28 สิงหาคม 2562
นัดสืบพยานโจทก์
การสืบพยานวันนี้ ช่วงแรกมีเพียงจำเลยคดีนี้มา แต่ในเวลาประมาณ 10.00 น. มีจำเลยคดีการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่หน้าหอศิลป์ (คดีผู้ร่วมชุมนุม) ที่เสร็จสิ้นจากการฟังคำสั่งคดีที่สำนักงานอัยการแขวงดุสิตเดินทางมาสังเกตการณ์คดีนี้ด้วย
สืบพยานโจทก์ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ เลิศไกร เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบแฝงตัวในที่ชุมนุม
พ.ต.ท.สุรศักดิ์เบิกความว่า ขณะเกิดเหตุรับราชการเป็นรองผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ เช่นกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย กลุ่มพลเมืองโต้กลับ กลุ่ม Start Up People โดยได้ติดตามกลุ่มเหล่านี้มาตั้งแต่สมัยปี 2558 ตั้งแต่การทำกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หน้าหอศิลป์กรุงเทพ และที่ซอยทองหล่อ
พ.ต.ท.สุรศักดิ์เบิกความว่า การชุมนุมในคดีนี้เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558 โดยมีแกนนำกลุ่มเดียวกันได้แก่ รังสิมันต์และสิรวิชญ์ ในการชุมนุมแต่ละครั้งจะมีคนร่วมชุมนุมประมาณหนึ่งร้อยถึงสามร้อยคน
พ.ต.ท.สุรศักดิ์เบิกความว่าเกี่ยวกับคดีนี้มีการตรวจสอบพบว่า ในวันที่ 25 มกราคม 2561 กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยและกลุ่ม Start Up People โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเชิญชวนกลุ่มประชาชนมาร่วมชุมนุมที่สกายวอล์กใกล้ห้างมาบุญครอง จากนั้นในวันเกิดเหตุ 27 มกราคม 2561 ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้พ.ต.ท.สุรศักดิ์กับพวกอีกสิบคนแต่งกายนอกเครื่องแบบเข้าไปแฝงตัวในพื้นที่การชุมนุม
พ.ต.ท.สุรศักดิ์เบิกความว่า ตัวเขาเข้าประจำการในพื้นที่เกิดเหตุตั้งแต่เวลา 16.00 น. จากนั้นในเวลาประมาณ 17.30 น. รังสิมันต์ สิรวิชญ์ อานนท์ ณัฎฐา สุกฤษฎ์ และเอกชัยทยอยเดินทางมาถึงในพื้นที่การชุมนุม เมื่อมาถึงกลุ่มดังกล่าวใช้โทรโข่งปราศรัยเรียกร้องให้ประชาชนออกมาต่อต้าน คสช. ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ และเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว โดยเท่าที่จำได้บุคคลที่เบิกความถึงเมื่อครู่สลับกันขึ้นปราศรัย
พ.ต.ท.สุรศักดิ์เบิกความว่า ในวันเกิดเหตุการชุมนุมเกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 17.30 น. และจบลงเวลา 19.00 น. มีคนมาร่วมการชุมนุมประมาณ 150 คน ในที่ชุมนุมนอกจากกลุ่มบุคคลที่เบิกความถึงก็มีสมบัติและวีระเดินทางมาในพื้นที่การชุมนุมด้วย เจ้าหน้าที่มารายงานว่า ทั้งสองให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในลักษณะเห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มแกนนำในครั้งนี้ หลังการชุมนุมตัวเขาก็ทำรายงานเสนอผู้บังคับบัญชา
พ.ต.ท.สุรศักดิ์เบิกความว่า เขาและเจ้าหน้าที่คนอื่นนำภาพถ่ายจากที่เกิดเหตุไปเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรเพื่อระบุตัวตนของคนที่มาร่วมชุมนุม โดยบุคคล 30 กว่าคนที่ระบุตัวตนมาเป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่มีข้อมูลว่า ร่วมนุมนุมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 ขณะที่กลุ่มแกนนำก็เป็นบุคคลกลุ่มเดิม ในความเห็นของเขาการชุมนุมครั้งนี้จึงน่าจะเป็นการชุมนุมที่เกี่ยวเนื่องกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 2558
พ.ต.ท.สุรศักดิ์ เบิกความว่า ก่อนเลิกการชุมนุม กลุ่มแกนนำมีการนัดหมายให้ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมมาชุมนุมกันอีกครั้งแต่จะเป็นสถานที่ใดจำไม่ได้ อัยการแถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่หนึ่ง (วีระ) ถามค้าน
พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า ตั้งแต่ปี 2558 ทางเจ้าหน้าที่เคยทำฐานข้อมูลว่า มีประชาชนกลุ่มใดที่ออกมาชุมนุมบ้าง แต่เมื่อทนายจำเลยถามว่าในฐานข้อมูลดังกล่าวปรากฎว่าวีระเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มกิจกรรมเหล่านี้หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่าไม่ปรากฎว่าวีระเป็นสมาชิกกลุ่มใด
ทนายจำเลยถามว่า ข้อความบนเฟซบุ๊กนี่มีการโพสต์เชิญชวนคนมาชุมนุมมีลักษณะเป็นการเชิญชวนแบบทั่วไป ส่วนจะมีใครมาร่วมชุมนุมบ้างผู้โพสต์ก็ไม่อาจทราบได้ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่า วันเกิดเหตุวีระกล่าวปราศรัยหรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า เขาเห็นวีระในที่เกิดเหตุ แต่วีระไม่ได้ยืนกับผู้ชุมนุมเพียงแต่ยืนให้สัมภาษณ์กับสื่อ สำหรับคำให้สัมภาษณ์ของวีระ พ.ต.ท.สุรศักดิ์เบิกความว่า เขาไม่ได้ฟังการสัมภาษณ์ด้วยตัวเองแต่ทราบจากเอกสารในภายหลัง ทนายจำเลยแถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่สอง (รังสิมันต์) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่า พ.ต.ท.สุรศักดิ์ติดตามความเคลื่อนไหวของรังสิมันต์มาตั้งแต่เมื่อใด พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาในปี 2557 โดยทราบว่า ในขณะเกิดเหตุรังสิมันต์เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำหรับการติดตามกลุ่มของรังสิมันต์ เป็นเพราะรังสิมันต์กับพวกมีพฤติการณ์ต่อต้าน คสช. ต่อต้านการรัฐประหาร 2557
พ.ต.ท.สุรศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบคดีนี้ข้อเรียกร้องของรังสิมันต์ คือ ให้มีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว รวมทั้งเปิดเผยเรื่องการทุจริตเกี่ยวกับนาฬิกา สำหรับคำปราศรัยของรังสิมันต์ตัวเขาเดินไปมาในที่เกิดเหตุก็พอจะได้ยินอยู่บ้าง สำหรับเอกสารการถอดเทปคำปราศรัยทางตำรวจนครบาลเป็นผู้จัดทำ ตัวเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยืนยันว่า เท่าที่พอจะได้ยินรังสิมันต์ปราศรัย เมื่อดูจากเอกสารถอดเทปคำปราศรัยก็พบว่า มีถ้อยคำตรงกัน ทนายจำเลยถามว่าที่รังสิมันต์ปราศรัยเรื่องการเลื่อนการเลือกตั้งก็มีการเลื่อนการเลือกตั้งเกิดขึ้นใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์รับว่า ใช่
ทนายจำเลยถามว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้รังสิมันต์ลงสมัครและได้รับเลือกตั้งตามระบบใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์รับว่า ใช่ ทนายจำเลยแถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่สาม (สิรวิชญ์) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่า การชุมนุมในวันเกิดเหตุถือเป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า เท่าที่สังเกตเป็นเช่นนั้นและยอมรับว่าขณะที่มีการชุมนุมและหลังการชุมนุมก็ไม่ได้มีเหตุวุ่นวายใดๆ
ทนายจำเลยถามว่าถ้อยคำปราศรัยของจำเลยที่สามและจำเลยอื่นๆ ในคดีนี้ไม่ได้เชิญชวนคนออกมาทำการกระด้างกระเดื่อง หรือออกมาก่อความไม่สงบใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ไม่ทราบ ทนายจำเลยให้พ.ต.ท.สุรศักดิ์ดูรัฐธรรมนูญและถามว่า คำปราศรัยเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งถือเป็นการปราศรัยในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทย ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์รับว่า ใช่
ทนายจำเลยถามว่า เสรีภาพในการชุมนุม ถือเป็นเสรีภาพที่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 44 ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ใช่และขยายความต่อว่านอกจากรัฐธรรมนูญจะมีกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับการชุมนุมหรือไม่ เขาไม่ทราบ ทนายจำเลยถามต่อว่า หากกฎหมายใดขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญต้องถือว่า กฎหมายนั้นใช้ไม่ได้ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์รับว่า ใช่
ทนายจำเลยถามต่อว่า ข้อความ "หยุดสืบทอดอำนาจ" ข้อความ "ต้านการสืบทอดอำนาจ" อยู่ในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญได้กำหนดวิธีการเข้าสู่อำนาจรัฐเอาไว้แล้วแต่การสืบทอดอำนาจการรัฐประหารไม่ถือเป็นวิถีทางรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบทำนองว่า แม้ไม่ใช่วิถีทางตามรัฐธรรมนูญแต่ก็ต้องถือว่าเข้าสู่อำนาจเรียบร้อยแล้ว ศาลแจ้งทนายจำเลยว่า ประเด็นนี้น่าจะไม่ใช่สาระแห่งคดีและไม่บันทึกคำถามคำตอบลงในสำนวนคดี
ทนายจำเลยถามว่า พ.ต.ท.สุรศักดิ์ทราบหรือไม่ว่า ขณะเกิดเหตุคดีนี้สิรวิชญ์เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ทราบ ทนายจำเลยถามว่า พ.ต.ท.สุรศักดิ์ทราบหรือไม่ว่า ชื่อกลุ่ม Start Up People ของสิรวิชญ์หมายความว่าอย่างไร พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ไม่ทราบ ทนายจำเลยถามว่า การรวมกลุ่มไม่ว่าจะตั้งเป็นพรรคการเมืองหรือกลุ่มกิจกรรมเป็นสิ่งที่ประชาชนทำได้ตามรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์แย้งทนายจำเลยว่า ขอให้ถามอยู่ในประเด็นเหตุการณ์ที่สกายวอล์กแต่ก็ย้อนมาตอบว่า การรวมกลุ่มสามารถทำได้
ทนายจำเลยถามว่า เท่าที่ติดตามการทำกิจกรรมของสิรวิชญ์มาตั้งแต่ปี 2558 ตอนที่เขาทำกิจกรรมเลือกตั้งที่(รัก)ลักร่วมกับอานนท์ จำเลยอีกคนในคดีนี้ สิรวิชญ์ทำกิจกรรมโดยสงบใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์รับว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่า สิรวิชญ์มีสิทธิปราศรัยได้ หากบุคคลใดรู้สึกว่า เสียหายจากการปราศรับก็สามารถดำเนินคดีหมิ่นประมาทได้ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่าใช่ ทนายจำเลยแถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่สี่ (ณัฎฐา) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่า ข้อความเชิญชวนประชาชนร่วมชุมนุมในเฟซบุ๊กที่เป็นหลักฐานคดีนี้ไม่ปรากฎชื่อของณัฎฐาใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่าพ.ต.ท.สุรศักดิ์ได้ฟังคำปราศรัยของณัฎฐาหรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า เขาไม่ได้ฟังการปราศรัยของณัฎฐาเอง แต่ดูจากบันทึกภาพและถ้อยคำ-ปราศรัยที่มีเจ้าหน้าที่จัดทำรายงานในภาพรวม
ทนายจำเลยถามว่า ตามเอกสารถอดเทปคำปราศรัยณัฐฎาเรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดีปิดปากผู้เห็นต่าง แต่ไม่มีการเรียกร้องให้ประชาชนออกมาก่อความรุนแรงถ้า คสช. ไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของทางกลุ่มใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์รับว่า ใช่ แต่การปราศรัยของณัฎฐาจะเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือไม่นั้นไม่ทราบ สำหรับกระบวนการสอบสวนคดีนี้พ.ต.ท.สุรศักดิ์เบิกความว่า เขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ
ทนายจำเลยถามว่า หลังการชุมนุม รัฐบาลยังคงใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินได้ตามปกติใช่หรือไม่ และ คสช. ยังคงบริหารราชการแผ่นดินได้ตามปกติใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์รับว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่ามีเหตุการณ์ปั่นป่วนวุ่นวายหลังการชุมนุมยุติหรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ไม่มี ทนายจำเลยที่สี่แถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่ห้า (อานนท์) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่า พ.ต.ท.สุรศักดิ์ได้ยินอานนท์ปราศัยหรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ไม่แน่ใจ แต่ยืนยันได้ว่า เห็นอานนท์ในที่เกิดเหตุ ทนายจำเลยถามว่า สาระสำคัญของการชุมนุมในคดีนี้ คือ การเรียกร้องการเลือกตั้งใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์รับว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่า ในที่เกิดเหตุมีการติดป้ายเตือนว่า เป็นเขตหวงห้ามชุมนุมเพราะอยู่ห่างจากที่ประทับของเจ้านายไม่ถึงระยะที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ไม่เห็น ทนายจำเลยถามว่า จำเลยในคดีนี้เป็นบุคคลที่มีการศึกษา และมีหน้าที่การงานดี ที่ถูกดำเนินคดีเป็นเพราะเห็นต่างจากผู้มีอำนาจใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ไม่ทราบ
ทนายจำเลยถามว่าข้อความ "แสดงพลังต่อต้านการสืบทอดอำนาจ" ตีความได้ว่าอย่างไร พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า เขาไม่สามารถตีความได้ ทนายจำเลยแถลงหมดคำถาม
ทนายจำเลยที่หก (เอกชัย) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่า ที่พ.ต.ท.สุรศักดิ์ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองมาตั้งแต่ปี 2558 การชักชวนกันชุมนุมของกลุ่มคนดังกล่าวมีการนัดหมายการชุมนุมอย่างเปิดเผยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่า คนที่มาร่วมชุมนุมเดินทางมาในลักษณะต่างคนต่างมาใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า บางส่วนมากันเอง บางส่วนเหมารถตู้กันมา ทนายจำเลยถามว่า เอกชัยได้โพสต์ข้อความเชิญชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมหรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ไม่พบว่าเอกชัยโพสต์เชิญชวน
ทนายจำเลยถามว่า เท่าที่ตรวจสอบประวัติ เอกชัยเพิ่งมาเริ่มเคลื่อนไหวเรื่องนาฬิกาช่วงประมาณปี 2560 หรือ 2561 ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า เอกชัยเคยเคลื่อนไหวการเมืองมาก่อนหน้านี้แล้ว ทนายจำเลยถามว่า ที่ผ่านมาเอกชัยมักไปเคลื่อนไหวเรื่องนาฬิกากับเพื่ออีกคนหนึ่งซึ่งไม่ได้เป็นจำเลยคดีนี้ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่า เอกชัยเพียงแต่ยืนถือภาพไวนิลรูปนาฬิกาแต่ไม่ได้กล่าวปราศรัยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า เขาจำไม่ได้ว่าเอกชัยปราศรัยหรือไม่และปราศรัยว่าอะไร ทนายจำเลยแถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่เจ็ด (สุกฤษฎ์) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่า สุกฤษฎ์ ได้โพสต์ข้อความเชิญชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมหรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ไม่ได้โพสต์เชิญชวน ทนายจำเลยถามว่า เท่าที่พ.ต.ท.สุรศักดิ์ทราบผู้ชุมนุมมีเจตนาให้มีการจัดการเลือกตั้งใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่าพ.ต.ท.สุรศักดิ์ได้ฟังสุกฤษฎ์ปราศรัยหรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า จำไม่ได้ว่าได้ฟังหรือไม่ ทนายจำเลยถามว่า ตามเอกสารสุกฤษฎ์วิจารณ์ คสช .เรื่องทุจริต และเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ขอยืนยันตามเอกสาร ทนายจำเลยแถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่แปด (เนติวิทย์) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่า ภาพถ่ายจากที่เกิดเหตุและภาพจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์มีทั้งจำเลยคดีนี้และคนที่ไม่ได้ถูกดำเนินคดีนี้ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่า ในวันเกิดเหตุเนติวิทย์ได้ขึ้นปราศรัยด้วยหรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า เขาไม่แน่ใจว่า เนติวิทย์ขึ้นปราศรัยด้วยหรือไม่ ทราบแค่ว่า เนติวิทย์อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่จะมาถึงที่เกิดเหตุเมื่อใดและกลับไปเมื่อใดไม่ทราบ ทนายจำเลยแถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่เก้า (สมบัติ) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่า สมบัติได้ขึ้นปราศรัยหรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า เขาจำไม่ได้และไม่เห็นตอนสมบัติปราศรัย ทนายจำเลยถามว่า พ.ต.ท.สุรศักดิ์เห็นตอนที่สมบัติให้สัมภาษณ์หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า เขาไม่เห็นการให้สัมภาษณ์ แต่ทราบเรื่องจากรายงานของเจ้าหน้าที่คนอื่น ทนายจำเลยถามว่า วันเกิดเหตุนอกจากจำเลยคดีนี้ก็มีกลุ่มนักศึกษา นักวิชาการ และกลุ่มประชาชนที่อายุเยอะมาร่วมชุมนุมด้วยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ใช่
ทนายจำเลยถามว่า สมบัติต่อต้านการรัฐประหารใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์รับว่า ใช่ ทนายจำเลยถามว่า สมบัติมักทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในลักษณะสร้างสรรค์ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ทราบว่าสมบัติทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ แต่จะสร้างสรรค์หรือไม่ไม่ทราบ ทนายจำเลยถามว่า สมบัติไม่ได้ทำกิจกรรมที่มีลักษณะใช้ความรุนแรงใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า เท่าที่ทราบไม่มีการจัดกิจกรรมที่ใช้ความรุนแรง ทนายจำเลยถามว่า นอกจากการทำกิจกรรมการเมืองสมบัติก็ทำงานด้านสังคมเช่นมูลนิธิกระจกเงาที่ทำเรื่องคนหายด้วยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์รับว่า ใช่ ทนายจำเลยแถลงหมดคำถาม
ตอบอัยการถามติง
อัยการถามว่า การชุมนุมครั้งนี้มีการนัดหมายเชิญชวนคนมาร่วมชุมนุมอีกในครั้งต่อไปใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่า ใช่ อัยการถามว่าจำเลยคดีนี้มีการชวนคนออกมาแสดงสัญลักษณ์ไม่ยอมรับอำนาจ คสช. ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ตอบว่าใช่ อัยการแถลงหมดคำถาม
หลังการสืบพยานแล้วเสร็จ อัยการหารือกับศาลว่า มีพยานปากหนึ่งซึ่งส่งหมายเรียกไปแต่ไม่ได้รับหมายถึงสองครั้ง ศาลจึงให้ตัดพยานปากนั้น ขณะที่ณัฎฐาก็แถลงต่อศาลว่าตัวเธอต้องไปประกอบอาชีพ ไม่สามารถมาศาลได้ทุกนัด ประกอบกับมีทนายว่าความให้แล้วจึงขออนุญาตศาลให้พิจารณาคดีลับหลัง ศาลอนุญาต
30 สิงหาคม 2562
นัดสืบพยานโจทก์
เวลา 9.20 น. โจทก์, วีระ สมความคิด จำเลยที่หนึ่ง, ณัฏฐา มหัทธนา จำเลยที่สี่และทนายจำเลยทั้งเก้าคนมาถึงห้องพิจารณาคดี โดยมีอเลกซานเดอร์ โนวัค ตัวแทนจากสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยและกลุ่มเพื่อนนักกิจกรรมร่วมสังเกตการณ์
เวลา 9.35 น. ศาลขึ้นนั่งบัลลังก์ณัฏฐา แถลงต่อศาลว่า วันนี้มีอเลกซานเดอร์ โนวัค ตัวแทนจากสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยเข้าร่วมสังเกตการณ์คดีด้วย ศาลถามว่า สังเกตการณ์คือ ฟังเฉยๆ ไม่ได้มีการบันทึกใช่หรือไม่ ณัฏฐาตอบว่า ใช่ จากนั้นจึงเริ่มการสืบพยาน
พยานโจทก์ปากพล.ต.ต.จุมพล พุ่มพวง ตำรวจผู้สังเกตการณ์การชุมนุม
พล.ต.ต.จุมพลเบิกความว่า ขณะเกิดเหตุรับราชการเป็นรองผู้บังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้รับมอบหมายให้สืบสวนหาผู้กระทำความผิดคดีทุกประเภทในเขตกรุงเทพมหาคร วันที่ 25 มกราคม 2561 ได้รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาว่า มีเพจกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย และอีกหลายเพจลงข้อความชักชวนให้คนมาชุมนุมกันที่สกายวอล์ค สี่แยกปทุมวัน ในวันที่ 27 มกราคม 2561
วันเกิดเหตุในคดีนี้คือ วันที่ 27 มกราคม 2561 พล.ต.ต.จุมพล เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 15.00 น. ต่อมาเวลา 17.00 น. จึงเริ่มมีการชุมนุม กลุ่มผู้ชุมนุมพูดในลักษณะเชิญชวนให้ประชาชนที่เดินผ่านไปผ่านมาเข้าร่วมการชุมนุมผ่านโทรโข่งขนาดเล็ก มีการโจมตีการทำงานของรัฐบาล บุคคลที่ขึ้นพูดคนแรก คือ รังสิมันต์ หลังจากที่รังสิมันต์เริ่มพูดได้สั่งการให้ตำรวจสน.ปทุมวัน และฝ่ายสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลบันทึกภาพไว้ ขณะเดียวกันยังมีเจ้าหน้าที่ทหารมาร่วมบันทึกภาพด้วย
ระหว่างที่พล.ต.ต.จุมพลอยู่ในที่เกิดเหตุก็เดินตรวจตราไปมาโดยรอบไม่ได้ประจำอยู่ที่ใดที่หนึ่ง เท่าที่จำได้มีรังสิมันต์, สิรวิชญ์, ณัฏฐา, อานนท์ที่ร่วมชุมนุมและปราศรัย นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนแต่จำไม่ได้ อย่างไรก็ตามมีเจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพวิดีโอไว้ วัตถุประสงค์ในการปราศรัย คือ โจมตีการทำงานของรัฐบาลและ คสช. เชิญชวนประชาชนให้ออกมาต่อต้านรัฐบาล นอกจากบุคคลที่ปราศรัยแล้วยังมีบุคคลอีกส่วนที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน คือ วีระ สมความคิดและสมบัติ บุญงามอนงค์ รายละเอียดการให้สัมภาษณ์พล.ต.ต.จุมพล จำไม่ได้
ส่วนจำนวนคนที่เข้าร่วมชุมนุมไม่สามารถรวมยอดได้เพราะบริเวณที่ชุมนุมมีประชาชนเดินผ่านไปมาตลอด แต่คาดว่า ไม่น้อยกว่า 100 คน พล.ต.ต.จุมพล ไม่ทราบว่า การชุมนุมสิ้นสุดเมื่อใด เนื่องจากเดินทางกลับก่อน เวลาสิ้นสุดการชุมนุม คือ เวลาประมาณ 19.00 น. หลังจากการชุมนุม.oวันเกิดเหตุแล้วมีการชุมนุมวันที่10 กุมภาพันธ์ 2561 บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วัตถุประสงค์เพื่อโจมตีการทำงานของรัฐบาล ชวนให้ประชาชนออกมาต่อต้านรัฐบาล
เวลา 10.00 น. ระหว่างที่ศาลกำลังรออัยการดูเอกสารเพื่อถามพยานต่อนั้น ศาลได้แจ้งว่า “จำเลยที่สี่ฟังและทุกคนในห้องฟังด้วย ศาลไม่อนุญาตให้เล่นโทรศัพท์มือถือในห้องพิจารณาคดีและห้ามบันทึกข้อมูลทั้งสิ้น”
พล.ต.ต.จุมพลเบิกความต่อว่า เขาได้ทราบภายหลังว่า คสช. ได้มอบอำนาจให้ทหารมาร้องทุกข์ที่สน.ปทุมวัน เขาเคยได้รับรายงานจากกองบังคับการนครบาลห้าและหกว่า ก่อนหน้าวันเกิดเหตุกลุ่มผู้ชุมนุมมีการชุมนุมหลายครั้งในพื้นที่ของสน.ปทุมวัน สำราญราษฎร์ ลุมพินีและทองหล่อ หลังจากวันเกิดเหตุก็ยังมีการชุมนุมอีก เหตุการณ์การชุมนุมเกิดขึ้นหลายครั้ง จำเลยทั้งเก้าไปปรากฏในเหตุการณ์อื่นๆ เป็นบางครั้งเท่านั้นและไม่ใช่ทุกคนที่จะปรากฏในที่ชุมนุมครั้งอื่น
ทนายจำเลยที่หนึ่ง (วีระ) ถามค้าน
ทนายจำเลยที่หนึ่งให้พล.ต.ต.จุมพลดูเอกสารและถามว่า วีระ สมความคิด จำเลยที่หนึ่งได้โพสต์สนับสนุนและยืนยันว่า จะไปร่วมชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลดูแล้วตอบว่า ไม่มีข้อความดังกล่าว ทนายจำเลยที่หนึ่งถามว่า ที่พล.ต.ต.จุมพลตอบอัยการไปว่า วีระ สมความคิดให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน พล.ต.ต.จุมพลได้เห็นด้วยตาตนเองหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่เห็น แต่เห็นตามรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา
ทนายจำเลยที่หนึ่งให้พล.ต.ต.จุมพลอ่านข้อความถอดเทปคำสัมภาษณ์ของวีระ และถามว่า ข้อความดังกล่าวมีลักษณะยุยงปลุกปั่นหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ขออนุญาตไม่ออกความเห็น เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน ส่วนข้อความดังกล่าวจะถูกต้องหรือไม่ จำไม่ได้ ทนายจำเลยที่หนึ่งจึงอ่านข้อความที่วีระให้สัมภาษณ์ให้ฟังว่า ไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจ เรื่องนาฬิกาไม่รับผิดชอบอะไรเลย นักข่าวถามวีระต่อว่า ไม่กลัวหรือ วีระตอบว่า ใครกลัว เมื่ออ่านจบทนายจำเลยที่หนึ่งจึงถามว่า ข้อความดังกล่าวมีลักษณะยุยงปลุกปั่นด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ขออนุญาตไม่ออกความเห็นต่อเนื้อหาทั้งหมดเพราะเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน
ทนายจำเลยที่หนึ่งให้พล.ต.ต.จุมพลดูเอกสารและถามว่า ภาพที่เห็นเป็นภาพมุมเดียวทั้งหมด ซึ่งไม่มีลักษณะที่วีระไปยืนร่วมกับจำเลยอื่นๆ ที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้เลยใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลนิ่งเฉย ทนายจำเลยที่หนึ่งให้พล.ต.ต.จุมพลดูเอกสารแผนผังที่มีภาพจำเลยทั้งหมดและเขียนบรรยายถึงกลุ่มที่มาที่ไปของจำเลยแต่คนและถามว่า วีระไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง กลุ่มคนเสื้อแดงมาก่อนใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่ทราบ
ทนายจำเลยที่สอง (รังสิมันต์) ถามค้าน
ทนายจำเลยที่สองถามว่า วันเกิดเหตุพล.ต.ต.จุมพลไปที่เกิดเหตุในชุดนอกเครื่องแบบใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ใช่ ทนายจำเลยที่สองถามว่า วันเกิดเหตุพล.ต.ต.จุมพลไปถึงที่เกิดเหตุในช่วงใด พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า เดินทางไปถึงเวลาประมาณ 15.00 น. มีการชุมนุมประมาณ 17.00 น. จึงออกไปตรวจตรา โดยจุดที่ตรวจตราไม่อยู่กลางที่ชุมนุมและเดินไปมา ไม่ได้อยู่กับที่
ทนายจำเลยที่สองถามว่า พล.ต.ต.จุมพลทราบมาก่อนหรือไม่ว่า ใครคือ รังสิมันต์ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่เคยติดตามมาก่อนเกิดเหตุคดีนี้ แต่มีผู้ใต้บังคับบัญชารายงานมา ทนายจำเลยที่สองถามว่า ทราบหรือไม่ว่า รังสิมันต์เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่ทราบว่า รังสิมันต์เป็นนักศึกษาหรือประกอบอาชีพอะไร รวมทั้งไม่ทราบด้วยว่า จำเลยที่เหลือประกอบอาชีพอะไร
ทนายจำเลยที่สองถามว่า ทราบหรือไม่ว่า ก่อนหน้านี้มีการเคลื่อนไหว พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ได้รับรายงานเรื่อยๆ และตามจากสื่อมวลชน ทนายจำเลยที่สองถามว่า แล้วในรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้ระบุว่า จำเลยทำอาชีพอะไรหรือ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่มีหน้าที่รายงานว่า แต่ละคนทำอาชีพอะไร
ทนายจำเลยที่สองถามว่า ในที่ชุมนุมพล.ต.ต.จุมพลอยู่ห่างจากรังสิมันต์ประมาณกี่เมตร พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ประมาณ 15 เมตร ทนายจำเลยที่สองถามว่า แล้วพล.ต.ต.จุมพลได้ยินชัดเจนได้อย่างไรว่า รังสิมันต์พูดอะไร พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า รังสิมันต์และจำเลยรายอื่นๆ ใช้โทรโข่งเป็นเครื่องขยายเสียง ได้ยินว่า เป็นการพูดเรื่องการเมือง แต่ไม่ได้ฟังตลอดเนื่องจากมีผู้บันทึกภาพวิดีโอไว้อยู่แล้ว ทนายจำเลยที่สองถามว่า รังสิมันต์พูดว่า ให้ คสช. คืนอำนาจให้มีการเลือกตั้งใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลรับว่า จำถ้อยคำที่รังสิมันต์ปราศรัยไม่ได้
ทนายจำเลยที่สองให้พล.ต.ต.จุมพลดูเอกสารการถอดเทปคำปราศรัยและถามว่า ข้อความปราศรัยถูกต้องตามเอกสารหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่รับรองความถูกต้องแต่เอกสารมีการรับรองจากเจ้าหน้าที่ทหารแล้ว เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่ทหารส่งให้พนักงานสอบสวนเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ทนายจำเลยที่สองอ่านข้อความที่รังสิมันต์ปราศรัยจากเอกสารดังกล่าวให้พล.ต.ต.จุมพลฟังว่า การเลือกตั้งเป็นหนทางในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการใช้ความรุนแรง ถ้าหากพล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นคนไทยอยู่ต้องคืนอำนาจให้แก่ประชาชน หนทางในการคืนอำนาจที่ดีที่สุดคือการเลือกตั้ง ทนายจำเลยที่สองถามว่า ข้อความดังกล่าวมีความรุนแรงใดหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ตามถ้อยคำที่ปรากฏตามเอกสารดังกล่าวไม่มีถ้อยคำที่รุนแรงและต้องการให้ คสช. จัดการเลือกตั้งโดยเร็วเท่านั้น
ทนายจำเลยที่สองถามว่า พล.ต.ต.จุมพลเข้าใจเจตนารมณ์ในการชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า หน้าที่ของเขาคือการไปดูความเรียบร้อย ทนายจำเลยที่สองถามว่า ตอนที่ตรวจสอบเหตุการณ์ได้ยินว่า ให้มีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ในการปราศรัยมีหลายคน ได้ฟังและจำได้ว่า เป็นการโจมตีรัฐบาลและเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก และมีการพูดเรื่องทุจริต ส่วนถ้อยคำอื่นๆ จำไม่ได้
พล.ต.ต.จุมพลบรับว่า จำไม่ได้ว่า วันเกิดเหตุเป็นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ นอกจากกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วยังมีประชาชนเดินผ่านไปมาเนื่องจากบริเวณนั้นเป็นทางเชื่อมสถานีบีทีเอสสองสถานี คือ สนามกีฬาแห่งชาติและสยาม รวมทั้งห้างสยามพารากอน
ทนายจำเลยที่สองถามว่า พล.ต.ต.จุมพลได้ให้การกับพนักงานสอบสวนตรงกับที่ให้การในวันนี้ใช่หรือไม่ ซึ่งถ้าตรงก็ต้องตอบกับพนักงานสอบสวนด้วยว่า ไม่ได้ฟังทั้งหมดว่า รังสิมันต์ปราศรัยว่าอย่างไร พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ให้การต่อพนักงานสอบสวนโดยสรุปเท่านั้น ศาลกล่าวว่า ให้เรียกเอกสารมาให้ศาลดูและศาลจะเปรียบเทียบเองว่า แตกต่างกันหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลกล่าวต่อว่า ในวันที่ไปให้การกับพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนไม่ได้ตั้งคำถามเจาะจงว่า รังสิมันต์ปราศรัยตามถ้อยคำดังกล่าวหรือไม่ เป็นการถามอย่างรวมๆ
ทนายจำเลยที่สองถามว่า หลังมีการเลือกตั้ง พล.ต.ต.จุมพลทราบหรือไม่ว่า รังสิมันต์ได้รับเลือกให้เป็นส.ส. พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ทราบ
ทนายจำเลยที่สาม (สิรวิชญ์) ถามค้าน
ทนายจำเลยที่สามถามว่า หลังสิ้นสุดการชุมนุมไม่มีบุคคลใดออกมาก่อความวุ่นวายหรือก่อความไม่สงบใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า มีการชุมนุมในลักษณะเดียวกันนี้ แต่ไม่มีความรุนแรง ทนายจำเลยที่สามให้พล.ต.ต.จุมพลดูรัฐธรรมนูญมาตรา 50 ว่า การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของประชาชนใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลรับว่า ใช่ ทนายจำเลยที่สามถามว่า และเป็นการใช้เสรีภาพการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า เป็นการใช้เสรีภาพการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ แต่การชุมนุมจะผิดกฎหมายหรือไม่เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน ทนายจำเลยที่สามให้พล.ต.ต.จุมพลดูมาตรา 34 ของรัฐธรรมนูญว่า ประชาชนมีเสรีภาพในการคิดเขียนและปราศรัย พล.ต.ต.จุมพลรับว่า ใช่
ทนายจำเลยที่สามถามว่า การปราศรัยที่ว่า เป็นการโจมตีคนในรัฐบาล เรื่องที่พล.อ.ประวิตรมีนาฬิกาหรู 25 เรือน ใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ใช่ ทนายจำเลยที่สามถามว่า ข้อความที่เชิญชวนให้คนมาชุมนุมไม่ได้มีข้อความที่ชวนให้คนกระทำผิดกฎหมายใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ใช่ ทนายจำเลยที่สามถามว่า ประเทศไทยว่างเว้นจากการเลือกตั้งมาตั้งแต่ปี 2557 แล้วใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ใช่ ทนายจำเลยที่สามถามว่า ที่ผ่านมามีการเลื่อนการเลือกตั้งเนื่องจากติดเงื่อนไขต่างๆ ใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ใช่ แต่ไม่ทราบเหตุผล
ทนายจำเลยที่สี่ (ณัฎฐา) ถามค้าน
ทนายจำเลยที่สี่ให้พล.ต.ต.จุมพลดูเอกสารการโพสต์เชิญชวนคนให้มาชุมนุมและถามว่า มีรายชื่อของณัฏฐาที่เชิญชวนหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่มี ทราบว่า เป็นชื่อเพจแต่ไม่ทราบตัวบุคคลที่เป็นผู้โพสต์ ทนายจำเลยที่สี่ถามว่า เห็นหรือไม่ว่า ณัฏฐาเดินทางมาอย่างไร พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่ทราบว่า ณัฏฐาเดินทางมาอย่างไรแต่เห็นตอนที่ขึ้นปราศรัย
ทนายจำเลยที่สี่ถามว่า หลังจากที่ คสช. ยึดอำนาจมีกลุ่มที่เห็นต่างจาก คสช. ถูกดำเนินคดี พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ทราบว่า มีการดำเนินคดีทางการเมืองกับผู้ชุมนุม แต่ไม่ทราบรายละเอียดในแต่ละเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้ที่ทราบว่า คสช.ได้มอบอำนาจให้ทหารมาร้องทุกข์
ทนายจำเลยที่สี่ถามว่า การวิพากษ์วิจารณ์สามารถทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ต้องดูเนื้อหาที่วิพากษ์วิจารณ์ด้วย ทนายจำเลยที่สี่ให้ดูเอกสารถอดเทปคำปราศรัยของณัฏฐาและถามถึงความถูกต้อง พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า รับรองว่า ในแผนผังมีภาพของณัฏฐาด้วย แต่ไม่รับรองข้อความที่บรรยายซึ่งเป็นข้อความที่ฝ่ายทหารถอดมา และพล.ต.ต.จุมพลไม่รับรองว่า ข้อความที่ถอดเทปมาจะเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือไม่ เพราะการพิจารณาว่า เป็นภัยต่อความมั่นคงขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน
ทนายจำเลยที่สี่ถามว่า การตั้งข้อหาในคดีนี้และคดีอื่นๆ เพื่อให้จำเลยหยุดการคเลื่อนไหวทางการเมืองใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่ทราบ ทนายจำเลยที่สี่ถามว่า เมื่อสิ้นสุดการชุมนุมมีประชาชนออกมากระทำการผิดกฎหมายหรือกระทำการเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่ทราบ ทราบว่า ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561 มีการชุมนุมอีกครั้ง ทนายจำเลยที่สี่ถามว่า ระหว่างวันที่ 27 มกราคม-10 กุมภาพันธ์ 2561 มีประชาชนแสดงความกระด้างกระเดื่อง ขับไล่โจมตีรัฐบาลจากการชุมนุมของจำเลยหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า มีการรวมตัวกันแต่ไม่ได้มีการใช้ความรุนแรง
ทนายจำเลยที่สี่ถามว่า ในที่ชุมนุมไม่มีการใช้อาวุธใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ใช่ ทนายจำเลยที่สี่ถามว่า จำเลยมีการชุมนุมเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ไม่ได้มีการสร้างเงื่อนไขว่า ถ้าไม่มีการเลือกตั้งจะใช้ความรุนแรงใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า จำไม่ได้
ทนายจำเลยที่ห้า (อานนท์) ถามค้าน
ทนายจำเลยที่ห้าถามว่า พล.ต.ต.จุมพลเคยติดตามเฟซบุ๊กของอานนท์ จำเลยที่ห้าหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่เคย ทนายจำเลยที่ห้าถามว่า เห็นอานนท์ในที่ชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า เห็นแต่ไม่ได้ฟังว่า อานนท์พูดว่าอะไร
ทนายจำเลยที่หก (เอกชัย) ถามค้าน
ทนายจำเลยที่หกถามว่า ในเอกสารที่ระบุการเชิญชวนให้มาชุมนุมนั้น มีการระบุว่า ใครเป็นผู้ดูแลเพจที่เชิญชวนเหล่านั้นหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ในการสืบสวนมีการรายงานกันด้วยวาจาเท่านั้น ไม่ได้รายงานว่า ใครเป็นผู้ดูแลพจตามเอกสารที่ส่งมาเป็นหลักฐานในคดีนี้ ส่วนเอกชัย จำเลยที่หกจะโพสต์เชิญชวนหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลไม่ทราบ
ทนายจำเลยที่หกให้ดูเอกสารที่ระบุทำนองว่า เอกชัยเดินตัวคนเดียว และถามว่า เอกชัยไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่เหลือในการชุมนุมใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า เป็นไปตามเอกสารที่บอกว่า เอกชัยเดินตัวคนเดียว ยืนยันว่า ได้รับการรายงานมาและเชื่อว่า ถูกต้อง ทนายจำเลยถามว่า เอกชัยทำกิจกรรมเกี่ยวกับนาฬิกาของพล.อ.ประวิตรใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่ทราบ แต่ตามรายงานระบุว่า มีการทวงถามเรื่องนาฬิกาของพล.อ.ประวิตร
ทนายจำเลยที่หกถามว่า เห็นเอกชัยในที่ชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า เห็น แต่ไม่ได้ฟังว่า พูดอะไรและตามภาพหลักฐานเอกชัยไม่ได้ถือโทรโข่งขยายเสียงเลย
ทนายจำเลยที่หกถามว่า วันดังกล่าวหน่วยของพล.ต.ต.จุมพลลงพื้นที่ประมาณกี่คน พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า สิบคน ทนายจำเลยที่หกถามว่า พล.ต.ต.จุมพลได้ขอกำลังเสริมหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่ได้ขอกำลังเสริมเพราะไม่ใช่หน้าที่และเป็นการชุมนุมในระยะเวลาสั้นๆ และไม่ทราบว่า ตำรวจได้มีการขอศาลให้สั่งเลิกการชุมนุมหรือไม่
ทนายจำเลยที่เจ็ด (สุกฤษฎ์) ถามค้าน
ทนายจำเลยที่เจ็ดถามว่า รู้จักสุกฤษฎ์มาก่อนหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่รู้จักและทราบว่า ร่วมการชุมนุมจากรายงานการสอบสวน สุกฤษฎ์จะประกอบอาชีพอะไรหรือทำกิจกรรมทางการเมืองมาก่อนหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลก็ไม่ทราบ ทนายจำเลยที่เจ็ดถามว่า เอกสารถอดเทปคำปราศรัยที่ถอดมาถูกต้องใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า เชื่อว่า ถูกต้องเพราะทหารถอดคำปราศรัยมา
พล.ต.ต.จุมพลรับว่า ได้ไปให้การต่อพนักงานสอบสวนสน.ปทุมวันหลังเกิดเหตุ โดยไม่ได้ดูวิดีโอคำปราศรัย และในวันเกิดเหตุไม่ได้ฟังคำปราศรัยและไม่รู้ว่า สุกฤษฎ์คือใคร
ทนายจำเลยที่แปด (เนติวิทย์) ถามค้าน
ทนายจำเลยมที่แปดถามว่า พล.ต.ต.จุมพลได้เข้าไปดูในระบบคอมพิวเตอร์หรือไม่ว่า ข้อมูลที่ได้รับรายงานว่า มีการโพสต์เชิญชวนเป็นข้อมูลจริงที่ปรากฏในระบบ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่ได้เข้าไปดูในระบบคอมพิวเตอร์ ทนายจำเลยที่แปดถามว่า ในเอกสารที่นำส่งต่อศาลนี้ก็ไม่ปรากฏที่มาของข้อมูลหรือ URL ของการโพสต์เชิญชวนใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ปกติเวลาที่พิมพ์เอกสารออกมาก็จะไม่มีที่มาของข้อมูลระบุอยู่แล้ว
ทนายจำเลยที่แปดถามว่า พล.ต.ต.จุมพลได้ตรวจสอบหรือไม่ว่า เนติวิทย์ได้โพสต์เชิญชวนคนให้มาชุมนุม พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่ได้ตรวจสอบและจะมีการเชิญชวนหรือไม่ก็ไม่ทราบเช่นกัน ทนายจำเลยที่แปดถามว่า เห็นเนติวิทย์ในที่ชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า เห็นแต่ไม่ได้ฟังว่า พูดอะไร ขณะที่เห็น คือ ยืนโดยไม่ได้ถือโทรโข่ง
ทนายจำเลยที่เก้า (สมบัติ) ถามค้าน
ทนายจำเลยที่เก้าถามว่า รูปแบบของการชุมนุมสงบเรียบร้อยใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ใช่ ส่วนการชุมนุมจะเป็นความผิดหรือไม่เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน ทนายจำเลยที่เก้าถามถึงเอกสารถอดเทปคำปราศรัยว่า ถูกต้องตามจริงใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า เชื่อว่า จริงเพราะทหารรับรอง แต่ส่วนตัวไม่ได้รู้จักทหารรายดังกล่าว ทนายจำเลยที่เก้าถามว่า ในวันเกิดเหตุได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ทหารหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่ได้มีการประสาน เป็นการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่แต่ละส่วน
ทนายจำเลยที่เก้าถามว่า ได้มีการห้ามไม่ให้ชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า ไม่ได้ห้ามเพราะไม่ใช่หน้าที่ ทนายจำเลยที่เก้าถามว่า คำสัมภาษณ์ของสมบัติ จำเลยที่เก้า เช่นเรื่อง นาฬิกาของพล.อ.ประวิตรและการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป 90 วันไม่ได้ก่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ความวุ่นวายหรือทำให้คนอื่นทำผิดกฎหมายใช่หรือไม่ พล.ต.ต.จุมพลรับว่า เป็นเช่นนั้น เฉพาะในส่วนที่ทนายถาม
อัยการถามติง
อัยการให้พล.ต.ต.จุมพลดูแผนผังวันเกิดเหตุและถามว่า บุคคลดังกล่าวได้ไปชุมนุมหรือไม่ ทนายจำเลยที่หนึ่งลุกขึ้นค้านว่า เป็นการถามนำ ศาลไม่ได้จดในประเด็นนี้ อัยการถามต่อว่า การชุมนุมในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561 ผิดกฎหมายใด และเป็นหน้าที่ของใครในการระบุ พล.ต.ต.จุมพลตอบว่า เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในแต่ละท้องที่ที่จะสอบสวน
19 มีนาคม 2563
นัดสืบพยานโจทก์
ตั้งแต่เวลาประมาณ 9.00 น. เอกชัย สมบัติ วีระและสิรวิชญ์ ทยอยเดินทางมาถึงศาล ศาลขึ้นบัลลังก์ในเวลาประมาณ 9.50 น.
ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนแจ้งคู่ความว่า ลูกของท่านจะเดินทางกลับจากต่างประเทศในช่วงบ่ายวันนี้และจะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังเป็นเวลา 14 วันที่บ้านซึ่งจะทำให้ตัวผู้พิพากษากลายเป็นบุคคลในกลุ่มเสี่ยงไปด้วย จึงขอหารือกับคู่ความว่าจะยกเลิกวันนัดสืบพยานที่เดิมกำหนดไว้ในวันที่ 20 และ 27 มีนาคม แล้วก็หนดวันใหม่แทนหรือไม่ คิดเห็นเช่นไร
ทั้งฝ่ายอัยการและจำเลยไม่คัดค้านศาลจึงขอให้คู่ความกำหนดวันนัดใหม่ คู่ความตกลงเป็นวันที่ 13 และ 14 สิงหาคม 2563 จากนั้นศาลจึงให้โจทก์นำพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นพยานโจทก์ปากสุดท้ายเข้าสืบ ระหว่างที่ศาลกำลังสืบพยาน ในเวลาประมาณ 10.20 น. นัฏฐา จำเลยอีกคนหนึ่งตามมาสมทบในห้องพิจารณาคดี
สืบพยานโจทก์ปากพ.ต.ท.สมัคร ปัญญาวงศ์ พนักงานสอบสวนในคดี
พ.ต.ท.สมัครเบิกความว่า ขณะเกิดเหตุคดีนี้เขารับราชการตำรวจในตำแหน่งรองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวน สน.ปทุมวัน มีอำนาจหน้าที่สอบสวนผู้กระทำความผิดในคดีอาญาและปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา เกี่ยวกับคดีนี้ในวันที่ 29 มกราคม 2561 พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ รับมอบอำนาจจาก คสช.มาร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยในคดีนี้เจ็ดคน
ได้แก่ รังสิมันต์ เนติวิทย์ อานนท์ สุกฤษฎ์ สิรวิชญ์ ณัฏฐา และ เอกชัย ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ห้าคน และข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116
พ.ต.ท.สมัครเบิกความว่า พ.อ.บุรินทร์ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยว่า คสช. และกองทัพภาคที่1 ติดตามสถานการณ์บนสื่อสังคมออนไลน์และตรวจพบว่าในวันที่ 25 มกราคม 2561 เฟซบุ๊กเพจของกลุ่มพลเมืองโต้กลับแชร์ข้อมูลจากเฟซบุ๊กกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ซึ่งประกาศเชิญชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมกันในวันที่ 27 มกราคม 2561
เมื่อถึงวันดังกล่าว วีระ สิรวิชญ์ ณัฏฐา และเอกชัย รวมตัวกันที่สวนครูองุ่น ซอยทองหล่อ ในงานเสวนาเรื่องคอร์รัปชัน
อัยการถามพ.ต.ท.สมัครว่า ทราบรายละเอียดของงานเสวนาหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ทราบเนื้อหาของงานเสวนาในรายละเอียด จากนั้นจึงเบิกความต่อว่า หลังจบงานเสวนา จำเลยทั้งสี่คนที่อยู่ที่สวนครูองุ่นแยกย้ายกันเดินทางไปที่สกายวอล์ก หอศิลป์ กรุงเทพฯ
เกี่ยวกับรายละเอียดของเหตุการณ์ที่สกายวอล์ก พ.ต.ท.สมัครเบิกความว่า รังสิมันต์เป็นผู้ปราศรัยโดยใช้โทรโข่งปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลและคสช.พูดถึงการเลื่อนการเลือกตั้ง นอกจากรังสิมันต์ จำเลยคนอื่นๆ ทั้งสิรวิชญ์ อานนท์ ณัฐฏา สุกฤษฎ์ และเนติวิทย์ต่างผลัดกันปราศรัยโจมตีคสช. และพูดเรื่องการเลือกตั้ง
ระหว่างที่จำเลยกลุ่มดังกล่าวผลัดกันปราศรัย สมบัติ วีระ และเอกชัยก็ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในบริเวณใกล้เคียง เบื้องต้นคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นว่าการกระทำของจำเลยเจ็ดคน ได้แก่ รังสิมันต์ เนติวิทย์ อานนท์ สุกฤษฎ์ สิรวิชญ์ ณัฏฐา และ เอกชัย เป็นความผิดจึงมอบหมายให้พ.อ.บุรินทร์มาดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ
พ.ต.ท.สมัครเบิกความต่อว่า ในวันที่ 30 มกราคม 2561 ตัวเขาประสานไปยังสำนักงานเขตปทุมวันเพื่อขอให้มาวัดระยะจากสถานที่เกิดเหตุไปที่วังสระปทุมว่าห่างกันเป็นระยะทางเท่าใด โดยเขตปทุมวันได้ส่งธีรยุทธ์ เกื้อหนุน นายช่างโยธาของเขตมาช่วยดำเนินการวัดระยะทาง
อัยการนำภาพแผนผังโดยสังเขปของที่เกิดเหตุมาให้พ.ต.ท.สมัครดูแล้วถามว่าจุดที่ทำเครื่องหมายดอกจันไว้หมายถึงอะไร พ.ต.ท.สมัครตอบว่าหมายถึงจุดที่ผู้ชุมนุมรวมตัวกัน
อัยการถามพ.ต.ท.สมัครต่อว่า พื้นที่สกายวอล์กเป็นพื้นที่ของเอกชนหรือพื้นที่สาธารณะ พ.ต.ท.สมัครเบิกความว่า จากการสอบปากคำประพาส เหลืองศิรินภา จากสำนักงานวิศวกรรมจราจรและขนส่ง ประพาสได้ส่งมอบเอกสารที่บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพขออนุญาตก่อสร้างสกายวอล์กให้กับตัวเขา โดยเอกสารดังกล่าวระบุว่าพื้นที่สกายวอล์กถือเป็นพื้นที่สาธารณะ
พ.ต.ท.สมัครเบิกความต่อว่า เมื่อได้ความว่าพื้นที่สกายวอล์กเป็นพื้นที่สาธารณะ และจุดที่ผู้ชุมนุมรวมตัวกันอยู่ห่างจากวังสระปทุมไม่ถึง 150 เมตร เขาจึงดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยทั้ง 7 คนเพิ่มเติมในข้อหาชุมนุมห่างจากเขตที่ประทับไม่เกิน 150 เมตร ตามมาตรา 7 ของ พ.ร.บ.ชุมนุมฯ
ต่อมาในวันที่ 31 มกราคม 2561 มีการจัดตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนเพื่อการดำเนินคดีนี้รวมทั้งสิ้น 31 นาย โดยตัวเขาเป็นหนึ่งในคณะทำงานด้วย คณะทำงานได้ออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหาเจ็ดคนได้แก่ รังสิมันต์ เนติวิทย์ อานนท์ สุกฤษฎ์ สิรวิชญ์ ณัฏฐา และ เอกชัย มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561 แต่เมื่อถึงวันดังกล่าวก็ยังไม่มีบุคคลใดมารายงานตัว
พ.ต.ท.สมัครเบิกความต่อว่า เมื่อไม่มีผู้ต้องหาคนใดมารายงานตัว ทางคณะทำงานได้จัดประชุมกันในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561 และมีมติร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลเป็นผู้ต้องหาในคดีเพิ่มเติมอีกสองคนคือ วีระและสมบัติ โดยคณะกรรมการตั้งข้อกล่าวหากับทั้งสองเหมือนกับที่ตั้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาอีกเจ็ดคนก่อนหน้านี้
สำหรับการดำเนินการในส่วนของเขา พ.ต.ท.สมัครเบิกความเพิ่มเติมว่าหลังจากวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เขาได้ทำการสอบปากคำพยานบุคคลเพิ่มเติม และส่งแผ่นซีดีที่ พ.อ.บุรินทร์นำมามอบให้ไปตรวจสอบว่ามีการตัดต่อดัดแปลงหรือไม่ ซึ่งผลออกมาว่า ไม่มี
พ.ต.ท.สมัครเบิกความว่า ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 จำเลยส่วนหนึ่งมารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาตามกระบวนการ แต่มีจำเลยอีกส่วนหนึ่งได้แก่ อานนท์ รังสิมันต์ สิรวิชญ์ และเอกชัยที่ไม่ได้มารายงานตัว ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ทางคณะทำงานจึงขอให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องหาก่อนที่ต่อมาทั้งสี่จะถูกจับกุมในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561
พ.ต.ท.สมัครเบิกความต่อไปว่า ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธและได้ส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร นอกจากนั้นผู้ต้องหายังขอให้พนักงานสอบสวนเรียกพยานบุคคลมาสอบปากคำเพิ่มเติมด้วย
อัยการถามว่านอกจากจำเลยคดีนี้แล้วมีบุคคลอื่นถูกดำเนินคดีจากการร่วมชุมนุมครั้งเดียวกันอีกหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่ามีจำเลยถูกอีก 30 คนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ห้าคน และข้อหาตามมาตรา 7 ของพ.ร.บ.ชุมนุมฯ
ในจำนวนนั้นมีสองคนที่รับสารภาพซึ่งศาลแขวงปทุมวันพิพากษาจำคุกทั้งสองเป็นเวลา 6 วันโดยให้รอลงอาญาไว้ จากนั้นอัยการขอให้พ.ต.ท.สมัครชี้ตัวจำเลยที่อยู่ในห้อง พ.ต.ท.สมัครชี้ตัวเอกชัย อานนท์ และสิรวิชญ์ แต่ไม่ได้ชี้ตัวณัฏฐาเนื่องจากขณะนั้นเธอไม่อยู่ในห้องพิจารณาคดี
อัยการแถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่หนึ่ง (วีระ) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่า วันที่ พ.อ.บุรินทร์มาร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลย ได้นำหนังสือของคสช.ที่มอบอำนาจให้พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้ พ.อ.บุรินทร์มาร้องทุกข์กล่าวโทษมาแสดงหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่มี ทนายจำเลยถามว่าในเอกสารที่ พ.อ.บุรินทร์นำมามอบให้ พ.ต.ท.สมัครครั้งแรกไม่มีชื่อของวีระปรากฎอยู่ด้วยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยให้พ.ต.ท.สมัครดูเอกสารถอดเทปบทสัมภาษณ์ของวีระแล้วถามว่า ไม่มีถ้อยคำใดที่เข้าข่ายเป็นการยุยงให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมือง หรือให้ประชาชนออกมาละเมิดกฎหมายบ้านเมืองใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่า ไม่มี
ทนายจำเลยถามว่าข้อความที่วีระพูดเป็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันและการสืบทอดอำนาจ ซึ่งถือเป็นการแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามต่อว่าในแผนที่สังเขปสถานที่เกิดเหตุได้ระบุหรือไม่ว่า วีระยืนอยู่จุดใด พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ได้ระบุไว้ ทนายจำเลยนำเอกสารที่เป็นการบันทึกหน้าจอข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ที่ใช้โพสต์เชิญชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมมาให้พ.ต.ท.สมัครดูแล้วถามว่ามีข้อความที่วีระโพสต์สนับสนุนการชุมนุมหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าไม่มี
ทนายจำเลยถามต่อว่าตามเอกสารหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายของวีระให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวมาให้พ.ต.ท.สมัครดูแล้วถามว่า ตามภาพจุดที่วีระยืนอยู่ห่างจากจุดที่มีการชุมนุมหรือการปราศรัยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าใช่ ทนายจำเลยถามต่อว่าจุดที่วีระและสมบัติยืนให้สัมภาษณ์เป็นจุดที่ประชาชนทั่วไปสามารถเดินไปได้โดยชอบใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยนำเอกสารที่เป็นภาพถ่ายของวีระหลายๆ ภาพมาให้พ.ต.ท.สมัครดูแล้วถามว่าไม่มีภาพของวีระในวันเกิดเหตุใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ทราบว่ามีภาพของวีระในวันเกิดเหตุหรือไม่ ทราบแต่ว่ามีภาพของวีระ
ทนายจำเลยถามว่างานเสวนาในวันที่ 27 มกราคม 2561 ที่สวนครูองุ่นหัวข้อคอรัปชัน 4.0 มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเขาไม่ทราบรายละเอียด ทนายจำเลยถามต่อว่าการต่อต้านคอรัปชันถือเป็นความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าเอกสารที่เป็นข้อมูลส่วนตัวของวีระระบุข้อความว่าวีระเป็นแกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ซึ่งกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงก่อตั้งและทำกิจกรรมในช่วงที่วีระรับโทษจำคุกอยู่ที่กัมพูชาใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ทราบ
ทนายจำเลยที่หนึ่งแถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่สอง (รังสิมันต์) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่าที่พ.ต.ท.สมัครระบุว่าพล.ต.วิจารณ์ จดแตงมอบอำนาจให้พ.อ.บุรินทร์มาร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยคดีนี้ พ.ต.ท.สมัครได้สอบปากคำพยานในประเด็นที่ว่าพล.ต.วิจารณ์มีอำนาจหน้าที่ในการร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยแทนคสช.โดยชอบหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ได้สอบปากคำพยานในประเด็นนี้
ทนายจำเลยถามต่อว่าในวันที่ 27 มกราคม วันเกิดเหตุ พ.ต.ท.สมัครได้ไปที่เกิดเหตุหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ได้ไป ทนายจำเลยถามว่าในวันที่ไปวัดระยะทางมีบุคคลใดไปบ้างและคนที่ไปอยู่ในที่เกิดเหตุในวันเกิดเหตุหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าวันที่วัดระยะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่จราจรไปด้วย แต่ตัวเขาไม่ทราบว่าคนที่ไปร่วมวัดระยะทางจะอยู่ในที่เกิดเหตุเมื่อวันเกิดเหตุหรือไม่
ทนายจำเลยถามต่อว่าเมื่อตัวพ.ต.ท.สมัครไม่ได้ไปในที่เกิดเหตุในวันเกิดเหตุแล้วจะทราบได้อย่างไรว่าเครื่องหมายดอกจันบนแผนที่แสดงจุดที่มีการชุมนุมได้ถูกต้อง พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเขาไม่แน่ใจ ทนายจำเลยถามว่าการวัดระยะทำบนสกายวอล์กหรือบนผิวถนน พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเป็นการวัดที่ผิวถนน
ทนายจำเลยถามว่าขณะเกิดเหตุรังสิมันต์ยังเป็นนักศึกษาอยู่ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ทราบ ทนายจำเลยถามว่าตามเอกสารถอดเทปคำปราศรัย มีจุดที่ทำเครื่องหมายไฮไลต์ไว้ พ.ต.ท.สมัครทราบหรือไม่ว่าใครเป็นคนทำเครื่องหมายดังกล่าวไว้ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ทราบ
ทนายจำเลยถามต่อว่าพ.ต.ท.สมัครทราบหรือไม่ว่าเนื้อหาที่รังสิมันต์ปราศรัยโดยสรุปพูดถึงการบริหารประเทศที่ไม่โปร่งใส การเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง และการโจมตีเรื่องการสืบทอดอำนาจ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเป็นไปตามเอกสาร
ทนายจำเลยถามว่าในวันเกิดเหตุ การชุมนุมเริ่มและยุติประมาณกี่โมง พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ทราบ ทราบแค่ว่าการชุมนุมใช้เวลาไม่นาน ทนายจำเลยถามว่าหลังการชุมนุมก็ไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยที่สองแถลงหมดคำถาม
หลังทนายจำเลยที่สองถามค้านเสร็จก็เป็นเวลา 11.40 น. ศาลจึงถามคู่ความว่าจะพักเที่ยงแล้วมาสืบพยานต่อในช่วงบ่ายเลยหรือไม่ คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่คัดค้าน ศาลจึงเลื่อนไปสืบพยานต่อในช่วงบ่าย
ในเวลาประมาณ 13.40 ศาลกลับมาขึ้นบัลลังก์และสืบพยานต่อ ช่วงบ่ายเอกชัย และสมบัติเดินทางกลับไปแล้ว เหลือจำเลยเพียง 3 คนคือณัฏฐาและสิรวิชญ์กับอานนท์ที่เป็นทนายความให้สมบัติอยู่ร่วมฟังการสืบพยานในช่วงบ่าย
ตอบทนายจำเลยที่สาม (สิรวิชญ์) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่า ในวันเกิดเหตุพ.อ.บุรินทร์ไม่ได้ไปในที่เกิดเหตุ ทั้งที่สวนครูองุ่นและที่สกายวอล์กใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าใช่ ทนายจำเลยถามว่าฝ่ายสืบสวนไม่ได้ส่งรายละเอียดของงานเสวนาที่สวนครูองุ่นให้ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่ามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนมารายงานหรือไม่ว่ามีการพูดคุยแบ่งงานเรื่องการชุมนุมที่สกายวอล์กระหว่างที่มีกิจกรรมที่สวนครูองุ่น พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่มี
ทนายจำเลยถามว่าพ.ต.ท.สมัครรับราชการที่สน.ปทุมวันตั้งแต่เมื่อไรถึงเมื่อไร พ.ต.ท.สมัครตอบว่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2559 ถึงเดือนมีนาคม 2561
ทนายจำเลยถามต่อว่าระหว่างที่รับราชการมีการติดป้ายห้ามการชุมนุมเพราะอยู่ในรัศมี 150 เมตรจากเขตที่ประทับบนสกายวอล์กหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่มี ทนายจำเลยถามว่าระหว่างที่พ.ต.ท.สมัครรับราชการที่สน.ปทุมมวันก็มีการชุมนุมที่ลานหน้าหอศิลป์ เช่น กิจกรรมเรียกร้องความเป็นธรรมให้เสือดำ หรือเรื่องประท้วงกกต.ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าเคยได้ยินกิจกรรมเกี่ยวกับเสือดำแต่ไม่ทราบเรื่องกิจกรรมประท้วงกกต.
ทนายจำเลยถามว่าหากประเมินด้วยสายตา ระยะทางจากลานหน้าหอศิลป์กรุงเทพ ไปถึงวังสระปทุม จะสั้นกว่าระยะทางจากวังสระปทุมถึงสกายวอล์กที่เป็นพื้นที่ชุมนุมใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ทนายจำเลยถามว่าระหว่างที่พ.ต.ท.สมัครรับราชการที่สน.ปทุมวัน มีการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมในคดีอื่นนอกจากคดีนี้หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเท่าที่ทราบไม่มี
ทนายจำเลยให้พ.ต.ท.สมัครดูแผนที่สังเขปของวังสระปทุมแล้วถามว่าทราบหรือไม่ว่าในรั้ววังสระปทุมนอกจากจะมีอาคารที่เป็นที่ประทับแล้ว ยังมีอาคารมูลนิธิ ร้านอาหารและพิพิธภัณฑ์ด้วย พ.ต.ท.สมัครทราบหรือไม่ว่าจริงๆ แล้วอาคารที่กรมสมเด็จพระเทพฯทรงประทับอยู่ที่อาคารใด พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ทราบ และเขาไม่เคยเข้าไปในวังสระปทุม
ทนายจำเลยถามว่าตามบันทึกคำปราศรัย สิรวิชญ์พูดเรื่องประชาธิปไตย เรื่องถึงเวลาเลือกตั้ง เรื่องการทำรัฐประหารและการเลื่อนการเลือกตั้ง ซึ่งการปราศรัยก็มีลักษณะเป็นการพุดแบบสุภาพ ไม่ได้มีลักษณะเป็นการยุยงให้ประชาชนทำผิดกฎหมายใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่ ทนายจำเลยถามต่อว่าการพูดเรื่องการเลือกตั้งเป็นการพูดตามกรอบของรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าการปราศรัยเรื่องการคอร์รัปชันก็เป็นการพูดตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่ ทนายจำเลยถามต่อว่าการเรียกร้องเรื่องการเลือกตั้งเป็นการเรียกร้องที่สมเหตุสมผลใช่หรือไม่ เพราะคสช.อยู่ในอำนาจมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 จนถึงวันเลือกตั้งก็เป็นเวลา 5 ปีแล้ว พ.ต.ท.สมัครรับว่าเป็นตามนั้น
ทนายจำเลยถามว่าขณะเกิดเหตุสิรวิชญ์เป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าใช่
ทนายจำเลยถามต่อว่าพ.ต.ท.สมัครทราบหรือไม่ว่าจำเลย 28 คนที่ร่วมชุมนุมในเหตุการณ์เดียวกันนี้และถูกพนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหา ท้ายที่สุดอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดี พ.ต.ท.สมัครรับว่าทราบ
ทนายจำเลยถามว่าพ.ต.ท.สมัครเคยเห็นเอกสารที่เจ้าหน้าที่ทหารจัดทำขึ้นมาส่งให้ตำรวจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินคดีผู้ที่แสดงออกทางการเมืองหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่เคยเห็นและไม่มีในสำนวนคดีนี้
ทนายจำเลยที่สามแถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่สี่ (ณัฏฐา) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่า ทราบหรือไม่ว่าวันเกิดเหตุณัฏฐาเดินทางมาที่สกายวอล์กอย่างไร พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ทราบ ทนายจำเลยถามว่าการชุมนุมในวันเกิดเหตุเป็นไปโดยสงบหรือไม่และผู้ชุมนุมมีอาวุธหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าโดยทั่วไปเป็นไปโดยสงบ ส่วนผู้ชุมนุมจะมีอาวุธหรือไม่เขาไม่ทราบและไม่ได้รับรายงานว่าผู้ชุมนุมมีอาวุธ
ทนายจำเลยถามว่าหลังการชุมนุมยุติ ผู้ชุมนุมก็แยกย้ายกันกลับบ้านใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าวันเกิดเหตุ ณัฏฐาปราศรัยขอให้มีการเลือกตั้ง ขอให้ยุติการนำกฎหมายมาดำเนินคดีกับประชาชนอย่างพร่ำเพรื่อและเรียกร้องหลักนิติรัฐนิติธรรม ไม่ได้เรียกร้องให้ประชาชนก่อความวุ่นวายหรือใช้ความรุนแรง และไม่ได้เรียกร้องให้ล้มล้างรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าณัฏฐาเคยขอความเป็นธรรมให้สอบปากคำพยานเพิ่มเติม เช่น จาตุรนต์ ฉายแสง ชัยเกษม นิติศิริ และโภคิณ พลกุล พ.ต.ท.สมัครได้เรียกบุคคลเหล่านั้นมาสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเขาได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่สถานีตำรวจอื่นจึงไม่ได้เรียกบุคคลเหล่านั้นมาสอบปากคำ แต่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ที่มารับช่วงต่อได้ดำเนินการเรียกพยานมาสอบปากคำเพิ่มเติม แต่จะเรียกมาครบตามที่ณัฏฐาร้องขอหรือไม่และมีใครบ้างเขาไม่ทราบ
ทนายจำเลยถามว่าในวันที่จำเลยที่สี่มารับทราบข้อกล่าวหา พ.ต.ท.สมัคร พาตัวจำเลยมาฝากขังต่อศาลเลยเป็นเพราะต้องการทำให้เกรงกลัวใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ใช่ แต่ที่ต้องนำตัวมาฝากขังเป็นเพราะคดีนี้มีอัตรโทษสูง ทนายจำเลยถามว่าความเห็นสั่งฟ้องคดีเป็นความเห็นของพ.ต.ท.สมัครหรือของคระทำงานฯ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเป็นของคณะทำงานฯ
ทนายจำเลยถามว่าตามระบอบประชาธิปไตยประชาชนย่อมมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าใช่
ทนายจำเลยที่สี่แถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่ห้า (อานนท์) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่า คำปราศรัยของอานนท์ มีข้อเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งภายในปี 2561 ปราศรัยว่าขอให้เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ และวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคสช.กรณีการดำเนินคดีประชาชนใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเป็นไปตามเอกสารส่วนจะเป็นความผิดหรือไม่ ไม่ทราบ
ทนายจำเลยถามว่าในวันเกิดเหตุพ.ต.ท.สมัครก็ไม่ทราบใช่หรือไม่ว่าผู้ชุมนุมจะอยู่ภายในรัศมี 150 เมตรจากที่ประทับหรือไม่ แต่มาทราบเอาภายหลังจากที่มีการวัดระยะ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่ ทนายจำเลยถามว่าในพ.ร.บ.ชุมนุมมาตรา 8 มีการเขียนไว้อย่างชัดเจนหรือไม่ว่าการวัดระยะต้องวัดจากจุดใด พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่มี
ทนายจำเลยถามว่าเหตุใดจึงวัดระยะจากแนวรั้วของวังสระปทุม แต่ไม่วัดจากพระตำหนักที่ประทับ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเป็นเพราะเขาไม่สามารถที่จะเข้าไปทำการวัดระยะในพื้นที่วังสระปทุมได้ นอกจากนั้นเขาก็เห็นว่าตั้งแต่แนวรั้วเข้าไปก็นับเป็นเขตที่ประทับแล้ว
ทนายจำเลยถามว่าพ.ต.ท.สมัครทราบหรือไม่ว่าหลังเกิดเหตุคดีนี้ผู้ชุมนุมกลุ่มเดียวกันนี้บางส่วนก็ไปชุมนุมในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ถนนราชดำเนินใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พ.ต.ท.สมัครตอบว่าทราบ
ทนายจำเลยถามต่อว่า ตัวของพ.ต.ท.สมัครเองก็เคยไปเบิกความเป็นพยานที่ศาลในคดีที่เกิดจากการชุมนุมในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ซึ่งมีผู้ชุมนุมในคดีนี้ส่วนหนึ่งถูกดำเนินคดีด้วยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเคยไปเบิกความจริงแต่จะเป็นคดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมในวันที่ 10 กุมภาพันธ์หรือไม่ ไม่แน่ใจ
ทนายจำเลยถามว่าบดีศร เผ่าสุทอ พยานผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่พ.ต.ท.สมัครเชิญมาสอบปากคำเกี่ยวกับถ้อยคำที่ใช้ในการปราศรัย เป็นคนของพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล ใช่หรือไม่ และเป็นบุคคลที่เคยได้รับมอบอำนาจจากพล.ต.อ.ศรีวราห์ให้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลอื่นในความผิดฐานหมิ่นประมาทใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่า ไม่ทราบ
ทนายจำเลยที่ห้าแถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่หก (เอกชัย) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่าไม่ปรากฎว่าเอกชัยโพสต์ข้อความชักชวนหรือแชร์ข้อความเชิญชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมของเพจกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าพ.ต.ท.สมัครเคยขอให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ตรวจสอบหรือไม่ว่ามีโพสต์เชิญชวนประชาชนร่วมการชุมนุมอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์จริง และให้ตรวจว่าไอพีแอดเดรสที่ใช้โพสต์ข้อความดังกล่าวเป็นของบุคคลใด พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่เคย
ทนายจำเลยถามว่าในส่วนของเอกชัย เบื้องต้นเอกสารร้องทุกข์กล่าวโทษปรากฎชื่อของนันทพงศ์ ปานมาศ แต่ต่อมาชื่อดังกล่าวถูกแก้ไขเป็นชื่อขชองเอกชัยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าเบื้องต้นพ.อ.บุรินทร์ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีจำเลยคดีนี้ด้วยข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และความผิดตามคำสั่งหัวหน้าคสช.เท่านั้นใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าในส่วนของความผิดตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯ พ.ต.ท.สมัครได้สอบปากคำผู้กำกับสน.ปทุมวันในฐานะเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ได้สอบปากคำ
ทนายจำเลยถามว่าผู้กำกับเองก็ไม่ได้สั่งให้ผู้ชุมนุมแก้ไขการชุมนุมตามมาตรา 7 ซึ่งห้ามชุมนุมในรัศมีไม่เกิน 150 เมตรจากที่ประทับด้วยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ได้มีการสั่งแก้ไข และไม่มีในสำนวน
ทนายจำเลยถามว่าพ.ต.ท.สมัครเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยในความผิดตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯเอง ไม่ใช่ผู้กำกับซึ่งเป็นเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าตามเอกสารบันทึกคำสัมภาษณ์เอกชัยที่มีต่อผู้สื่อข่าว เอกชัยให้สัมภาษณ์เรื่องนาฬิกาของพล.อ.ประวิตร ซึ่งประเด็นนี้มีการรายงานข่าวโดยสื่อมวลชน ซึ่งพ.ต.ท.สมัครเองก็เคยได้ยินข่าวใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าพล.อ.ประวิตรเองก็เคยยอมรับกับสื่อว่ามีนาฬิกาจริง และเป็นนาฬิกาที่ยืมเพื่อนมา ซึ่งสื่อก็เคยรายงานเรื่องนี้ ดังนั้นการให้สัมภาษณ์ของเอกชัยจึงไม่ได้เป็นการบิดเบือนใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเป็นไปตามที่สื่อมวลชนรายงาน
ทนายจำเลยให้พ.ต.ท.สมัครดูภาพของเอกชัยในที่เกิดเหตุแล้วถามว่าตามภาพเอกชัยยืนอยู่คนเดียว ไม่ได้ยืนกับแกนนำที่กำลังปราศรัยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามต่อว่าเอกชัยก็ไม่ได้มีพฤติการณ์ถือโทรโข่งปราศรัยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่ ทนายจำเลยถามว่าตามเอกสารการข่าวที่มีประวัติว่าจำเลยแต่ละคนเคยไปร่วมการชุมนุมกับใครมาบ้าง ไม่ปรากฎว่าเอกชัยเคยไปร่วมการชุมนุมกับจำเลยคนอื่นๆ มาก่อนใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าการวัดระยะทางจากแนวรั้ววังสระปทุมมายังที่เกิดเหตุ ไม่ได้เป็นการวัดด้วยสายวัดแต่เป็นการคำนวณทางคณิตศาสตร์ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเป็นการวัดด้วยกล้อง
ทนายจำเลยถามต่อว่าเจ้าหน้าที่โยธาไม่ได้ส่งมอบข้อมูลการวัดอย่างละเอียด ไม้แต่แจ้งระยะทางใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าจำเลยเคยร้องขอให้สอบปากคำพยานเพิ่มเติม พ.ต.ท.สมัครได้ดำเนินการตามที่จำเลยร้องขอหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเขาจำไม่ได้แต่ทราบว่ามีพนักงานสอบสวนคนอื่นดำเนินการให้
ทนายจำเลยที่หกแถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่เจ็ด (สุกฤษฎ์) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่าสุกฤษฎ์เคยยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรชี้แจงว่าการชุมนุมเป็นการชุมนุมโดยความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเป็นไปตามเอกสาร
ทนายจำเลยถามว่าตามเอกสารหลักฐาน ไม่ปรากฎว่ามีชื่อของสุกฤษฎ์โพสต์หรือแชร์ข้อความเชิญชวนให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าการเรียกร้องการเลือกตั้งได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าภาพถ่ายบุคคลที่มีการวงกลมรอบใบหน้าด้วยสีแดงแล้วระบุว่าเป็นสุกฤษฎ์ ภาพถ่ายดังกล่าวไม่ชัดเจนใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าภาพถ่ายดังกล่าวไม่ชัดเจนแต่เมื่อดูในแผ่นซีดีจะเห็นชัดเจนว่าเป็นสุกฤษฎ์
ทนายจำเลยถามว่าในการปราศรัยสุกฤษฎ์ไม่ได้ปราศรัยเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรง เผาสถานที่ราชการ หรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ สุกฤษฎ์เพียงแต่ปราศรัยแสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน ปัญหาการคอร์รัปชัน และเรียกร้องการเลือกตั้งในปี 2561 ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าสุกฤษฎ์ปราศรัยถึงการปกครองแบบเผด็จการที่ตรวจสอบไม่ได้
ทนายจำเลยถามว่าเจ้าหน้าที่ของเขตปทุมวันแจ้งกับพ.ต.ท.สมัครหรือไม่ว่าข้อมูลการวัดระยะทางอาจมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อย พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ได้บอก ได้แต่บอกว่าระยะห่างเป็นระยะเท่าใด
ทนายจำเลยที่เจ็ดแถลงหมดคำถาม
ฺตอบทนายจำเลยที่แปด (เนติวิทย์) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่า เอกสารที่เป็นข้อความโพสต์เชิญชวนประชาชนร่วมชุมนุมบนเฟซบุ๊ก ไม่มีชื่อของเนติวิทย์ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่มี
ทนายจำเลยถามว่าการเรียกร้องการเลือกตั้งเป็นการพิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยซึ่งเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าตามภาพถ่ายในวันเกิดเหตุเนติวิทย์ไม่ได้ถือไมค์หรือโทรโข่งปราศรัยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่ ทนายจำเลยถามต่อว่าตามภาพจุดที่เนติวิทย์ยืนไม่ใช่จุดที่แกนนำทำการปราศรัยใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ทราบ
ทนายจำเลยถามว่าตามข้อความถอดเทปคำปราศรัย สิ่งที่เนติวิทย์พูดเป็นเพียงการให้กำลังใจผู้ชุมนุมใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเป็นไปตามเอกสาร ทนายจำเลยถามว่าถ้อยคำที่เนติวิทย์พูดเป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าใช่
ทนายจำเลยถามว่าถ้อยคำที่พูดไม่ได้มีลักษณะรุนแรง หรือข่มขืนใจผู้อื่นใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ขอตอบ ทนายจำเลยถามต่อว่าถ้อยคำของเนติวิทย์ก็ไม่ได้บอกให้ประชาชนละเมิดกฎหมายและอยู่ในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่มีถ้อยคำบอกให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย แต่จะเป็นการพูดตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ไม่ขอตอบ
ทนายจำเลยถามว่าพ.ต.ท.สมัครทราบเรื่องการรัฐประหาร วิธีการเข้าสู่อำนาจและการใช้อำนาจของคสช.ที่มีลักษณะเป็นเผด็จการหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าทราบวิธีการเข้าสู่อำนาจของคสช.แต่จะเป็นเผด็จการหรือไม่ ไม่ขอตอบ
ทนายจำเลยที่แปดแถลงหมดคำถาม
ตอบทนายจำเลยที่เก้า (สมบัติ) ถามค้าน
ทนายจำเลยถามว่า ตามคำสัมภาษณ์ของสมบัติ มีถ้อยคำปลุกระดมหรือเชิญชวนให้ประชาชนไปก่อความวุ่นวายหรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่มี
ทนายจำเลยถามว่าในเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวกับการใช้สื่อสังคมออนไลน์เชิญชวนประชาชนออกมาร่วมชุมนุมไม่ปรากฎว่าสมบัติได้ประกาศเชิญชวนบุคคลใดมาร่วมชุมนุมใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครรับว่าไม่มี
ทนายจำเลยถามว่าคณะทำงานสอบสวนไม่ได้ตั้งประเด็นดำเนิคดีจำเลยเพื่อใช้กฎหมายสกัดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชนใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ได้เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์นั้น
ทนายจำเลยที่เก้าแถลงหมดคำถาม
ตอบอัยการถามติง
อัยการถามว่าหนังสือมอบอำนาจให้พล.ต.วิจารณ์มาดำเนินคดีถือเป็นหนังสือราชการ ส่วนคสช.จะแบ่งหน้าที่โครงสร้างการทำงานอย่างไร พ.ต.ท.สมัครก็ไม่ทราบใช่หรือไม่ พ.ต.ท.สมัครตอบว่าไม่ทราบ
อัยการถามว่าในส่วนของวีระซึ่งเป็นจำเลยที่1 เหตุใดคณะกรรมการจึงมีมติดำเนินคดี พ.ต.ท.สมัครตอบว่าก่อนเกิดเหตุคดีนี้วีระเคยไปร่วมการชุมนุมอื่นอยู่เป็นระยะ ตามรายงานการสืบสวน และก่อนจะมาชุมนุมในวันนี้วีระก็ไปร่วมกิจกรรมที่สวนครูองุ่น
อัยการถามว่าการทำเครื่องหมายดอกจันบนแผนที่สังเขปการชุมนุมเพื่อแสดงจุดที่กลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกัน พ.ต.ท.สมัครทราบตำแหน่งได้อย่างไรในเมื่อวันเกิดเหตุไม่ได้ไป พ.ต.ท.สมัครตอบว่าทราบจากฝ่ายสืบสวน
อัยการถามว่าแล้วที่ในแผนที่ไม่มีลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำกับไว้เป็นเพราะเหตุใด พ.ต.ท.สมัครตอบว่าเป็นความผิดพลาดในการทำงาน
ทนายของรังสิมันต์โรมทักท้วงว่าประเด็นการลงลายมือชื่อของฝ่ายสืบสวนทางฝ่ายจำเลยไม่ได้ถามไว้อัยการจึงไม่ควรถาม
อย่างไรก็ตามศาลบันทึกประเด็นดังกล่าวให้แต่ไม่ได้บันทึกกรณีที่ทนายจำเลยแถลงคัดค้าน และในขั้นตอนการอ่านทวนคำเบิกความทนายจำเลยที่แถลงคัดค้านคำถามนี้ ก็ไม่ได้ท้วงติงเรื่องที่ศาลบันทึกคำถามดังกล่าวโดยที่ไม่ได้บันทึกว่าทนายจำเลยแถลงคัดค้าน
หลังเสร็จสิ้นการสืบพยานศาลบันทึกรายงานกระบวนพิจารณาในประเด็นการเลื่อนวันนัดโดยสรุปได้ว่า เนื่องจากผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนเป็นบุคคลในกลุ่มเสี่ยง ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสมีความรุนแรง
คดีนี้เป็นคดีที่มีจำเลยและทนายหลายคน ทั้งยังเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน มีประชาชนทั่วไปมาร่วมฟังการพิจารณาคดีด้วย จึงทำให้เกิดสภาวะที่มีคนจำนวนมากมารวมตัวกันในที่แคบซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค จึงให้เลื่อนวันนัดพิจารณาคดีนัดต่อไป
โดยยกเลิกนัดเดิมในวันที่ 20 และ 27 มีนาคม 2563 และกำหนดวันนัดใหม่สองนัดในวันที่ 13 – 14 สิงหาคม 2563 แทน