- คดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, คดีมาตรา116, ฐานข้อมูลคดี
ปอท.VS เสริมสุข กษิติประดิษฐ์
ผู้ต้องหา
สถานะคดี
คดีเริ่มในปี
โจทก์ / ผู้กล่าวหา
เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บก.ข่าวการเมืองและความมั่นคงของสำนักข่าวไทยพีบีเอส ถูกหมายเรียกข้อหาพ.ร.บ.คอมฯ ฐานสร้างความตื่นตระหนก หลังโพสต์ข่าวลือว่าจะมีปฏิวัติ ให้ประชาชนกักตุนน้ำและอาหาร
สารบัญ
ภูมิหลังผู้ต้องหา
ภูมิหลังผู้ต้องหา
นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ นักหนังสือพิมพ์ เป็นอดีตหัวหน้าข่าวสายทหารของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เป็นผู้เขียนรายงานข่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา ยืนยันว่ารันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิแตกร้าว ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ฉบับวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2548 และเป็นข่าวไปทั่วโลก ส่งผลให้กระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เรียกค่าเสียหายหนึ่งพันล้านบาท โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ระบุว่าเป็นการเต้าข่าว ไม่รักชาติ
ผลจากการฟ้องร้องของกระทรวงคมนาคม ส่งผลให้ทางหนังสือพิมพ์กดดันให้ นายเสริมสุข ลาออกจากงานพร้อมกับนายชฎิล เทพวัลย์ บรรณาธิการข่าว เพื่อเป็นการรับผิดชอบ กรณีนี้ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการแทรกแซงสื่อ จากฝ่ายการเมืองในขณะนั้น
เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ และชฎิล เทพวัลย์ ได้รับการยกย่องจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เป็น นักข่าวเกียรติยศ ประจำปี 2549 เนื่องในวันนักข่าว ครั้งที่ 52 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2550
ในปัจจุบัน เสริมสุข เป็นบรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย และมีชื่อเรียกเล่น ๆ ในแวดวงสื่อมวลชนว่า พี่เป๊ปซี่
ข้อหา / คำสั่ง
การกระทำที่ถูกกล่าวหา
นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยเป็นข้อความเกี่ยวกับการปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาล เพื่อชี้นำให้ประชาชนตื่นตระหนกโดยการกักตุนอาหารและน้ำ อีกทั้งยังโพสต์ข้อความที่อาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายของบ้านเมือง จากการพิจารณาจากเนื้อหาไม่มีมูลความจริงและถ้าปล่อยให้เผยแพร่ก่อจะเกิดความเสียหายต่อประเทศ ทาง ปอท. จึงออกหมายเรียกทั้งสี่รายเพื่อให้พบพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) เรื่องการนำข้อมูลที่เป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ทำให้กระทบต่อความมั่นคง
พฤติการณ์การจับกุม
บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล
หมายเลขคดีดำ
ศาล
เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
แหล่งอ้างอิง
4 สิงหาคม 2556
กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ตรวจพบข้อความทางสื่อออนไลน์เว็บไซต์เฟซบุ๊ก โดยผู้โพสต์ทั้ง 4 ราย ได้แก่ นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ นายเดชาธร ธีรพิริยะ น.ส.วารุณี คำดวงศรี และผู้ใช้นามแฝง Yo Onsine โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาล เพื่อชี้นำให้ประชาชนตื่นตระหนกโดยการกักตุนอาหารและน้ำ และข้อความที่อาจทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
5 สิงหาคม 2556
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการ ปอท. แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยนำรายชื่อ 4 บุคคล ที่เป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว มาเปิดเผยต่อสาธารณชน นอกจากนั้น จากการตรวจสอบพบว่า บุคคลทั้ง 4 เป็นผู้โพสต์ข้อความด้วยตนเองและออกหมายเรียก ทั้ง 4 คน มาสอบสวน หากพบว่ากระทำผิดจริง พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหา มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแก่กฎหมายแผ่นดิน เกิดความปั่นป่วน ซึ่งจะก่อให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร
นอกจากนี้ ปอท.ยังพบว่า มีผู้ใช้นามแผงว่า เดอะ เลดี้ และคณะเสนาธิการร่วม ได้โพสข้อความดังกล่าวด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างการพิสูจน์ตัวบุคคล พร้อมเตือนประชาชนห้ามโพสต์ กดไลค์ หรือส่งต่อข้อความที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เพราะจะถือว่าเป็นผู้กระทำผิดร่วม
6 สิงหาคม 2556
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการ ปอท. เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่ ปอท. ได้ออกหมายเรียกผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวทั้ง 4 ราย มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำและดำเนินการตามกฎหมาย มีเพียงนายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ตอบรับที่จะเข้ามาให้ปากคำ ในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ เวลา 10.00 น. ส่วนอีก 3 คน ยังไม่ติดต่อมา ซึ่งก็จะสอบปากคำก่อนว่ามีเจตนาใดหรือไม่ หากเข้าข่ายความผิดก็จะแจ้งข้อหาทันที ภายหลังนายเสริมสุขได้ขอเลื่อนนัดเข้ารับทราบข้อหาเป็นวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม 2556 เวลา 10.00 น.
ในวันเดียวกัน องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ต้นสังกัดของนายเสริมสุข ออกแถลงการณ์กรณีการแสดงความคิดเห็นทางสื่อออนไลน์ ของบรรณาธิการอาวุโส โดยมีใจความว่า
1. กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นการแสดงความเห็นโดยบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ หากขัดกับข้อกฎหมายใด ย่อมสามารถตรวจสอบหรือดำเนินการอย่างเหมาะสม เท่าเทียม เป็นเหตุเป็นผล โดยยุติธรรมและปราศจากอคติหรือผลประโยชน์แอบแฝงใดๆ ได้
2. ในเบื้องต้น ผู้อำนวยการ ส.ส.ท.ได้กำชับให้นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ แสดงความเห็นทางสื่อต่างๆด้วยความระมัดระวัง และเหมาะสมกับสถานะของตนเอง โดยมิให้กระทบต่อความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชนและองค์กรด้วยแล้ว
3. ส.ส.ท.มีระเบียบ กรอบจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่รวมถึงการแสดงความเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีที่เกิดขึ้น ส.ส.ท.จะจัดกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามควรแก่กรณีอย่างเป็นธรรม
แถลงการณ์ลงชื่อ นายสมชัย สุวรรณบรรณ ผู้อำนวยการ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.)
9 สิงหาคม 2556
นายเสริมสุข และนายนคร ชมพูชาติ ทนายความเข้าพบ พ.ต.อ.วรรณวุฒิ ชาญนุกูล รองผู้บังคับการตำรวจ ปอท. เพื่อให้ปากคำตามหมายเรียก นายเสริมสุขชี้แจงว่าไม่มีเจตนาปล่อยข่าวลือ แต่ที่โพสต์ข้อความดังกล่าวเพราะเห็นว่าข่าวลือดังกล่าวไม่น่าจะเป็นความจริง ตนเพียงต้องการเอาข่าวลือมาโพสต์บอกว่านี่ไม่ใช่ข่าวจริง เพื่อให้เพื่อนในเฟสบุ๊คของตนรับทราบ
นอกจากนี้ นายเสริมสุขถูกเรียกมาให้ปากคำในฐานะพยาน เพราะสำนวนสอบสวนมีหลายสำนวน (มีผู้โพสต์หลายคน คนละสำนวนกัน) ซึ่งยังไม่มีการแจ้งใครเป็นผู้ถูกกล่าวหา