เวลาประมาณ 02.00 น. เจ้าหน้าที่จากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และทหารจากค่ายพ่อขุนผาเมืองกว่า 20 นาย สนธิกำลังเข้าค้นบ้าน “เนส” ซึ่งขณะนั้นมี พ่อ แม่ และแฟนของ “เนส” อยู่ด้วย เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพและยึดโทรศัทพ์มือถือไป 3 เครื่อง และคอมพิวเตอร์อีก 1 เครื่อง จากนั้น “เนส” ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สภ.เพชรบูรณ์ ก่อนจะนำตัวไปที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) กรุงเทพมหานครในคืนเดียวกัน
วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เปิดเผยภายหลังพบนายทหารพระธรรมนูญ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. มอบหมายให้มาดูแล “เนส” เนื่องจากทางนปช.และครอบครัวของเนสเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหลายประการ “เนส” จำเป็นต้องมีทนายความในการต่อสู้คดี ไม่เช่นนั้นจะมั่นใจได้อย่างไรว่าไม่ได้ถูกบังคับหรือละเมิดสิทธิเสรีภาพ แต่นายทหารพระธรรมนูญไม่อนุญาตให้เข้าพบ โดยแจ้งว่า เนสถูกควบคุมตัวอยู่ภายในการดูแลของทหารภายใต้กฎอัยการศึก เป็นเวลา 7 วัน
"เราคงต้องรอผลตัดสินเรื่องการปล่อยชั่วคราวของคู่คดีของเนส ว่าศาลท่านจะใช้ดุลยพินิจว่าอย่างไร เพื่อเป็นแนวทางในการขอปล่อยชั่วคราวให้กับจำเลย เมื่อทางจำเลยสามารถหาหลักทรัพย์หรือเงินสดมาใช้ในการประกันตัวได้" ทนายความกล่าว
ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนแจ้งว่า ขณะนี้ "เนส" ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว โดยใช้เงินสด 400,000 บาท เป็นหลักประกัน
28 กรกฎาคม 2558
นัดสอบคำให้การ
ประชาไท รายงานว่า เวลาประมาณ 10.30 น. ศาลทหารกรุงเทพ นัดสอบคำให้การ "เนส" ผู้ถูกกล่าวหาว่าเผยแพร่แถลงการณ์ปลอม เรื่องอาการพระประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ห้องพิจารณาคดี 1
อัยการทหารแถลงขอให้ศาลพิจารณาคดีเป็นการลับ เนื่องจากหากมีบุคคลอื่นมานั่งฟังการพิจารณาคดีจะทำให้เกิดความเสียหายต่อพระมหากษัตริย์ แต่ศาลวินิจฉัยว่า วันนี้เป็นเพียงการสอบคำให้การและอ่านคำฟ้อง ลักษณะเนื้อหาในคดีไม่น่าจะส่งผลกระทบใดๆ จึงให้พิจารณาคดีอย่างเปิดเผย
หลังจากศาลอ่านฟ้อง "เนส"ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอสู้คดี ซึ่งศาลจะเริ่มสืบพยานโจทก์นัดแรกวันที่ 19 ตุลาคม 2558 เวลา 8.30 น.
หลังเสร็จกระบวนพิจารณา "เนส" เปิดเผยว่าเขารู้สึกกังวลใจ ไม่รู้ว่าผลจะออกมาในรูปแบบไหน เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกนัก
วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายจำเลย เปิดเผยถึงแนวทางการต่อสู้คดีว่า จำเลยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เนื่องจากไม่มีเจตนาในการกระทำความผิด โดยจำเลยไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด และจำเลยไม่รู้ว่าแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นแถลงการณ์ปลอม จำเลยจึงสำคัญผิดว่าเป็นแถลงการณ์จริง ดังนั้นจำเลยจึงไม่มีเจตนาในการเผยแพร่และไม่มีเจตนาละเมิดสถาบันฯ แต่เป็นการโพสต์เพื่อนำเสนอข่าวเกี่ยวกับสถาบัน ซึ่งจำเลยไม่ทราบข้อเท็จจริง
เพราะเป็นเอกสารที่ทางประชาชนทั่วไปทราบได้ และจำเลยก็ไม่ได้เป็นคนกระทำเอกสารดังกล่าว อีกทั้งจำเลยไม่รู้ว่าเป็นของปลอม จึงไม่ได้มีเจตนานำข้อความหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
วิญญัติกล่าวต่อไปว่า เบื้องต้นนั้นจำเลยมีความมั่นใจว่าศาลจะให้ความเป็นธรรม เนื่องจากเมื่อจำเลยไม่อาจทราบได้ว่าข้อความดังกล่าวเป็นเท็จและหากศาลเห็นว่าข้อความดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยากแก่ประชาชนโดยทั่วไปจะรู้ได้ว่าข่าวสารหรือข้อมูลนั้นจะถูกต้องหรือไม่ ศาลย่อมยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลยว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด
อย่างไรก็ตาม การที่พลเรือนต้องขึ้นศาลทหารก็มีความน่ากังวล เพราะในสภาวะของการประกาศกฏอัยการศึก อาจทำให้กระบวนการพิจารณาคดีและการรับฟังพยานหลักฐานของศาลทหารต่างจากศาลพลเรือน
19 ตุลาคม 2558
นัดสืบพยานโจทก์
ศาลทหารกรุงเทพนัดสืบพยานโจทก์คดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของ "เนส" ผู้ถูกกล่าวหาว่าแชร์แถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอม เรื่องอาการพระประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเวลา 8.30 น.
บรรยากาศโดยทั่วไปที่ศาลทหารมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพราะในวันนี้ศาลนัดพิจารณาคดีปาระเบิดศาลอาญา และคดีระเบิดราชประสงค์ด้วย
ในชั้นสอบคำให้การเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 เนสให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอสู้คดี ศาลขึ้นบัลลังก์ในเวลาประมาณ 10.15 น. คดีนี้ศาลไม่สั่งพิจารณาลับ ผู้ติดตามของเนสจึงนั่งสังเกตการณ์พิจารณาคดีได้
ก่อนหน้าศาลจะขึ้นบัลลังก์ เนสเปลี่ยนคำให้การจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพและได้ยื่นคำแถลงประกอบคำรับสารภาพให้ศาลก่อนเริ่มการพิจารณา ศาลจึงถามย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าจะเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพใช่หรือไม่ "เนส" ให้การยืนยัน ศาลจึงให้งดการสืบพยานในคดีนี้
หลังเนสกลับคำให้การ ศาลพิพากษาให้จำคุก "เนส"ตามมาตรา 112 เป็นเวลา 5 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน และให้รอการลงโทษจำคุกไว้เป็นเวลา 3 ปี
หลังการรัฐประหารและการออกประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 เรื่องให้ศาลทหารพิจารณาคดีพลเรือน ในความผิดทางอาญาบางประเภท คดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112 ของ "เนส" นับเป็นคดีที่ 2 ที่ศาลทหารให้รอการลงโทษจำคุกจำเลย โดยคดีแรกที่ศาลทหารให้รอการลงโทษคือคดีของนิรันดร์ อดีตผู้ดูแลเว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการ ที่ศาลมีคำพิพากษาไปเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2558