สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ฟ้องกิตติธนต่อศาลอาญา ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และพยายามหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ
1.จำเลยตระเตรียมและพยายามกระทำความผิด โดยมีเจตนาที่จะหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท กล่าวคือ จำเลยมีภาพถ่ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระเทพฯ และองค์เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ รวมทั้งองค์รัชทายาทของแต่ละพระองค์ที่เสด็จไปสถานที่ต่างๆ ในพระอิริยาบถต่างๆ
แล้วจำเลยได้เขียน พิมพ์ข้อความต่างๆ ประกอบพระบรมฉายาลักษณ์ โดยเป็นข้อความในลักษณะดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ซึ่งเมื่อมีผู้มาพบเห็นภาพถ่ายและข้อความดังกล่าว จะเข้าใจผิดว่าพระมหากษัตริย์ทรงสร้างภาพมาโดยตลอดว่าพระองค์เป็นผู้ยิ่งใหญ่ต่อสายตาชาวโลก ซึ่งจำเลยได้ตระเตรียมเอกสารและภาพถ่ายพร้อมข้อความดังกล่าวและบันทึกไว้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แผ่นซีดี แฟ้มข้อมูลคอมพิวเตอร์ ระบบอินเทอร์เน็ต ที่สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตทั่วโลก เพื่อเผยแพร่ภาพและข้อความดังกล่าว
และเมื่อมีผู้พบเห็นก็จะทำให้เกิดการดูหมิ่นเกลียดชังฯ พระมหากษัตริย์ จำเลยได้กระทำความผิดไปโดยตลอดแล้วแต่การกระทำไม่บรรลุผล เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้น ยึดภาพถ่ายและข้อความต่างๆ พร้อมอุปกรณ์สื่อสารทางอินเทอร์เน็ตก่อนที่จำเลยจะโพสต์ข้อความดังกล่าวลงเว็บไซต์ www.dangdd.com ซึ่งเปลี่ยนชื่อโดเมนเนมมาจาก www.internettofreedom.com
2.วันที่ 1 สิงหาคม 2556 จำเลยใช้ชื่อล็อกอิน "เคนจิ" ใช้อีเมล์
[email protected] เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับบริษัท ทรูอินเทอร์เน็ต จำ กัดซึ่งปรากฏไอพี 108.162.199.196 นำภาพถ่ายและข้อความหยาบคาย ในลักษณะสาปแช่ง ดูหมิ่น หมิ่นประมาท จาบจ้วงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี แสดงต่อบุคคลทั่วไป ด้วยการโพสต์ลงในเว็บไซต์ www.dangdd.com ซึ่งปรากฏไอพี โดยประการที่น่าจะทำให้น่าจะทำให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินี ซึ่งทั้งสองทรงเป็นที่เคารพสักการะต้องเสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง และเกิดความเสื่อมศรัทธาเข้าใจผิดได้ว่า
สถาบันพระมหากษัตริย์ปิดบังการเสร็จสวรรคตของทั้งสองพระองค์ และเป็นการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่นำจะทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
3.วันที่ 2 สิงหาคม 2556 จำเลยใช้ชื่อล็อกอิน "เคนจิ" ใช้อีเมล์
[email protected] เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับบริษัท ทรูอินเทอร์เน็ต จำ กัดซึ่งปรากฏไอพี 108.162.199.196 นำภาพถ่ายและข้อความหยาบคาย ในลักษณะสาปแช่ง ดูหมิ่น หมิ่นประมาท จาบจ้วงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี แสดงต่อบุคคลทั่วไป ด้วยการโพสต์ลงในเว็บไซต์ www.dangdd.com ซึ่งปรากฏไอพี โดยประการที่น่าจะทำให้น่าจะทำให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินี ซึ่งทั้งสองทรงเป็นที่เคารพสักการะต้องเสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง และเกิดความเสื่อมศรัทธาเข้าใจผิดได้ว่า
สถาบันพระมหากษัตริย์ปิดบังการเสร็จสวรรคตของทั้งสองพระองค์ และเป็นการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่นำจะทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (2) (3), ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 91, 112 และพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4
12 ธันวาคม 2556
นัดฟังคำพิพากษา
ที่ห้องพิจารณาคดี 715 ศาลอาญา รัชดา มีผู้สังเกตการณ์คดี 6 คน ศาลขึ้นบัลลังก์เวลา 9.55 น. และอ่านคำพิพากษาในเวลาประมาณ 10.00 น.
ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 มาตรา112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(2)(3) เป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมตามกระทงความผิด
ในความผิดฐานพยายามหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112 ประกอบ มาตรา 80 ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน ส่วนในความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ และฐานนำเข้าข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ 2 กรรม เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท พิจารณาลงโทษจำคุกในฐานความผิดสูงสุด ลงโทษกรรมละ 5 ปี รวมเป็น 10 ปี
จำเลยรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษกึ่งหนึ่งในฐานพยายามหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ เหลือจำคุก 1 ปี 8 เดือน และในฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ เหลือจำคุกกรรมละ 2 ปี 6 เดือน เหลือโทษจำคุกทั้งสิ้น 5 ปี 20 เดือน
หลังการพิพากษาจำเลยตั้งใจจะไม่ยื่นอุทธรณ์และขอพระราชทานอภัยโทษต่อไป
8 สิงหาคม 2559
ราชกิจจานุเบกษาตีพิมพ์พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2559 กิตติธนอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการลดหย่อนโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ด้วย โดยกิตติธนอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับปล่อยตัวก่อนครบกำหนดโทษเดิม
7 กันยายน 2559
กิตติธนได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพในช่วงเช้า