่แต่งหน้าแต่งตา พวกเธอจะมีกล้าม ตัวใหญ่ บ้างก็มีหนวด ดูไม่เหมือนกะเทยถ้าได้เห็นกันในครั้งแรก กะเทยกลุ่มนี้ ต้องดูแลตัวเอง ปากกัดตีนถีบ และยังโดนกลั่นแกล้งจากผู้ชายด้วยกัน บ่อยครั้งที่เห็นกะเทยกลุ่มนี้ทะเลาะวิวาท ชกต่อยกับผู้ต้องขังที่เป็นชายแท้ๆ และแน่นอน พวกเธอสามารถสู้ได้อย่างสูสี
โดยสรุปแล้ว กะเทยจะเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด และส่วนมากจะมีสังกัด คือจะมีขาใหญ่ ยอมรับเข้าไปเป็นสมาชิก ไม่ว่าพวกเธอจะหน้าตาเป็นอย่างไร มีหน้าอกหรือไม่ก็ตาม เพราะถือว่าการมีกะเทยอยู่ในกลุ่ม จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับกลุ่ม เหมือนมีแม่บ้าน มีนางงามประจำกลุ่ม และกะเทยกลุ่มนี้ ก็สมัครใจเข้ากลุ่มด้วย เพราะได้รับความสะดวกสบายมากมาย ส่วนเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ ก็ไม่ใช่ว่ากระเทยทุกคน จะต้องมีเพศสัมพันธ์กับหัวหน้ากลุ่ม หรือกับผู้ต้องขังชายคนอื่นๆ แต่แทบจะร้อยเปอร์เซนต์ ต่อให้หน้าตาไม่ดีอย่างไร ก็มักจะมีคู่เสมอ
2. ผู้ต้องขังกลุ่ม "เกย์" ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะพบเจอเกย์ ได้ไม่มาก อาจเป็นเพราะคนที่เป็นเกย์มักจะไม่ค่อยแสดงออก แต่ที่แสดงออกก็มี ดูจากภายนอกก็พอจะทราบได้ เพราะจะแต่งตัวเรียบร้อย หน้าตาเกลี้ยงเกลา และส่วนใหญ่ จะเป็นคนที่มีความรู้ ไม่คอมพิวเตอร์ ก็ทางด้านภาษา ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ผู้ต้องขังที่เป็นเกย์ จะได้รับหน้าที่สำคัญ ในงานด้านธุรการแดน ทำงานด้านเอกสาร เป็นล่าม หรือทำคอมพิวเตอร์เสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องไปสังกัดกับกลุ่มขาใหญ่กลุ่มไหน กินอยู่ที่ที่ทำการแดนเลย การทำงานในหน้าที่ตรงนี้จะได้รับการยอมรับจากบรรดาผู้ต้องขังด้วยกัน ไม่ค่อยมีใครอยากจะยุ่งด้วย เพราะทำงานใกล้ชิดกับนาย (เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์) ดังนั้น จึงไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของใคร ไม่มีการล่วงละเมิดทางเพศ หรือถ้าจะมี ก็เกิดจากความเต็มใจของตัวเขาเอง
3. ผู้ต้องขังกลุ่ม "แปลงเพศ" ผู้ต้องขังกลุ่มนี้ นานๆ จะเข้ามาในเรือนจำสักที ลักษณะเหมือนผู้หญิง จนแทบเรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงแท้ๆ เลยทีเดียว ถ้าดูจากรูปลักษณ์ภายนอก การควบคุมดูแลผู้ต้องขังกลุ่มนี้ จะมีมาตรการที่เข้มงวดกว่าผู้ต้องขังทั่วไป ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ในการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ดังนั้น พวกเขาจึงต้องถูกจำกัดสถานที่ ไม่ให้มีอิสระในการไปตามสถานที่ต่างๆ ภายในเรือนจำ หรือสถานที่ที่ลับตาคน ในทางปฏิบัติ พวกเขาจะถูกกำหนดให้อยู่ในห้องตลอดเวลา อาจเป็นห้องที่ถูกจัดขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่แปลงเพศแล้ว หรือห้องขังพิเศษที่เรียกว่าห้อง "ขังซอย" ซึ่งนับเป็นเรื่องโหดร้าย กับผู้ต้องขังกลุ่้มนี้มาก เพราะมันคือ "คุกซ้อนคุก" คือติดคุกแล้ว ยังต้องติดคุก ที่อยู่ในคุกอีก
ในภาพรวมแล้ว การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังกลุ่ม LGBT ภายในเรือนจำนั้น มิได้มีกรณีพิเศษใดๆ เป็นการปฏิบัติที่เหมือนกับผู้ต้องขังทั่วไป ยกเว้นผู้ต้องขังกลุ่มสุดท้าย นั่นคือกลุ่มแปลงเพศ ที่มักจะถูกล่วงละเมิดทางเพศในทางอ้อม และถูกทำให้เหมือนเป็นตัวตลก สนุกสนาน ของผู้ต้องขังในเรือนจำ เช่น การบังคับให้เปลือยกายเพื่อตรวจค้นตอนออกศาล การถูกล่วงละเมิดทางเพศด้วยกล้องวงจรปิดตอนอาบน้ำ การเรียกให้ผู้ต้องขังโชว์หน้าอกต่อหน้านักโทษเพื่อความสนุกสนาน การจับ สัมผัส หน้าอก ของสงวน ของผู้ต้องขังกลุ่มนี้ โดยถือเป็นเรื่องธรรมดา เป็นต้น
สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุด สำหรับผู้ต้องขังกลุ่มนี้ ก็คือการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน เพราะเรือนจำไม่มีอุปกรณ์ป้องกันการติดต่อทางเพศสัมพันธ์จำหน่าย ดังนั้น เมื่อมีการลักลอบมีเพศสัมพันธ์กัน ก็จะทำกันแบบลับๆ ทั้งโดยสมัครใจ และการขายบริการของผู้ต้องขังกะเทยบางคน ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้ว มีการเกิดโรคติดต่อกันจากการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างนักโทษด้วยกันมาแล้ว เช่นโรควัณโรค และ HIV แม้ทางเรือนจำจะมีการอบรมเรื่องเพศสัมพันธ์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะป้องกันมิให้เกิดการติดโรคทางเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นได้ เรื่องนี้จึงนับได้ว่าเป็นเรื่องที่อันตราย และสมควรได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด