เดือนพฤษภาคม 2559
จำเลยถูกจับกุมตัว และถูกนำตัวไปฝากขังต่อศาลทหารชลบุรี จำเลยถูกควบคุมตัวที่เรือนจำชลบุรีเรื่อยมา
23 พฤศจิกายน 2559
ศาลมณฑลทหารบก จ.ชลบุรี นัดถามคำให้การในคดี ห้องพิจารณาคดีที่ 1 เจ้าหน้าที่ทัณฑสถานหญิงชลบุรี ควบคุมตัวจำเลยมาศาล มีพี่สาวและพี่เขยของจำเลยมาร่วมรับฟังด้วย ศาลอนุญาตให้ไพบูลย์ แย้มเอม ทนายความจากสภาทนายความ จ.ชลบุรี เป็นทนายความจำเลยตามที่ญาติได้ขอให้ศาลติดต่อทนายความให้ เนื่องจากจำเลยไม่มีทนายความและประสงค์ให้ศาลจัดหาให้
ทนายได้แถลงขอให้ศาลส่งตัว"บุปผา" ไปตรวจรักษาอาการทางจิตที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ตุลาการทหารนายหนึ่งในชุดเครื่องแบบปกติกากีแกมเขียวคอแบะจึงสอบถามชื่อและอายุของจำเลย เมื่อจำเลยตอบได้ครบถ้วนถูกต้องก็แสดงความเห็นว่า จำเลยตอบได้ ไม่น่าจะป่วย แต่ตุลาการพระธรรมนูญเพียงคนเดียวในองค์คณะอนุญาตสั่งให้ส่งตัว "บุปผา" ไปตรวจรักษาอาการทางจิตตามที่ทนายความแถลง และให้เลื่อนถามคำให้การไปก่อน และสั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว เพื่อรอผลตรวจจากแพทย์
15 ธันวาคม 2560
"บุปผา" ถูกส่งตัวมาตรวจอาการทางจิตที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ และถูกควบคุมตัวไว้ที่สถาบันในฐานะผู้ป่วยแทนการควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำ
20 กุมภาพันธ์ 2560
คณะแพทย์สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์มีความเห็นส่งไปยังศาลทหารชลบุรีว่า "บุปผา" ป่วยเป็นโรคจิตเภทชนิดหวาดระแวง มีอาการหลงผิดเกี่ยวกับราชวงศ์ ขณะนี้ยังไม่สามารถต่อสู้คดีได้ เห็นควรได้รับการรักษาอาการทางจิตอย่างต่อเนื่องอีกสักระยะ
12 ตุลาคม 2560
เวลาประมาณ 9.00 น. ทนายความได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว และเวลาประมาณ 9.30 น. เจ้าหน้าที่ศาลทหารแจ้งว่า ให้ขึ้นไปที่ห้องพิจารณาคดีเพราะศาลจะไต่สวน จนกระทั่งตุลาการขึ้นบัลลังก์หนึ่งนายในเวลา 10.00 และแจ้งว่า ศาลได้รับคำร้องขอประกันตัวของคดีนี้แล้ว แต่เนื่องจากศาลได้ส่งเรื่องให้ทางสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ตรวจสอบอาการของจำเลยอีกครั้งและส่งรายงานมาให้ศาล ซึ่งขณะนี้แพทย์ยังไม่ได้ส่งรายงานกลับมา ส่วนตัวจำเลยถูกนำไปควบคุมไว้ที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2560 จึงเกรงว่า หากอนุญาตให้ประกันตัวจะกระทบกับการตรวจรักษาอาการของแพทย์
ด้านทนายจำเลยแถลงว่า การได้ประกันตัวและกลับมารักษาตัวที่บ้านจะเป็นประโยชน์ต่อตัวจำเลยมากกว่า และเมื่อแพทย์ต้องการตรวจรักษา ญาติก็จะพาจำเลยกลับไปพบแพทย์ทุกครั้งในลักษณะเป็นผู้ป่วยนอก การได้ประกันตัวจึงไม่น่าเป็นอุปสรรคกับการตรวจรักษา นอกจากนี้แพทย์ยังเคยลงความเห็นเรื่องอาการป่วยของจำเลยแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560 แต่ศาลชี้แจงว่า ความเห็นแพทย์ฉบับเดือนกุมภาพันธ์เป็นเอกสารที่เก่าแล้ว ซึ่งศาลได้ขอให้สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ประเมินอาการใหม่ จึงต้องรอผลการประเมินครั้งใหม่ ไม่สามารถใช้เอกสารฉบับเก่าได้
ด้านอัยการทหารซึ่งเป็นโจทก์ แถลงว่า คดีนี้เป็นคดีมีอัตราโทษสูง ขอให้รอจนกว่าแพทย์ส่งผลการวินิจฉัยอาการของจำเลยมาให้เรียบร้อยก่อนค่อยวินิจฉัยเรื่องประกันตัว และคดีนี้ โจทก์ก็จะไม่คัดค้านการประกันตัวด้วย
ด้านทนายจำเลย แถลงว่า กระบวนการตรวจและวินิจฉัยของแพทย์อาจจะใช้เวลานาน ที่ผ่านมาทางญาติติดตามสอบถามอยู่เป็นระยะแต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าจากทางสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ จึงขอให้ศาลช่วยเร่งรัดให้สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ส่งผลการตรวจมาโดยเร็ว ศาลกำชับว่า จะจดลงในรายงานกระบวนพิจารณาให้เจ้าหน้าที่ติดตามเร่งรัดให้
หลังจากนั้นศาลอ่านรายงานกระบวนพิจารณา โดยศาลใช้คำว่า ให้ยกคำร้องขอประกันตัวไว้ชั่วคราว จนกว่าจะได้รับรายงานจากแพทย์และจะนัดพร้อมเพื่อฟังคำสั่งเรื่องการประกันตัวอีกครั้งหนึ่ง
12 มกราคม 2561
ศาลทหารชลบุรี ส่งหมายเรียกถึงผู้ร้องขอประกัน และทนายความให้มาศาลเพื่อฟังคำสั่งเรื่องการประกันตัว
เมื่อมาถึงศาล เจ้าหน้าที่เชิญให้ทนายความและผู้ร้องขอประกันตัวขึ้นไปพบตุลาการที่ห้องพักของตุลาการ โดยไม่ให้ญาติของ "บุปผา" ตามไปด้วย โดยตุลาการเล่าให้ฟังอย่างไม่เป็นทางการว่า ได้รับรายงานการตรวจจากแพทย์แล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังต้องการฟังปากคำจากแพทย์อีกว่า การให้ประกันตัวจะเป็นผลดีหรืออุปสรรคต่อการรักษาหรือไม่ และหากปล่อยตัวไปแล้วจำเลยมีโอกาสจะกระทำความผิดซ้ำหรือไม่
ด้านทนายความแจ้งว่า หากจำเลยได้รับการปล่อยตัวก็จะเป็นผลดีกว่า และจะอยู่ในความดูแลของครอบครัวไม่ให้กระทำความผิดซ้ำอีก
ตุลาการจึงแจ้งว่า จะขอออกหมายเรียกให้แพทย์มาเบิกความต่อศาล เพื่อยืนยันเรื่องเหล่านี้ก่อน และจะขอให้ฝ่ายจำเลยพาญาติของจำเลยซึ่งจะเป็นผู้ดูแลกรณีที่ได้รับการปล่อยตัวมาเบิกความต่อศาลในวันนั้นด้วย โดยศาลกำหนดวันนัดไต่สวนแพทย์เป็นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561
7 กุมภาพันธ์ 2561
ก่อนถึงวันนัด เจ้าหน้าที่ศาลโทรศัพท์ไปแจ้งกับทนายความว่า แพทย์ผู้ตรวจอาการของจำเลยไม่ว่างในวันนัด ไม่สามารถมาศาลได้ และขอเลื่อนวันนัดไต่สวนแพทย์ออกไปเป็นวันที่ 7 มีนาคม 2561
7 มีนาคม 2561
ศาลนัดไต่สวนแพทย์ผู้ตรวจรักษาอาการของจำเลย เพื่อประกอบการพิจารณาสั่งคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในเวลา 13.30 โดยญาติของจำเลย ผู้ขอประกันจากกองทุนเพื่อเข้าถึงความยุติธรรมของนักโทษการเมือง และทนายความเดินทางมาถึงศาล แต่จำเลยไม่ถูกพาตัวมาและแพทย์ก็ไม่ได้มาศาล
โดยเจ้าหน้าที่ศาลแจ้งกับทนายความจำเลยว่า ได้ประสานงานไปยังเรือนจำในจังหวัดชลบุรีเพื่อให้นำตัวจำเลยมาศาลแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ของเรือนจำแจ้งว่า จำเลยถูกพาตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างการตรวจรักษาอาการป่วย ซึ่งอยู่กรุงเทพมหานคร แต่ทางศาลทหารชลบุรี ไม่มีเขตอำนาจที่จะออกหมายไปยังเรือนจำในกรุงเทพมหานคร จึงไม่สามารถนำตัวจำเลยมาศาลในวันนี้ได้ นอกเสียจากจำเลยจะถูกส่งตัวกลับมายังเรือนจำในจังหวัดชลบุรีก่อน และเนื่องจากจำเลยไม่ได้มาศาล เจ้าหน้าที่ของศาลได้ประสานไปยังแพทย์ให้ไม่ต้องมาศาลเรียบร้อยแล้ว โดยจะขอเลื่อนการไต่สวนแพทย์ออกไปอีก
หลังจากนั้น ศาลเรียกให้ทนายความขึ้นไปคุยในห้องผู้พิพากษา โดยผู้พิพากษาเป็นคนใหม่ที่เพิ่งมารับสำนวนต่อจากผู้พิพากษาคนก่อน และยังไม่เข้าใจคำสั่งที่ผู้พิพากษาคนก่อนสั่งให้ยกคำร้องขอประกันตัวไว้ชั่วคราวจนกว่าจะได้ไต่สวนแพทย์ก่อน และปรึกษาว่าจะให้ดำเนินการต่ออย่างไร โดยการพูดคุยใช้เวลานาน เพราะทางทนายความก็ยืนยันว่า เป็นการเลื่อนนัดพิจารณามาหลายครั้งแล้วโดยไม่จำเป็น ทั้งที่การไต่สวนแพทย์ไม่จำเป็นต้องมีตัวจำเลยมาศาลก็ได้ และขอให้ศาลพิจารณาเรื่องการประกันตัวโดยเร็ว
ด้านผู้ยื่นขอประกันจึงเขียนคำแถลงยื่นต่อศาลในวันนี้ โดยมีใจความสรุปว่า การพิจารณาเรื่องการประกันตัวล่าช้ามาเกือบหกเดือนด้วยความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการของศาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิทธิของจำเลยที่ถูกคุมขังอยู่และกระทบต่อโอกาสของจำเลยที่จะรักษาตัวเองจากอาการป่วยทางจิต มีการนัดให้ผู้ร้องขอประกันตัวและญาติของจำเลยต้องขาดการงานเพื่อเดินทางมาศาลแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มการพิจารณา โดยกระบวนการที่ผ่านมาไม่มีกฎหมายกำหนดให้ศาลต้องทำเป็นเพียงดุลพินิจของศาลเองที่กำหนดกระบวนการเหล่านี้ขึ้น จึงจำเป็นต้องทำโดยเร็วเพื่อรักษาสิทธิของจำเลยด้วย รวมทั้งขอให้ศาลสั่งให้ประกันตัวจำเลยในวันนี้เลย โดยอาศัยข้อเท็จจริงจากรายงานผลการตรวจอาการทางจิตที่แพทย์เคยส่งให้ศาลไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งก็เพียงพอแล้ว
ศาลขึ้นบัลลังก์ในเวลาประมาณ 15.15 น. แจ้งกับอัยการทหาร และญาติของจำเลยว่า วันนี้เบิกตัวจำเลยมาศาลไม่ได้ และขอให้เลื่อนการไต่สวนแพทย์ออกไปในนัดหน้า ส่วนคำแถลงของผู้ขอประกันศาลจะรับไว้ในสำนวน ศาลยังจดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาคดีว่า หากในนัดหน้าแพทย์ไม่สามารถมาได้ ก็จะมีคำสั่งเรื่องการประกันตัวเลย โดยไม่ต้องไต่สวนแพทย์อีก ด้านทนายความแถลงต่อศาลว่า การไต่สวนแพทย์เป็นกระบวนการที่ยังไม่ได้เริ่มกระบวนการพิจารณาคดี ไม่จำเป็นต้องทำต่อหน้าจำเลย หากไม่สามารถเบิกตัวจำเลยมาศาลได้ฝ่ายจำเลยก็ไม่ติดใจที่จะต้องมีจำเลยอยู่ในห้องพิจารณาขณะไต่สวน ขอให้ศาลดำเนินกระบวนการต่อไปได้ โดยอัยการทหารไม่ได้คัดค้าน แต่ศาลไม่ได้บันทึกคำแถลงของทนายความข้อนี้
ศาลยังแจ้งด้วยว่า การนัดไต่สวนแพทย์ครั้งหน้าขอนัดเป็นวันที่ 21 พฤษภาคม 2561 เวลา 13.00 น. เนื่องจากเดือนเมษายนทั้งเดือนศาลไม่ว่าง ไม่มีวันนัดที่สามารถพิจารณาได้ และต้นเดือนพฤษภาคมทนายจำเลยไม่ว่าง
21 พฤษภาคม 2561
ศาลนัดแพทย์จากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์มาไต่สวนประกอบการพิจารณาเรื่องการขอประกันตัว "บุปผา" ก็ถูกนำตัวมาศาล โดยมีพี่สาวและทนายความเดินทางมาศาล
จิตแพทย์ พูนพัฒน์ กมลวุฒิพงศ์ มาเบิกความต่อศาล โดยศาลเป็นผู้ถามเอง ได้ความว่า เป็นแพทย์เจ้าของไข้ในคดีนี้ รับตัว "บุปผา" ไว้รักษาตามที่ศาลทหารสั่งให้ส่งตัวไปรักษา พบว่า "บุปผา" ป่วยเป็นโรคจิตเภทชนิดหวาดระแวง มีอาการหลงผิดเกี่ยวกับราชวงศ์ จึงให้รับประทานยา เคยให้รักษาตัวเป็นผู้ป่วยในอยู่ที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ แต่ปัจจุบันเห็นว่า อาการดีขึ้นจึงให้เป็นผู้ป่วยนอก
พูนพัฒน์ เบิกความด้วยว่า อาการป่วยของจำเลยต้องใช้เวลารักษานาน ไม่แน่ว่าจะสามารถหายขาดได้ ก่อนหน้านี้เคยวินิจฉัยว่า ป่วยจนไม่สามารถต่อสู้คดีได้ แต่ภายหลังเห็นว่า อาการดีขึ้น รับรู้และเข้าใจข้อกล่าวหาได้ เข้าใจกระบวนการพิจารณาคดีได้ และมีสติสัมปชัญญะควบคุมพฤติกรรมและการแสดงออกของตัวเองได้ จึงวินิจฉัยว่า สามารถต่อสู้คดีได้
ด้านอัยการทหารฝ่ายโจทก์ไม่ถามเพิ่มเติม แต่ทนายความจำเลยถามเพิ่มเติม ให้พูนพัฒน์ยืนยันว่า การปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยจะไม่ส่งผลกระทบต่อการรักษา
หลังการไต่สวนแพทย์เสร็จแล้ว ศาลแจ้งว่า เนื่องจากแพทย์วินิจฉัยว่า จำเลยสามารถต่อสู้คดีได้แล้ว จึงจะนำคดีนี้ขึ้นพิจารณา และให้นัดสอบคำให้การวันที่ 13 กรกฎาคม 2561 ส่วนคำร้องเรื่องการประกันตัวจะสั่งหลังจากนี้
จากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ศาลแจ้งกับญาติว่า ศาลน่าจะให้ประกันตัว แต่หลักทรัพย์ที่ยื่นมา 300,000 บาท ยังไม่พอ ต้องขอหลักทรัพย์เพิ่มเป็น 400,000 บาท จึงให้มายื่นคำร้องเรื่องการประกันตัวใหม่ในวันรุ่งขึ้น แต่ทางนายประกันจากกองทุนเพื่อการเข้าถึงความยุติธรรมของนักโทษทางการเมือง สามารถหาหลักทรัพย์อีก 100,000 บาท เพิ่มได้ในวันเดียวกัน จึงขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้ประกันตัวเลย และไปเบิกเงินมาเพิ่มในทันที
ศาลสั่งอนุญาตให้ประกันตัวในเวลาประมาณ 15.30 น. และจำเลยถูกปล่อยตัวจากเรือนจำในจังหวัดชลบุรี ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน
13 กรกฎาคม 2561
นัดสอบคำให้การ
"บุปผา" เดินทางมาถึงศาลแต่เช้า โดยมีพี่สาวที่ดูแลอยู่พามา พี่สาวเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ได้รับการปล่อยตัวก็ต้องทานยาทุกวันอย่างต่อเนื่อง และต้องไปพบแพทย์ทุกเดือน ก่อนเริ่มการพิจารณาคดีเจ้าหน้าที่ศาลพูดคุยกับทนายความของ "บุปผา" ล่วงหน้าถึงการให้การในวันนี้ และตกลงวันนัดหมายครั้งต่อไปล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว เจ้าหน้าที่ให้ขึ้นไปที่ห้องพิจารณาคดีในเวลาประมาณ 10.30 ก่อนที่เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์จะเดินมาแจ้งให้ทราบว่า ตุลาการร่วมติดการประชุมเรื่องงบประมาณ ทำให้การพิจารณาคดีเริ่มขึ้นช้า
ศาลขึ้นบัลลังก์เวลาประมาณ 10.50 น. ใช้เวลาประมาณ 10 นาที พิจารณาคดีอื่นก่อน ก่อนที่จะเรียก "บุปผา" ให้ยืนขึ้นและถามว่า ได้รับสำเนาคำฟ้องแล้วใช่หรือไม่ พร้อมจะให้การในวันนี้หรือไม่ "บุปผา" ต้องว่า พร้อม ศาลจึงอ่านทวนคำฟ้องทั้งหมดให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งใช้เวลาอ่านคำฟ้องทั้งหมดประมาณ 25 นาที หลังจากนั้น "บุปผา" ให้การปฏิเสธ ศาลจึงจดคำให้การไว้ พร้อมสอบถามอายุ และที่อยู่ปัจจุบัน แต่ "บุปผา" ซึ่งอาศัยอยู่กับพี่สาวจำที่อยู่ปัจจุบันไม่ได้
เมื่อศาลอ่านให้ฟังว่า ตามคำฟ้องระบุว่า "บุปผา" ถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2559 จนได้ประกันตัวเมื่อ 21 พฤษภาคม 2561 "บุปผา" ยืนยันว่า เธอถูกจับเมื่อวันที่ 27 ไม่ใช่วันที่ 28 เบื้องต้นอัยการทหารเปิดเอกสารดูและยืนยันว่า วันควบคุมตัว คือ วันที่ 28 แต่เมื่อ "บุปผา" ยืนยัน และทนายอธิบายว่า จับกุมตัววันที่ 27 แต่ขอหมายจับจากศาลหนึ่งวันหลังจากนั้น อัยการก็ไม่คัดค้าน ศาลจึงบันทึกเรื่องวันควบคุมตัวใหม่
อัยการแถลงด้วยว่า เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธอัยการก็จะขอนำพยานเข้าสื่อ ด้านทนายจำเลยขอให้มีวันนัดตรวจพยานหลักฐาน ศาลจึงกำหนดวันนัดตรวจพยานหลักฐานในนัดหน้าเป็นวันที่ 5 กันยายน 2561
5 กันยายน 2561
ศาลทหารชลบุรีนัดตรวจพยานหลักฐาน โจทก์แถลงขอสืบพยาน 11 ปาก เป็นประจักษ์พยาน 4 ปาก ผู้อธิบายความหมายของข้อความที่จำเลยโพสต์ 2 ปาก เจ้าพนักงานผู้จับกุม 1 ปาก ผู้ตรวจสอบข้อมูลการใช้เฟซบุ๊ก เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลในโทรศัพท์รวม 3 ปาก พนักงานสอบสวน 1 ปาก พร้อมกับส่งซีดีบันทึกข้อมูลที่ได้จากโทรศัพท์มือถือของจำเลยด้วย
อัยการทหารฝ่ายโจทก์ยังรับพยานเอกสารของจำเลยทุกรายการโดยไม่คัคด้าน ยกเว้นความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เกี่ยวกับความหมายของ "รัชทายาท"
ด้านฝ่ายจำเลยแถลงขอสืบพยาน 6 ปาก โดยมีจำเลยเบิกตนเองเป็นพยาน พยานที่เป็นญาติ เป็นเพื่อน ซึ่งรู้เห็นเกี่ยวกับอาการป่วยของจำเลย 4 ปาก และพยานผู้เชี่ยวชาญ 1 ปาก
ศาลนัดสืบพยานวันที่ 20 และ 27 พฤศจิกายน 2561 โดยพยานโจทก์สี่ปากแรกที่อ้างว่าเป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์ ทางฝ่ายโจทก์ถือว่าเป็น พยานคู่ที่จะเบิกความในประเด็นเดียวกันจึงจะนำเข้าสืบก่อน
ทนายความจำเลยยังยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นในประเด็นเกี่ยวกับความหมายของ "รัชทายาท" และบุคคลที่มาตรา 112 ให้ความคุ้มครอง ซึ่งศาลสั่งว่า จะพิจารณาในคราวเดียวกับคำพิพากษา
13 กุมภาพันธ์ 2562
ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันนี้ ซึ่งเป็นการพิจารณาคดีโดยลับ โดยจำเลยพร้อมทนายความเดินทางมาศาล ขณะที่นายประกันจากกองทุนเพื่อการเข้าถึงความยุติธรรมของนักโทษการเมือง ซึ่งนายประกันเดิมในคดีนี้โดยใช้เงินจากการรับบริจาคจากผู้ที่อยากช่วยเหลือนักโทษการเมือง ก็เดินทางมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่กองทุนยุติธรรม ของกระทรวงยุติธรรม เพื่อทำเรื่องขอเปลี่ยนหลักทรัพย์มาเป็นใ้ช้หลักทรัพย์ของกองทุนยุติธรรมประกันตัวจำเลยในคดีนี้แทน
เจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่า หากจะทำเรื่องขอยกเลิกสัญญาประกันตัวจำเลยฉบับเดิม และให้กองทุนยุติธรรมยื่นขอประกันใหม่ จะมีผลให้ต้องส่งตัวจำเลยเข้าเรือนจำไปก่อนระหว่างรอศาลพิจารณาสัญญาประกันตัวฉบับใหม่ ซึ่งจำเลยไม่ต้องการเข้าเรือนจำ เจ้าหน้าที่จึงแนะนำว่า ต้องทำเอกสารเป็นการยื่นขอเปลี่ยนตัวนายประกันแทน จะได้ไม่ต้องยกเลิกสัญญาฉบับเดิมและยื่นคำร้องขอประกันตัวใหม่ ซึ่งทั้งนายประกันเดิมและเจ้าหน้าที่จากกองทุนยุติธรรมเห็นตรงกันว่า ควรทำเช่นนั้น จึงยื่นคำร้องขอเปลี่ยนตัวนายประกันไปในเวลาประมาณ 10.00 แต่เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า ตุลาการกำลังพิจารณาคดีนี้อยู่ จะพิจารณาคำร้องหลังการพิจารณาคดีเสร็จ
หลังตุลาการลงจากบัลลังก์ในเวลาประมาณ 12.30 ก็มาแจ้งว่า ในเอกสารคำร้องที่ส่งเข้ามา เจ้าหน้าที่ของทุนยุติธรรมที่เป็นผู้มีอำนาจลงนามแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมา ไม่ได้แนบสำเนาบัตรข้าราชการมา ขอให้ไปเปลี่ยนเป็นสำเนาบัตรข้าราชการให้ถูกต้อง เจ้าหน้าที่ก็เดินทางกลับสำนักงานเพื่อนำสำเนาบัตรข้าราชการมา และยื่นเอกสารใหม่ในเวลาประมาณ 12.00 น.
จนกระทั่ง ในเวลาประมาณ 16.00 น. ศาลสั่งว่า เอกสารของกองทุนยุติธรรมที่ยื่นมานั้นผิด เนื่องจากหนังสือมอบอำนาจได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่มาทำสัญญาเปลี่ยนหลักทรัพย์ประกันตัว ไม่ได้ให้อำนาจมาเปลี่ยนตัวนายประกัน จึงไม่พิจารณาคำร้องในวันนี้ และไปทำเอกสารให้ถูกต้องก่อนกลับมายื่นใหม่ในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งหน้า ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2562
2 สิงหาคม 2562
ระหว่างการสืบพยานโจทก์ แม้จะมีนัดพิจารณาคดีไว้ก่อนแล้ว ศาลทหารโทรศัพท์แจ้งกับทนายความ เรียกให้จำเลยมาฟังคำสั่งในวันนี้ เพื่อโอนคดีกลับศาลปกติ
ศาลแจ้งว่า เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 มีคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 9/2562 ยกเลิกประกาศและคำสั่งของคสช. ที่หมดความจำเป็น กำหนดให้คดีที่อยู่ในอำนาจของศาลทหารตามประกาศและคำสั่งดังกล่าวไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทหารตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป แต่ให้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม จึงให้งดการพิจารณาคดี ในวันนี้และงดการพิจารณาไว้ชั่วคราวและให้โอนคดีไปศาลยุติธรรมกับจำหน่ายคดีจากสารบบความในศาลนี้
11 พฤศจิกายน 2562
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลจังหวัดพัทยา นัดพร้อมคดีนี้เพื่อสืบพยานต่อจากศาลทหาร โดยฝ่ายโจทก์แถลงว่า ยังมีพยานโจทก์จะนำสืบอีก 10 ปาก ฝ่ายจำเลยมีพยานอีก 4 ปาก ศาลจึงกำหนดวันนัดให้ฝ่ายโจทก์ 2 นัด และฝ่ายจำเลย 1 นัด คู่ความได้ตกลงวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 9-10 มิถุนายน 2563 และนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 11 มิถุนายน 2563
คดีนี้ ศาลจังหวัดพัทยาได้สั่งให้สัญญาประกันที่จำเลยเคยทำไว้ที่ศาลทหารเป็นสัญญาประกันที่ศาลนี้ไปก่อน โดยไม่ต้องยื่นขอประกันตัวใหม่
18 สิงหาคม 2563
ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 14 ศาลจังหวัดพัทยา มีนัดอ่านคำพิพากษาในคดีของ "บุปผา" จากการโพสต์เฟซบุ๊กถึงพระบรมวงศานุวงศ์รวม 13 ข้อความ ก่อนเริ่มอ่านคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ศาลแจ้งให้ผู้ที่มาคดีอื่น หรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องพิจารณา แต่เมื่อผู้พิพากษาออกนั่งบนบัลลังก์ก็ได้แจ้งว่า ให้สามารถอยู่ฟังได้ และแจ้งว่า คำพิพากษาคดีนี้ผ่านการตรวจจากอธิบดีผู้พิพากษาภาคแล้ว
ศาลพิพากษาสรุปได้ว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากการกระทำหลายกรรม ให้ลงโทษจำคุกทุกกรรม กรรมละ 6 เดือน รวม 13 กรรม เป็นเวลา 78 เดือน รอการลงโทษ 3 ปี และรายงานตัวคุมประพฤติ 6 ครั้ง เป็นเวลา 2 ปี และให้รักษาอาการทางจิตอย่างต่อเนื่อง โทรศัพท์และซิมที่ใช้กระทำความผิดให้ริบ