กกต.

รัฐธรรมนูญ 2560 ออกแบบกลไกให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกรรมการองค์กรอิสระ มาจากการ “คัดเลือก-สรรหา” และผ่านความเห็นชอบโดยวุฒิสภา ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน แต่มาจากการเลือกกันเอง

กกต. ควร “เร่ง” ดำเนินการส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณี สว. สมชาย เล่งหลัก ยิ่ง กกต. ส่งเรื่องช้า ยิ่งทำให้ สว. ที่มีลักษณะต้องห้าม ยังอยู่ในตำแหน่ง สว. ต่อไปอีก

ช่วงเดือนกันยายน – ธันวาคม 2567 ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระรวม 12 ตำแหน่ง เนื่องจากหมดวาระและมีการลาออก โดยทั้ง 12 คนที่กำลังจะหมดวาระลงและได้ลาออกจากตำแหน่งนี้ล้วนเป็นตำแหน่งที่เคยได้รับความเห็นชอบจาก สนช. ที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติในสมัยเผด็จการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

จำนวนผู้สมัคร สว.67 ที่น้อยกว่าที่คาดการณ์เป็นเท่าตัวสะท้อนถึงการขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน สาเหตุหลักมาจากกติกาที่สร้างเงื่อนไขคุณสมบัติต้องห้ามที่หลากหลาย และกกต.ที่ใช้อำนาจหน้าที่ให้เป็นประชาชนมีส่วนร่วมได้ยาก

ระบบการเลือก #สว67 แม้ว่าผู้สมัครในกลุ่มนั้นๆ จะน้อยกว่าสามคน แต่ในการเลือกไขว้หากผู้สมัครคนใดไม่ได้คะแนนเลย ก็จะไม่ผ่านเข้าไปในรอบจังหวัด เพราะตอนเลือกไขว้ต้องได้คะแนนเท่านั้นจึงจะผ่าน

30 เมษายน 2567 ผู้เตรียมลงสมัครรับเลือกเป็น สว. ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนระเบีย กกต. ที่จำกัดที่จำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแนะนำตัว

กกต. ออกระเบียบห้ามผู้สมัครสว.67 แนะนำตัววิธีอื่นนอกจากเขียนกระดาษเอสี่สองหน้า ห้ามโพสข้อมูลออนไลน์ ซึ่งทำให้สื่อและประชาชนเข้าไม่ถึงข้อมูล มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ไม่ได้

26 เมษายน 2567 เฟซบุ๊กสำนักงาน กกต. โพสต์ข้อความว่าการกรอกข้อมูล-จุดยืนผู้จะสมัคร สว.บบนเว็บไซต์ อาจมีความผิด คำอธิบายของ กกต. เป็นเท็จ ไม่สอดคล้องกับข้อกฎหมาย

พฤษภาคม 2567 สว. ชุดพิเศษ จะหมดอายุแล้ว แต่ สว. ชุดใหม่ ยังคงมีอำนาจสำคัญในการเห็นชอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ภายใต้วาระการดำรงตำแหน่งของ สว. ชุดใหม่ จะมีอำนาจได้ “เกินครึ่ง” ของจำนวนตำแหน่งทั้งหมด