- คดีอื่นๆ, ฐานข้อมูลคดี
พูดเพื่อเสรีภาพ: ขอนแก่น
ผู้ต้องหา
สถานะคดี
คดีเริ่มในปี
โจทก์ / ผู้กล่าวหา
วันที 31 กรกฎาคม 2559 กลุ่มพลเมืองคนรุ่นใหม่ และขบวนการประชาธิปไตยใหม่ภาคอีสาน จัดงานเสวนา “พูดเพื่อเสรีภาพ ร่างรัฐธรรมนูญกับคนอีสาน” ที่อาคารจตุรมุข คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยก่อนหน้าวันจัดงานหนึ่งวันเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพนักงานของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้ามาขอความร่วมมือให้ยุติการจัดกิจกรรมดังกล่าว แต่ผู้จัดยังคงยืนยันที่จะจัดกิจกรรมต่อไป
กระทั่งวันที่ 17 สิงหาคม 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ออกหมายเรียกข้อหาขัดคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง โดยผู้เกี่ยวข้องเป็นนักศึกษาได้แก่ จตุภัทร์,ฉัตรมงคล,และณรงฤทธิ์ ขณะเดียวกัน ณัฐพร นักกิจกรรมกลุ่มอิสานใหม่ก็ถูกข้อกล่าวหานี้ด้วย แม้กระทั่งผู้สังเกตการณ์จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนอย่างดวงทิพย์และนีรนุชก็ได้รับหมายเรียกและข้อกล่าวหาดังกล่าวนี้ด้วย ทั้ง 6 คนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.เมืองขอนแก่นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2559 และต่อมาตำรวจยังออกหมายเรียกเพิ่มอีก 5 คน รวมเป็น 11 คน
สารบัญ
ภูมิหลังผู้ต้องหา
อาคม หรือ 'ป๊อด' อายุ 20 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะนิติศาสตร์ ม.ขอนแก่น เป็นนักกิจกรรมสมาชิกกลุ่มดาวดิน
หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในปี 2553 เธอทำงานเก็บข้อมูลด้านสิทธิมนุษยชน กับศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม กรณี เม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.) และผันตัวเองไปเป็นเกษตรกรอยู่หลายปี ก่อนจะกลับมาทำงานในตำแหน่งปัจจุบัน
ข้อหา / คำสั่ง
การกระทำที่ถูกกล่าวหา
“วันนั้นทำหน้าที่จัดเวที เป็นพิธีกรในการดำเนินงาน เราก็พูดเรื่องสถานการณ์รัฐธรรมนูญเกี่ยวข้องกับชีวิตเราอย่างไร หน้าที่ประชาชนและพวกเราเกี่ยวข้องอย่างไรกับรัฐธรรมนูญ และพอโดนข้อหานี้ เราก็รู้สึกว่าเจ้าหน้าที่เขาอยากจะทำอะไรเขาก็ทำ เขาไม่มีเหตุผล วันนี้ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำเพราะเหตุผลอะไรถึงโดนคำสั่งที่ 3/2558 เราก็จะไปรู้ตอนรับทราบข้อกล่าวหา เราคิดว่ามันไม่ชอบธรรม มันเป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ แต่เขาห้ามเราจัด แล้วก็มีคดีให้เราด้วย เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล ซึ่งมันทำให้สังคมนี้ไม่มีพื้นที่สำหรับคนที่เห็นต่างเห็นแย้ง ต้องเห็นด้วยเท่านั้น แต่ถ้าเห็นแย้งก็โดนจับอย่างนี้ตลอด ต่อจากนี้เราก็ต้องต่อสู้เพื่อยืนยันความยุติธรรม"
ขณะเดียวกันเนื่องจากมีทหารนอกเครื่องแบบ คอยถ่ายรูปอยู่ภายในงานตลอดเวลา การแสดงความคิดเห็นของชาวบ้านจึงเป็นไปด้วย 'ความเงียบ' เพราะเกรงกลัวต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ปิดกั้นการมีส่วนร่วมรับรู้ข้อมูลก่อนตัดสินใจไปลงเสียงประชามติ
พฤติการณ์การจับกุม
ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกออกหมายเรียกย้อนหลังโดยไม่มีการควบคุมตัวหรือแจ้งข้อกล่าวหาในวันที่จัดกิจกรรม ผู้ต้องหาแปดคนเข้ารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว
ผศ.พรรณวดี และนพ.เชิดชัยที่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วหรือยังส่วนรังสิมันต์ปฏิเสธที่จะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาหรือร่วมกระบวนการใดๆเนื่องจากเห็นว่ากฎหมายที่ออกโดยคสช.ไม่มีความชอบธรรม
บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล
หมายเลขคดีดำ
ศาล
เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
แหล่งอ้างอิง
30 กรกฎาคม 2559
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ระหว่างที่ผู้จัดงาน "พูดเพื่อเสรีภาพ รัฐธรรมนูญกับคนอีสาน?" กำลังเตรียมจัดสถานที่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานในวันที่ 31 กรกฎาคม 2559 ดร.จิรวัฒน์ สนิทชน รองคณบดีฝ่ายยุทธศาสตร์ชุมชน รักษาการแทนคณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้ามาแจ้งกับกลุ่มผู้จัดกิจกรรมว่า
ไม่สามารถให้จัดงานได้ เพราะสำนักนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งห้ามจัดกิจกรรมทางการเมือง และหากมีการจัดกิจกรรมจะทำให้ภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นกลาง
อย่างไรก็ตามผู้จัดยืนยันว่าจะจัดงานต่อเพราะได้ทำหนังสือขอใช้สถานที่ถูกต้องแล้ว และได้ชำระค่ามัดจำสถานที่ไปแล้ว นอกจากนี้ก็ได้ประชาสัมพันธ์งานไปแล้ว มีรายงานด้วยว่าในช่วงกลางดึกที่เจ้าหน้าที่เข้ามาสั่งให้ยุติการจัดงาน เจ้าหน้าที่ได้ขนเก้าอี้ออกจากบริเวณที่จัดงานและกดดันให้รถเครื่องเสียงออกจากพื้นที่
ผู้สื่อข่าวประชาไทสัมภาษณ์กรณีเจ้าหน้าที่ขอให้ยุติการจัดกิจกรรมพูดเพื่อเสรีภาพ วิดีโอของ ประชาไท
31 กรกฎาคม 2560
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ในเวลาประมาณ เวลา 10.58 น. ดร.จิรวัฒน์ สนิทชน และ ดร.ยุพิน ผาสุข รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยและทหารตำรวจประมาณ 30 นาย นำหนังสือของคณะเกษตรศาสตร์ เรื่อง ให้ระงับการจัดกิจกรรมและออกจากพื้นที่ภายในเวลา 11.30 น. มาให้ผู้จัดงานเซ็นรับทราบ
โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่าหากไม่ออกจากสถานที่ตามกำหนดจะถือว่าเป็นการบุกรุกสถานที่ราชการ แต่กลุ่มผู้จัดงานไม่ยอมลงลายมือชื่อ
เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งกับผู้จัดว่าการจัดงานครั้งนี้เข้าข่ายผิดพ.ร.บ.ชุมนุมฯ และได้ดำเนินการรื้อป้ายรณรงค์โหวตโนที่ติดเป็นฉากหลังบนเวที รวมทั้งยึดเอกสารได้แก่
แถลงการณ์นิติราษฎร์ ต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ, ความเห็นแย้งเล่ม 2 คำอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ, แผ่นพับก้าวข้าม “ไม่รับ” กับอนาคตที่ไม่ได้เลือก, แผ่นพับ “รับไปก่อน แก้ทีหลัง”, แผ่นพับ “เหตุผลไม่รับร่าง รธน.7 สิงหาคม 59 ประชามติเพื่ออนาคต” ไปด้วย
เจ้าหน้าที่รื้อเวทีที่มีป้ายรณรงค์ Vote No ภาพของ TLHR
เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทำการรื้อเก้าอี้ออกไปแล้วผู้มาร่วมงานจึงต้องนั่งพื้น
ในเวลาประมาณ 16.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนำประกาศสภ.ขอนแก่น เรื่องให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมภายในเวลาที่กำหนด คือ 16.30 น.โดยอ้างว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าตามกฎหมาย
รวมทั้งเข้าข่ายเป็นการรบกวนการปฎิบัติงานหรือใช้บริการสถานที่ของทางราชการ ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 8(1) ของพ.ร.บ.ชุมนุมฯด้วย อย่างไรก็ตามแม้จะมีการคุกคามจากเจ้าหน้าที่แต่กลุ่มผู้จัดก็ยังคงจัดงานต่อไปจนกระทั่งจบงานในเวลาประมาณ 17.00 น.
ในส่วนของการดำเนินคดีกับผู้จัดกิจกรรม ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงบ่ายระหว่างที่กิจกรรมพูดเพื่อเสรีภาพกำลังดำเนินไป ฝ่ายนิติกร กกต. จังหวัดขอนแก่น พร้อมกับเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวหากลุ่มผู้จัดงานในความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการและความผิดตามพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติฯ
17 สิงหาคม 2559
ประชาไทรายงานว่า ได้รับรายงานจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า จตุภัทร์ หนึ่งในผู้ร่วมจัดกิจกรรมซึ่งอยู่ระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำภูเขียวจากกรณีแจกใบปลิวรณรงค์ประชามติ ได้รับหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีนี้ที่สภ.ขอนแก่น ในวันที่ 18 สิงหาคม 2559
หมายเรียกฉบับดังกล่าวระบุข้อหา “ร่วมกันขัดคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ” และให้จตุภัทร์ ผู้ต้องหาที่หนึ่ง ไปรับทราบข้อกล่าวที่ สภ.เมืองขอนแก่น ในวันที่ 18 ส.ค.เวลา 10.00 น. อย่างไรก็ตามเนื่องจากจตุภัทร์อยู่ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำภูเขียว
ภาวิณี ทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่าจะดำเนินการแจ้งเหตุขัดข้องไปที่สภ.ขอนแก่นเพื่อขอเลื่อนนัดในวันที่ 18 มิถุนายน 2559
ภาวิณีระบุด้วยว่าเจ้าหน้าที่จะเรียกผู้ต้องหาในคดีนี้มารับทราบข้อกล่าวหาอีกหกคนแต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อว่าเป็นบุคคลใดบ้าง
หมายเรียกผู้ต้องหาที่ส่งถึงจตุภัทร์ จาก ประชาไท
18 สิงหาคม 2559
ประชาไทรายงานว่า ทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนทำหนังสือถึงพนักงานสอบสวนสภ.ขอนแก่นเพื่อขอเลื่อนนัดของจตุภัทร์ เจ้าหน้าที่จากศูนย์ทนายฯยังสอบถามเจ้าหน้าที่ด้วยว่านอกจากจตุภัทร์มีใครถูกดำเนินคดีอีกบ้าง เจ้าหน้าที่ตอบว่ามีบุคคลอีกห้าคนได้แก่
อาคม (เดิมชื่อฉัตรมงคล) จากกลุ่มดาวดิน ณรงค์ฤทธิ์ จากกลุ่มพลเมืองคนรุ่นใหม่ ณัฐพร จากขบวนการอีสานใหม่ ดวงทิพย์ เจ้าหน้าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และ นีรนุช เจ้าหน้าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เมื่อรวมกับจตุภัทร์มีคนถูกตั้งข้อหาในคดีนี้รวมหกคน โดยทนายและพนักงานสอบสวนสภ.ขอนแก่นกำหนดวันเข้าพบพนักงานสอบสวนของผู้ต้องหาทั้งหกใหม่เป็นวันที่ 31 สิงหาคม 2559
31 สิงหาคม 2559
จตุภัทร์, อาคม, ณรงค์ฤทธิ์, ณัฐพร, ดวงทิพย์และนีรนุชร่วมกันเดินเท้าไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สภ.เมืองขอนแก่นโดยมีผู้สังเกตการณ์ร่วมเดินเท้าไปด้วยจำนวนหนึ่ง
ผู้ต้องหาในคดี "พูดเพื่อเสรีภาพ" เดินเท้าไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สภ.เมืองขอนแก่น
พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา ขัดคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมทั้งแจ้งพนักงานสอบสวนว่าจะส่งคำให้การเป็นเอกสาร โดยพนักงานสอบสวนนัดให้ส่งคำให้การในวันที่ 4 ตุลาคม 2559
ในเวลาประมาณ 13.00 น. ผู้ต้องหาทั้งหกคนร่วมกันอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งที่หัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 ยุติการดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหารและยุติการดำเนินคดีกับผู้เห็นต่างทางการเมือง
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า พนักงานสอบสวนสภ.เมืองขอนแก่นออกหมายเรียกผู้ต้องหาเข้ารายงานตัวเพิ่มเติมอีกห้าคน ได้แก่
นพ.เชิดชัย อดีตสส.พรรคเพื่อไทย ผศ.พรรณวดี อดีตอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รังสิมันต์ โรม จากกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ "รักไทย" จากกลุ่มพลเมืองคนรุ่นใหม่และภานุพงศ์หรือไนซ์จากกลุ่มดาวดิน
ในวันเดียวกัน "รักไทย" และภานุพงศ์สองในห้าผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายเรียกเพิ่มเติมเดินทางมาที่สภ.เมืองขอนแก่นเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเช่นกันโดยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า พนักงานสอบสวนสภ.เมืองขอนแก่นมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งแปดคนที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว โดยนัดหมายให้ทั้งหมดเข้าพบเพื่อส่งตัวให้อัยการศาลทหารขอนแก่นในวันที่ 11 กรกฎาคม 2560 อย่างไรก็ตามผู้ต้องหาบางส่วนติดสอบและติดภารกิจอื่น จึงขอเลื่อนนัดเป็นวันที่ 31 กรกฎาคม 2560
ประชาไทรายงานว่า พนักงานสอบสวนสภ.ขอนแก่น ให้เลื่อนนัดส่งสำนวนและส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดต่ออัยการทหารเป็นวันที่ 29 สิงหาคม 2560 เนื่องจากมีผู้ต้องหาสองคนคือเชิดชัยและพรรณวดีซึ่งไม่ได้ยังไม่ได้รับหมายเรียกโดยเจ้าหน้าที่ส่งหมายไปแล้วแต่ถูกตีกลับ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะดำเนินการส่งหมายเรียกถึงผู้ต้องหาที่ไม่ได้รับอีกครั้ง
5 กันยายน 2561
ศาลทหารขอนแก่น นัดรวมคดีของจำเลยทุกคน กับคดีของรังสิมันต์ โรม เนื่องจากเป็นเหตุการณ์เดียวกัน และพยานก็เหมือนกัน คดีเกี่ยวเนื่องกัน เพื่อความสะดวกในการพิจารณาคดีของศาล อัยการจึงยื่นขอรวมคดีต่อศาล วันนี้ศาลอนุญาตให้รวมคดี และนัดต่อไปตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561