โควิด-19

องค์กรสิทธิมนุษยชนอย่างแอมแนสตี้ ประเทศไทย ส่งหนังสือถึงสำนักประธานฎีกาขอให้ศาลมีมาตรการคุ้มครองผู้ต้องขังและนักโทษเพื่อลดความรุนแรงของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด19 ทั้งในและนอกเรือนจำ รวมถึงขอให้ดำเนินการลดการคุมขังที่ไม่จำเป็นทุกขั้นตอน

นับจนถึงวันที่ 4 มิถุนายน 2564 มีผู้ต้องขังติดเชื้อในเรือนจำแล้วไม่น้อยกว่า 28,833 คน คิดเป็นร้อยละ 20.15 จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศจำนวนทั้งหมด 143,116 คน ที่ผ่านมาการรายงานตัวเลขผู้ต้องขังติดเชื้อมีความไม่ขัดเจนในรายละเอียดเช่น จำนวนสะสมของศบค.และกรมราชทัณฑ์ที่ไม่ตรงกัน

ในยุคสภาแต่งตั้ง สนช. ได้ออกพ.ร.บ.เพื่อจัดตั้งราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ขึ้นในปี 2559 และแก้ไขโครงสร้างตำแหน่งสำคัญในปี 2560 ด้วยเสียงเอกฉันท์ทั้งสองรอบ โดยให้เป็นองค์การมหาชน ไม่ใช่ส่วนราชการ มีระบบบริหารงานอิสระ ได้รับงบประมาณจากรัฐ ก่อนจะออกประกาศให้มีบทบาทจัดการวัคซีนโควิดในปี 2564

ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ชาวชุมชนแออัดเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้และยังมีการแพร่ระบาดในพื้นที่ชุมชน ส่งผลให้ประชาชนต้องตกอยู่ในสภาวะเปราะบาง เครือข่ายสลัมสี่ภาคที่ทำงานกับประชาชนเหล่านี้จึงได้ออกมาเรียกร้องต่อรัฐบาลในหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือการลดงบประมาณจัดซื้ออาวุธและนำเงินส่วนดังกล่าวมาใช้ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด 19

เชิญชวนวาด #ภาพเรือนจำจากคำบอกเล่า ของผู้ที่เคยอยู่ในเรือนจำ เพื่อกระจายข้อเท็จจริงของสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำที่แออัด-เสี่ยงโรค และกระตุ้นเตือนให้ “ระดับนโยบาย” ออกมาตรการที่อาจทำให้สถานการณ์ไม่แย่ลงไปกว่านี้ #โควิดเรือนจำ

ศาลยุติธรรมออกหนังสือเวียน ให้ศาลพิจารณาให้สิทธิประกันตัวโดยคำนึงถึงอันตรายจากการแพร่ระบาดของโควิดในเรือนจำ และกำหนดมาตรการเพื่อให้มีโอกาสให้ประกันตัวได้มากขึ้น สนับสนุนให้ใช้กำไลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อ “ผ่อนคลายการเรียกหลักประกัน

สถานการณ์โควิดในเรือนจำไม่ใช่ความผิดของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ แต่เป็นความยากลำบากภายใต้ความกดดันจากการแพร่ระบาดของโรค พร้อมกับภารกิจที่ต้องควบคุมตัวผู้ต้องขังให้มั่นคง ผู้บริหาร “ระดับนโยบาย” จะต้องเห็นคุณค่าของชีวิตคนที่อยู่ในเรือนจำ เราขอเสนอมาตรการเร่งด่วนให้ปฏิบัติในทันที 

การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในเรือนจำยังคงน่าเป็นห่วง องค์การอนามัยโลก เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการควบคุมโรคในเรือนจำที่น่าสนใจ โดนระบุด้วยว่า การปล่อยตัวบุคคลโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ถูกกักขังจากการกระทำผิดกฎหมายที่ไม่ได้รับการยอมรับภายใต้หลักกฎหมายสากล ควรได้รับความสำคัญเป็นลำดับแรก

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว รัฐบาลบางประเทศได้ตัดสินใจปล่อยผู้ต้องขังในเรือนจำบางส่วนเพื่อลดความแออัดในพื้นที่อันเป็นเงื่อนไขสำคัญที่มีผลต่อการแพร่กระจายของไวรัส 

ดูเหมือนว่านักโทษที่อยู่ในเรือนจำไม่ได้ถูกให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ทั้งที่เรือนจำถูกจัดให้เป็นพื้นที่เสี่ยงและอันตรายต่อการแพร่กระจายของโรคมากกว่าโลกภายนอก ทั้งนี้ก็มีบางประเทศเริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างอังกฤษและอเมริกาที่ให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนให้กับผู้ต้องขัง