11 ธันวาคม 2562
แนวหน้าออนไลน์รายงานว่า สำนักงานกกต.ออกเอกสารที่ 113/2562 ระบุว่า ที่ประชุมกกต.พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พร้อมทั้งความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง กรณีพรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจากธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แล้วที่ประชุมเห็นว่าการที่พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจากธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นเงินจำนวน 191,200,000 บาท
เป็นการกระทำอันฝ่าฝืน มาตรา 72 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง บัญญัติว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมาก ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 93 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
13 ธันวาคม 2562
14 ธันวาคม 2562
เดลินิวส์ออนไลน์รายงานว่า ตั้งแต่เวลาประมาณ 16.00 น. มีประชาชนเดินทางมารวมตัวที่สกายวอล์กหน้าหอศิลป์กรุงเทพจนเกือบเต็มพื้นที่ ธนาธรมาถึงพื้นที่ชุมนุมในเวลาประมาณ 17.00 น. จากนั้นจึงมีผู้ผลัดกันปราศรัยอย่างน้อยสี่คนได้แก่ ธนาธร พิธา พรรณิการ์ และ ปิยบุตรผลัดกันปราศรัย ก่อนที่การชุมนุมจะยุติในเวลา 18.00 น. หลังจากที่ผู้ชุมนุมร้องเพลงชาติร่วมกัน
16 ธันวาคม 2562
เวิร์คพ็อยท์ออนไลน์รายงานว่า พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงการจัดแฟลชม็อบไม่ถอยไม่ทนเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2562 ว่า เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบว่า ใครเป็นผู้จัดการชุมนุม หรือใครเป็นผู้ร่วมจัดการชุมนุม ใครเป็นผู้ชุมนุม และกำลังพิสูจน์ว่า มีการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯหรือไม่
ในส่วนของผู้ที่ขึ้นปราศรัยเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานว่าการปราศรัยเข้าข่ายความผิดฐานยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 หรือไม่
22 ธันวาคม 2562
ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลรายงานผลสรุปการพิจารณาการชุมนุมไม่ถอยไม่ทน ต่อพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ว่า จากการพิจารณาพยานหลักฐานพบว่า การจัดการชุมนุมดังกล่าวเป็นการชุมนุมโดยไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ชุมนุมฯ จึงออกหมายเรียกผู้ต้องหาสองคน คือ ธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และไพรัฎฐโชติก์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขต 5 นครปฐม ในข้อหาว่า
“ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง, ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟ, ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะฯ, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”
หมายเรียกผู้ต้องหาที่ออกมากำหนดให้ทั้งสองเข้าพบพนักงานสอบสวนสน.ปทุมวัน ในวันที่ 27 ธันวาคม 2562 เวลา 10.00 น.
ในส่วนของผู้เกี่ยวข้องคนอื่นๆได้แก่ พิธา พรรณิการ์และปิยบุตร ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคอนาคตใหม่ที่อยู่ระหว่างสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ของสภาผู้แทนราษฎร จะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญคือต้องขออนุญาตสภาผู้แทนราษฎรที่ทั้งสามเป็นสมาชิกก่อนออกหมายเรียก โดยผู้บัญชาการหรือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะต้องเป็นผู้ลงนามในหนังสือขออนุญาตเรียก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสามคนเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร พนักงานสอบสวนจึงร่างหนังสือส่งถึงผบ.ตร.เพื่อลงนามและนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
27 ธันวาคม 2562
เนชันทีวีออนไลน์รายงานว่า วรวิทย์ นิติบริรักษ์ ทนายความของพรรคอนาคตใหม่เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาของธนาธรและไพรัฎฐโชติก์ โดยให้เหตุผลว่า ธนาธร ติดภารกิจไปร่วมงานปีใหม่ม้ง ที่จังหวัดตาก โดยภารกิจดังกล่าวมีการนัดหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนไพรัฎฐโชติก์ก็ติดภารกิจและการกำหนดวันนัดของเจ้าหน้าที่ก็ค่อนข้างกระชั้น ทำให้ไม่สามารถเตรียมเอกสารหลักฐานได้ทัน พนักงานสอบสวนกำหนดวันนัดใหม่เป็นวันที่ 10 มกราคม 2563
ในส่วนของการดำเนินการกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอีกสามคนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พนักงานสอบสวนส่งหนังสือถึงสภาผู้แทนราษฎรเพื่อขอตัวทั้งสามมาดำเนินคดีแล้วอยู่ระหว่างรอให้ทางสภาอนุญาตและส่งมอบตัวให้พนักงานสอบสวน
29 ธันวาคม 2562
ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย ผู้กำกับสน.ปทุมวัน เข้าพบพนักงานสอบสวนสน.ปทุมวันในฐานะผู้กล่าวหาเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ณัฏฐา พริษฐ์ และธนวัฒน์ จากกรณีร่วมจัดการชุมนุมแฟรชม็อบไม่ถอยไม่ทนในวันที่ 14 ธันวาคม 2562 โดยหมายเรียกกำหนดให้ทั้งสามมาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 10 มกราคม 2563 วันเดียวกับที่พนักงานสอบสวนนัดหมายให้ธนาธรและไพรัฎฐโชติก์มาพบ
ผู้ที่ถูกออกหมายเรียกเพิ่มเติมทั้งสามคนถูกออกหมายเรียกในข้อหาเดียวกับธนาธรและไพรัฎฐโชติก์ ได้แก่ “ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง, ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟ, ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะฯ, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”
10 มกราคม 2562
ผู้ถูกออกหมายเรียกทั้งห้าคนมีกำหนดเข้าพบพนักงานสอบสวนสน.ปทุมวันในเวลา 15.00 น. โดยตั้งแต่ก่อนเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่สน.ปทุมวันกั้นพื้นที่รอบสน.ด้วยแผงเหล็กและมีกระดาษเอสี่พิมพ์ข้อความ "สถานที่ราชการ พื้นที่ควบคุม" ติดตามรั้วเหล็ก เป็นระยะ ขณะที่สื่อมวลชน ประชาชนที่มารอให้กำลังใจ รวมทั้งเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบก็มารออยู่ที่หน้าสน.ปทุมวันตั้งแต่ก่อนเวลา 14.00 เช่นกัน
จากการสอบถามเกี่ยวกับข้อความ "สถานที่ราชการ พื้นที่ควบคุม" ที่เจ้าหน้าที่นำมาติดบนรั้วว่า เป็นการประกาศพื้นที่ควบคุมหรือดำเนินการใดๆตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯหรือไม่ ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้มีการใช้อำนาจตามกฎหมายใดในการติดป้ายดังกล่าว เจ้าหน้าที่เพียงแต่กั้นรั้วเพื่อความสะดวกในการดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่เท่านั้น
สำหรับการบริหารจัดการพื้นที่หน้าสน.ปทุมวัน เจ้าหน้าที่แจ้งให้ประชาชนที่มารอให้กำลังใจผู้ต้องหายืนอยู่ด้านนอกรั้วเท่านั้น ส่วนสื่อมวลชนสามารถเข้าไปในพื้นที่หน้าสน.ที่เจ้าหน้าที่กันไว้ให้ แต่ผู้ที่จะเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวต้องแสดงบัตรสื่อมวลชนต่อเจ้าหน้าที่
ในเวลาประมาณ 14.45 พริษฐ์ หนึ่งในผู้ถูกออกหมายเรียกพร้อมเพื่อนนักกิจกรรมนำป้ายเขียนข้อความต่างๆมาถือให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ ส่วนตัวของพริษฐ์ก็ปราศรัยกับประชาชนที่มารอให้กำลังใจไปเรื่อยๆ กลุ่มประชาชนที่มายังเตรียมดอกไม้มาให้กำลังใจผู้ต้องหา เตรียมป้ายผ้าเขียนข้อความ เช่น "#saveประชาชน" หรือ "หยุด 2 มาตรฐาน กฎหมายต้องใช้อย่างเป็นธรรม" รวมทั้งมีป้ายผ้ายาวเขียนข้อความ "2563 เผด็จการครองเมือง" มาวางบนพื้นให้ประชาชนเขียนข้อความระบายความรู้สึกด้วย
ในเวลาประมาณ 15.20 น. ธนาธรและ ไพรัฏฐโชติก์เดินทางมาถึงที่หน้าสน.ปทุมวัน ธนาธรพูดคุยกับผู้มาให้กำลังใจผ่านโทรโข่งระยะสั้นๆจากนั้นจึงเข้าไปในสน. หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 15.35 น. ธนวัฒน์และณัฏฐา ผู้ถูกออกหมายเรียกที่เหลืออีกสองคนเดินทางมาสมทบที่สน.ปทุมวัน เมื่อมาถึงทั้งสองให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวสั้นๆก่อนจะรีบเข้าไปรายงานตัว
ในเวลาประมาณ 16.57 น. ปิยรัฐหรือ "โตโต้" อดีตผู้สมัครส.ส.กาฬสินธุ์เขตหนึ่งพรรคอนาคตใหม่พร้อมด้วยผู้ที่เคยไปร่วมการชุมนุมไม่ถอยไม่ทน อีกสามคนเดินทางเข้าไปที่สน.ปทุมวันเพื่อรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่โดยทั้งสี่ระบุว่าพวกเขาร่วมการชุมนุมด้วยแต่กลับไม่มีการออกหมายเรียก
ในเวลาประมาณ 17.20 น. ปิยรัฐกลับออกมาจากสน.ปทุมวันพร้อมทั้งพูดกับประชาชนที่รวมตัวกันหน้าสน.ปทุมวันว่า คนที่ร่วมชุมนุมไม่ถอยไม่ทน คนใดที่ประสงค์จะมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ สามารถเข้าไปที่สน.พร้อมกับนำภายถ่ายของตัวเองจากวันเกิดเหตุไปมอบให้เป็นเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนคนที่ไม่มีภาพแต่ประสงค์จะรายงานตัวสามารถลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่แล้วนำภาพถ่ายหลักฐานมามอบให้เจ้าหน้าที่ในโอกาสต่อไป
ปิยรัฐระบุด้วยว่าเจ้าหน้าที่แจ้งกับเขาว่าจะมีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาอีกชุดหนึ่งในภายหลัง คนที่ยังไม่ได้รับหมายในวันนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีหมายออกตามมาในภายหลัง
จากการสอบถาม "ลุงวิน" หนึ่งในผู้ที่เขาไปรายงานตัวระบุว่าเขาและเพื่อนๆ เคยพูดคุยกันว่าหากธนาธรถูกออกหมายเรียกพวกเขาในฐานะคนที่ไปร่วมชุมนุมด้วยกันก็ควรจะถูกดำเนินคดีไปด้วย พวกเขาไม่ต้องการปล่อยให้แกนนำหรือผู้ชุมนุมคนใดต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว อย่างไรก็ตามในบรรดาผู้ที่เข้าไปรายงานตัวเพิ่มเติมสี่คนเจ้าหน้าที่รับลงบันทึกประจำวันของปิยรัฐเพียงคนเดียว
ในเวลาประมาณ 17.38 น. ผู้ต้องหาทั้งห้าคนเดินลงมาจากสถานีตำรวจ ในจำนวนนั้นมีสี่คนที่ยืนแถลงข่าวร่วมกับธนาธรส่วนธนวัฒน์ผู้ต้องหาอีกคนหนึ่งแยกตัวกลับไปก่อนเพราะมีภารกิจ
หลังให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวด้านหน้าสน.ปทุมวันผู้ต้องหาทั้งสี่เดินมาปราศรัยกับผู้ที่มาให้กำลังใจซึ่งในช่วงเย็นน่าจะมีอย่างน้อย 60 – 70 คน เป็นเวลาสั้นๆก่อนจะแยกย้ายกันเดินทางกลับ หลังจากนี้ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้ต้องหาทั้งห้าจะต้องมาพบกับอัยการแขวงปทุมวันในเวลา 10.00 น.
3 กุมภาพันธ์ 2563
โพสต์ทูเดย์รายงานว่า พนักงานสอบสวนสน.ปทุมวันฟ้องธนาธรและผู้ต้องหาอีกสี่คน ต่ออัยการแขวงปทุมวัน โดยอัยการนัดฟังคำสั่งวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 9.00 น.
กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายของธนาธรกล่าวว่า ธนาธรและผู้ต้องหาคดีนี้จะนำข้อเท็จจริงเข้าต่อสู้ โดยหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม เพราะอัยการฯ เคยมีคำสั่งไม่ฟ้องในการคดีผู้ชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่สกายวอล์กหน้าหอศิลป์กรุงเทพมาแล้ว
ธนาธร กล่าวหลังเข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนว่า จะทำงานการเมืองในลักษณะนี้ต่อไป เพราะการชุมนุมถือเป็นสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ที่จะแสดงความคิดเห็นตามระบบรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ความพยายามขัดขวางจะเรียกว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยได้อย่างไร และไม่เห็นด้วยกับการดำเนินคดีเพื่อขัดขวางคู่แข่งทางการเมือง เพราะทำให้เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา เพื่อเพียงหวังจะให้เกิดความเบื่อหน่ายจนเลิกตรวจสอบรัฐบาล
4 กุมภาพันธ์ 2563
ธนวัฒน์ วงศ์ไชย โพสต์ข้อความบน
แฟนเพจว่า ได้เข้าพบอัยการเพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ต่อกรณีที่พนักงานสอบสวนเพิ่มเติมข้อความในสำนวนคดีในภายหลัง ทำให้ตัวเองไม่มีโอกาสแก้ไขข้อกล่าวหาที่ถูกเพิ่มเติมในภายหลัง รวมทั้งขอความเป็นธรรมว่าการฟ้องคดีนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเพราะคดีนี้เป็นคดีการเมืองที่รัฐหวังสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน
7 กุมภาพันธ์ 2563
นัดฟังคำสั่งอัยการ
มติชนออนไลน์รายงานว่า ผู้ต้องหาทั้งห้าเดินทางเข้าพบอัยการตามนัดเพื่อฟังคำสั่งคดี โดยในวันนี้อัยการยังไม่มีคำสั่งเพราะเห็นว่าหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมมาให้ยังไม่เพียงพอจึงมีคำสั่งให้ไปรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และนัดให้ผู้ต้องหาทั้งห้ามาฟังคำสั่งคดีอีกครั้งในวันที่ 17 มีนาคม 2563 เวลา 10.00 น.
ทนายความของธนาธรเปิดเผยหลังเสร็จสิ้นกระบวนการว่าธนาธรยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการให้สอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีกสี่คนมีกลุ่มคนที่พบปะธนาธรในวันเกิดเหตุและนักวิชาการด้านกฎหมาย
ในส่วนของนัฎฐาผู้ต้องหาอีกคนระบุว่าตัวเธอและพริษฐ์ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการโดยมีประเด็นเพิ่มเติมจากกรณีของธนาธรพร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าการดำเนินคดีกับตัวเธอ พริษฐ์และธนวัฒน์เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่จะมีการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง
16 มีนาคม 2563
The Reporters รายงานว่า พิธา พรรณิกา และ ปิยบุตร เข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนสน.ปทุมวันแล้ว โดยทั้งสามคนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
มติชนออนไลน์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าพนักงานสอบสวนนัดทั้งสามเข้าพบอีกครั้งในวันที่ 7 เมษายน 2563 เพื่อส่งตัวฟ้องต่ออัยการ
17 มีนาคม 2563
แนวหน้าออนไลน์รายงานว่า อัยการมีคำสั่งให้เลื่อนวันนัดสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 23 เมษายน 2563 เนื่องจากผู้ต้องหาและทนายความร้องขอความเป็นธรรมให้อัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานเพิ่มเติม
อัยการส่งประเด็นการสอบสวนเพิ่มเติมให้ทางพนักงานสอบสวนแล้วแต่พนักงานสอบสวนยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จึงให้เลื่อนนัดฟังคำสั่งคดีออกไปก่อน
7 เมษายน 2563
ข่าวสดออนไลน์รายงานว่าพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องพิธา พรรณิการ์ และ ปิยบุตร ต่ออัยการแขวงปทุมวันแล้ว เบื้องต้นอัยการนัดฟังคำสั่งคดีวันที่ 15 เมษายน แต่ผู้ต้องหาทั้งสามร้องขอความเป็นธรรมให้สอบปากคำพยานเพิ่มเติมเนื่องจากการสอบปากคำของพนักงานสอบสวนยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์
ขณะที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้ข้อมูลว่าอัยการเลื่อนนัดฟังคำสั่งคดีในสำนวนของธนาธรและผู้ต้องหาอื่นรวมห้าคนจากเดิมที่นัดไว้วันที่ 23 เมษายน เป็นวันที่ 23 มิถุนายน 2563
26 ตุลาคม 2563
29 ตุลาคม 2563
เบอร์นานิวส์รายงานว่า อัยการฟ้องผู้ต้องหาที่เหลือทั้งหมดอีกห้าคนได้แก่ ธนาธร พิธา ปิยบุตร ไพรัฎฐโชติก์ และ พรรณิการ์ ต่อศาลแขวงปทุมวันแล้ว ทั้งหมดให้การปฏิเสธ ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 22 ธันวาคม 2563