อัษฎา : จากการตรวจสอบทุจริตสู่พลเมืองตื่นรู้
อ่าน

อัษฎา : จากการตรวจสอบทุจริตสู่พลเมืองตื่นรู้

อัษฎา งามศรีขำ หรือ “ป้าอัษ” อายุ 56 ปีเป็นหนึ่งใน 11 จำเลยคดีคาร์ม็อบหาดใหญ่เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2564 การชุมนุมวันดังกล่าวมีเป้าหมายหลักคือ การขับไล่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ป้าอัษบอกว่า วันนั้นเธอใส่แมสก์ อยู่บนรถ เว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัยและไม่สร้างผลกระทบต่อผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ แต่ก็ไม่วายถูกดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดห้ามชุมนุมที่ออกเมื่อเพื่อควบคุมโรคโควิด และข้อหาอื่นๆ รวมห้าข้อ เธอเป็นใครมาจากไหน เหตุใดชาวหาดใหญ่ พื้นที่อันเป็นฐานที่มั่นของพรรครัฐบาลจึงออกมาร่วมคาร์ม็อบ ขับไล่รัฐบาล ชวนรู้จักชีวิตและประสบการณ์การต่อสู้ของป้าอัศที่หล่อหลอมให้เธอเป็นอีกหนึ่งคนที
เมื่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่จะใช้คุมโรค กลายเป็นเครื่องมือดำเนินคดีปิดปากเยาวชน
อ่าน

เมื่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่จะใช้คุมโรค กลายเป็นเครื่องมือดำเนินคดีปิดปากเยาวชน

ปี 2563-2564 เป็นช่วงที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาแสดงออกอย่างเข้มข้ม ทั้งการตั้งคำถามต่อระบบการศึกษา กฎระเบียบในโรงเรียน และประเด็นโครงสร้างทางการเมืองที่เป็นอนาคตของพวกเขา แม้พวกเขายังอายุไม่ถึง 18 ปี ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ก็มีสิทธิที่จะแสดงออกและมีส่วนร่วมทางการเมือง ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันคุ้มครองสิทธินี้ และหากมีการกระทำบางอย่างที่ฝ่าฝืนกฎหมายบางข้อ ก็ต้องดำเนินคดีด้วยกระบวนการสำหรับเด็ก ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขเยียวยา ให้โอกาสเรียนรู้ ไม่ใช่มุ่งเอาผิดลงโทษ สิทธิของเด็กในการมีส่วนร่วมทางการเมือง ถูกรับรองไว้ใ
Car Mob เคลื่อนไหวรูปแบบใหม่ ไม่เสี่ยงโรค แต่ไม่พ้นคดี
อ่าน

Car Mob เคลื่อนไหวรูปแบบใหม่ ไม่เสี่ยงโรค แต่ไม่พ้นคดี

สมบัติ บุญงามอนงค์ ประกาศจัดกิจกรรม “คาร์ม็อบ” เพื่อขับไล่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นครั้งแรกในวันที่ 3 กรกฎาคม 2564 โดยชักชวนให้คนมีรถขับรถเข้ามาร่วมการชุมนุม การจัดกิจกรรมคาร์ม็อบนับเป็นความพยายามในการปรับยุทธวิธีการเคลื่อนไหวในยามที่โรคโควิด19 กำลังระบาด ทำให้คนกล้าออกจากบ้านมาร่วมชุมนุมโดยมีวิธีการป้องกันตัวไม่ต้องพบปะพูดคุยกับคนจำนวนมาก ไม่ได้รวมตัวกันในพื้นที่แออัด หรือมีการสัมผัสกันระหว่างบุคคล เนื่องจากรูปแบบกิจกรรมเป็นเพียงการรวมตัวขับรถไปตามท้องถนน และส่งเสียงด้วยการบีบแตรแทนการตะโกน  &nbs
ใช้ประชาธิปไตยเเก้คอร์รัปชั่นดีกว่าใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ
อ่าน

ใช้ประชาธิปไตยเเก้คอร์รัปชั่นดีกว่าใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ

ประเทศไทยมีปัญหาติดกับระหว่างการคอร์รัปชั่นกับประชาธิปไตย ทุกครั้งสังคมไทยเลือกที่จะเอาอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอในการแก้ปัญหาการเมือง เวทีเสวนาเรื่อง “จะใช้ประชาธิปไตยเเก้ปัญหาคอรัปชั่นได้อย่างไร” วิทยากรต่างมีความเห็นร่วมกันว่าประชาธิปไตยไม่ใช่สิ่งตรงข้ามกับคอร์รัปชั่นและเป็นระบบที่ดีที่สุดจะขจัดคอร์รัปชั่น