24 ตุลาคม 2559
ตามคำร้องขอฝากขังระบุว่า วันที่ 24 ตุลาคม 2559 เวลาประมาณ 19.30 น. ระหว่างที่อมรโชติซิงห์กำลังเลือกซื้อของใช้ที่ห้างบิ๊กซี สาขาถนนอิสรภาพ มีชายสองคนเดินเข้ามาถามว่า “พี่ใส่เสื้อสีชมพูมาทำไม พี่ไม่รู้เหรอว่า บ้านเมืองตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ในหลวงของพวกผมเสด็จสวรรคตแล้ว พี่ไม่ให้เกียรติในหลวงของผมเลยเหรอ”
ชายทั้งสองคนกล่าวในเชิงท้าทายให้ไปต่อยกันที่ด้านหน้าห้างบิ๊กซี ระหว่างนั้นอมรโขติซิงค์ได้โทรศัพท์ไปที่สายด่วน 191 เพื่อมาระงับเหตุวิวาทดังกล่าว อมรโชติซิงห์ได้ขว้างตะกร้าสินค้าจนเสียหายต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาระงับเหตุ อันเป็นการทำผิดซึ่งหน้าเจ้าพนักงานจึงถูกจับกุมตัวในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ หลังจากสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน พนักงานสอบสวนบอกต่ออมรโชติซิงห์ว่า เขาถูกแจ้งข้อกล่าวหา หมิ่นประมาทพระกษัตริย์อีกหนึ่งข้อกล่าวหาจากการโต้เถียง โดยชายสองคนที่เถียงกับเข้าเป็นผู้เข้าแจ้งความ
อีกด้านหนึ่งจากคำบอกเล่าของอมรโชติซิงห์ระบุว่า วันที่ 24 ตุลาคม 2559 หลังจากที่กลับจากที่ทำงานแล้ว เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่บ้านคือ เสื้อสีชมพูและกางเกงลายดอก แต่พี่เลี้ยงเด็กได้ขอให้เขาออกไปซื้อผ้าอ้อมสำหรับลูกของเขา หลังจากนั้นเขาจึงได้ไปเลือกซื้อสินค้าที่ห้างบิ๊กซี โดยที่เขาไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเดินเข้าประตูห้างไปเขารู้สึกได้ว่า มีคนมองมาที่เขา แต่เขายังเดินเข้าไปที่ชั้นวางสินค้าเพื่อหาเลือกซื้อ ก่อนที่จะมีชายสองคนเข้ามาถามว่า “พี่ใส่เสื้อสีชมพูมาทำไม พี่ไม่รู้เหรอว่า บ้านเมืองตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ในหลวงของพวกผมเสด็จสวรรคตแล้ว พี่ไม่ให้เกียรติในหลวงของผมเลยเหรอ” แต่เขาตอบกลับเพียงว่า “มึงเป็นใคร ทำไมกูต้องไป มีสิทธิอะไร” เท่านั้น ไม่ได้ตอบกลับอย่างที่คำร้องขอฝากขังระบุไว้
จากนั้นจึงโต้เถียงกันอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะพากันเดินมาที่หน้าห้างบิ๊กซี และเขวี้ยงตะกร้าจนได้รับความเสียหาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาห้ามปรามและพูดกับเขาว่า ทำไมถึงใส่เสื้อสีดังกล่าวมา รู้ไหมว่า มันอ่อนไหวแค่ไหน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวจึงพาอมรโชติซิงห์ไปพูดคุยยุติข้อขัดแย้งที่สถานีตำรวจบุปผาราม นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่า จะดำเนินคดีต่ออมรโชติซิงห์ในสองข้อหาคือ ทำให้เสียทรัพย์และหมิ่นประมาท ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ห้างบิ๊กซีได้ส่งตัวแทนมาร้องทุกข์อมรโชติซิงห์ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอควบคุมตัวอมรโชติซิงห์ไว้ก่อน ทำให้คืนนี้เขาต้องนอนในห้องขัง สถานีตำรวจบุปผาราม
25 ตุลาคม 2559
เวลาประมาณ 12.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้เข้าค้นบ้านพักปัจจุบันย่านอิสรภาพของอมรโชติซิงห์โดยใช้อำนาจตามคำสั่งที่ 3/2558 และยึดเอกสารจำนวนหนึ่ง, คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ, โทรศัพท์มือถือ และไอแพด เสร็จแล้วจึงควบคุมตัวเขาไปตรวจค้นที่พักตามระบุในทะเบียนบ้านย่านเพชรเกษม ต่อมาในช่วงเย็นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ เพิ่มเติมต่ออมรโชติซิงห์ ยื่นรายละเอียดการกระทำความผิดให้เขาอ่านและบอกสิทธิของผู้ต้องหา แต่ไม่ได้ถามเขาว่า ต้องการทนายความหรือไม่ อย่างไรก็ดีอมรโชติซิงห์ให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา
วันเดียวกัน ครอบครัวของอมรโชติซิงห์พยายามที่จะประกันตัวเขา แต่เนื่องจากหลักทรัพย์ไม่เพียงพอ อมรโชติซิงห์จึงต้องอยู่ในการควบคุมของตำรวจอีกหนึ่งคืน
26 ตุลาคม 2559
หลังจากควบคุมอมรโชติซิงห์เกือบครบ 48 ชั่วโมงตามที่กฎหมายระบุแล้ว ตำรวจได้นำตัวเขาไปยื่นคำร้องขอฝากขังผลัดที่หนึ่งที่ศาลอาญาธนบุรี ครอบครัวของเขาได้ยื่นคำร้องของปล่อยตัวชั่วคราว วางหลักทรัพย์ประกันตัวจำนวน 250,000 บาท ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
18 มกราคม 2560
นัดส่งตัวฟ้อง อมรโชติซิงห์ ไปพบกับอัยการที่ศาลอาญาธนบุรีตามที่นัดไว้ อัยการแจ้งว่า ยังไม่สั่งฟ้องในวันนี้ และนัดให้มาฟังคำสั่งวันหลัง