ข่มขืน

ปัญหาการกระทำความผิดอาญารุนแรงซ้ำ เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของสังคมไทย แม้จะมีมาตรการบางส่วนที่รับมือกับปัญหาดังกล่าว แต่ก็ยังไม่ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ครม. จึงเสนอร่างพ.ร.บ.ป้องกันการกระทำความผิดซ้ำฯ ซึ่งกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกระทำความผิดซ้ำ เพื่ออุดช่องโหว่ปัญหาเรื้อรังของสังคมไทย 

จากข่าวข่มขืนนักศึกษาธรรมศาสตร์ นำมาสู่การวิเคราะห์ปัญหาความรุนแรงทางเพศว่า ความรุนแรงเรื่องเพศต่อผู้หญิง ถูกล้อมด้วย ‘อคติ’ ทางเพศของสังคม ไม่ใช่ ‘ปัญหาส่วนตัว’  แต่เป็นปัญหา ‘โครงสร้างของรัฐ’ และชวนคิดถึงหญิงที่พิการ หรือหญิงเป็นแรงงานข้ามชาติ ที่จะยิ่งพบอุปสรรคในกระบวนการยุติธรรมของไทย

เมื่อมีข่าวคดีข่มขืนสะเทือนขวัญ ดีเบตเรื่อง ข่มขืน=ประหารชีวิต ก็จะดังกลับขึ้นมาในสังคมเป็นระยะๆ ฝ่ายหนึ่งมองผ่านมุมของเหยื่อ ฝ่ายหนึ่งมองผ่านมุมของผู้ต้องหาและสิทธิมนุษยชน ข้อสรุปเหตุผลพื้นฐานของแต่ละฝ่ายอาจช่วยให้เข้าใจข้อถกเถียงที่ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่มีจุดจบนี้มากขึ้น

สนช.เตรียมพิจารณา แก้ไขเรื่องความผิดเกี่ยวกับเพศ เพิ่มโทษปรับฐานข่มขืนเด็ก และกำหนดให้ชัดว่า หากผู้เสียหายอายุต่ำกว่า 13 ปี จะอ้างว่าไม่รู้อายุของเด็ก เพื่อให้พ้นความผิดไม่ได้

จากโฆษณา Durex ที่บอกว่า “28% ของผู้หญิงที่ขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอม” ทำให้คนหลายกลุ่มไม่พอใจ นักนิเทศน์ศาสตร์ชี้ งานโฆษณามีผลต่อสังคมสูง NGO เสนอแก้กฎหมายข่มขืนให้ยอมความไม่ได้

ทุกครั้งที่เกิดคดีข่มขืนและฆาตกรรม ก็ยิ่งมีข้อถกเถียง เกี่ยวกับโทษประหารชีวิตขึ้นมา ฝ่ายที่เชื่อเรื่องสิทธิมนุษยชนก็ไม่เชื่อว่าจะทำให้อาชญากรรมหมดไป ถ้าไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอ

กฎหมายข่มขืน แก้ไขในปี2550 กำหนดให้การกระทำต่อทวารหนัก หรือช่องปาก ผู้หญิงข่มขืนผู้ชาย หรือข่มขืนคนเพศเดียวกัน ก็ผิดเท่ากัน แม้ช่วยแก้ไขเรื่องความเท่าเทียมทางเพศได้ แต่ยังมีหลายประเด็นที่มีปัญหาการตีความ แค่ไหนเพียงใดจึงจะเรียกได้ว่าข่มขืน?