เสรีภาพการแสดงออก

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จากเดิมที่ยกฟ้องเปลี่ยนเป็นพิพากษาว่ามีความผิดตามมาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จำคุกกระทงละ 3 ปี ทั้ง 3 กระทงรวมเป็นจำคุก 9 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามเนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ เหลือโทษจำคุก 6 ปี  

วันที่ 14 สิงหาคม 2567 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดทิวากร วิถีตน ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ทิวากรถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 มาตรา 116 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากกรณีโพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาพที่เขาสวมเสื้อสกรีนข้อความ “เราหมดศรัทธาในสถาบันกษัตริย์” และโพสต์เรียกร้องให้สถาบันกษัตริย์ยุติการใช้มาตรา 112 และปล่อยสี่แกนนำราษฎร ทิวากรให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาโดยยืนยันว่า การกระทำของเขาเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงออก ไม่ได้ดูหมิ่นด่าหยาบคาย และไม่ได้กล่าวถึงบุคคลใด ต่อมาวันที่ 29 กันยายน 2565 ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษายกฟ้อง 

พรุ่งนี้ (14 สิงหาคม 2567) จับตาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีมาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ของปาฏิหาริย์ กรณีคอมเมนท์โพสต์เฟซบุ๊กของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

พูดคุยกับผู้ที่กำลังจะไปฟังคำพิพากษาคดีมาตรา 112 สองคน คือ ธนาธร วิทยเบญจางค์ หรือฮ่องเต้ และกันต์ฤทัย คล้ายอ่อน หรืออาย ซึ่งถูกตั้งข้อหากับ 8 กรรม

ในเดือนสิงหาคม 2567 ประชาชนถูกดำเนินคดีม. 112 เพิ่มขึ้นและถูกพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  โดยมีนัดฟังคำพิพากษาในคดี ม. 112 อย่างน้อย 9 คดี ซึ่งอาจเป็นผลให้มีนักโทษการเมืองที่เป็นผลมาจาก ม. 112 มากขึ้นในเรือนจำ

ศาลอาญาออกหมายจับเพนกวิน-พริษฐ์เนื่องจากไม่มาปรากฏตัวที่ศาลในคดีชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ทำให้ต้องเลื่อนการพิจารณาออกไปเป็นเวลาสามเดือน นัดหมายอีกครั้งวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567

รัฐบาลไทยตอบกลับข้อกังวลสหประชาชาติ ยืนยันการยื่นยุบพรรคก้าวไกลเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ย้ำมาตรา 112 มีโทษรุนแรงเหมาะสมแล้ว