วาทะ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้นำรัฐประหาร กันยายน,2549
-2–
*ผู้ชนะกลับกลายสภาพเป็นโจร*
“เราคือประชาชน, นี่คือแผ่นดินของเรา”
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ พ.ศ.2501
จอมพล ถนอม กิตติขจร พ.ศ.2506
พลเอก สุจินดา คราประยูร พ.ศ.2535
และ อาจรวมถึง หัวหน้าคณะรัฐประหารล่าสุด พ.ศ.2557
-3-
*ผู้นำ…ที่ดีที่สุด รับรู้กันเพียงว่ามีตัวตน*
บทความ รุ่งศิลา
“การเมืองคือเรื่องของการต่อสู้ต่อรอง” ในความเห็นของผม การกอบกู้ประเทศไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยน้ำมือของ ผู้นำเผด็จการอำนาจทีเปี่ยมด้วยเมตตา
“บุคคลผู้ทรงปัญญา” … เป็นความหวังของประชาชน ที่จะนำพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง มั่นคงด้วย สิทธิเสรีภาพ ภราดรภาพ และความเสมอภาค เป็นความมั่นคงของประชาชนในชาติ หาใช่ความมั่นคงของปลุกคนหรือชาติตระกูลใด
ความเป็นระเบียบของสังคม ที่เข้าใจและรู้จักกันในนาม “ความมั่นคง” ซึ่งเป็นเป้าประสงค์ของการปกครอง…เสรีประชาธิปไตย ต้องได้รับการสถาปนาขึ้น ไม่ใช่ประชาธิปไตยอันเสแสร้งแบบไทยๆ และโดยไม่หวนกลับ
“เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ที่ผู้คนในสังคมจะยินยอมพร้อมใจกันลุกขึ้น มาทำการปฏิวัติสังคม อย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่มีใครเป็นผู้นำ ที่เริ่มต้นในการก่อหวอด หรือจุดไฟกองแรกขึ้น”…จอห์น ล็อค นักปรัชญาการเมืองชาวอังกฤษ ค.ศ.1632
การนำที่ล้มเหลวพ่ายแพ้ซ้ำซาก…เพราะไม่จริงใจในการต่อสู้หรือจริงใจแต่โง่เขลา… ทำสงครามไม่เป็นแต่คิดว่าตัวเองเก่ง ผู้นำที่มวลชนเคยเชื่อถือศรัทธา กลับกลายเป็นอภิสิทธิ์ชนที่อ่อนล้า ไม่กล้าต่อสู้ หว่งอยู่แต่การปกป้องสิทธิประโยชน์ของตนมากกว่า สิทธิและผลประโยชน์ของประชาชน, ประเทศชาติ
เราเสียเวลาและโอกาสที่ดีที่สุด ไปกับความพยายามอันเปล่าประโยชน์ เพื่อรับใช้คนไร้ค่า และเห็นแก่ตัว ที่ถือประโยชน์ของตน เหนือประโยชน์ของมวลชน ที่พวกเขาเสแสร้งทำเป็นปกป้อง…ในปัจจุบัน ผู้คนตื่นตัวมีความรับรู้ทางสังคมการเมือง มากกว่าเดิม เกินกว่าวาทกรรมที่ว่า
“ราษฎรยังด้วยการศึกษา ยังไม่พร้อมชิงสุกก่อนห่าม”
เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต ความเร็วสูง… ทำให้มวลชนรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด รับรู้เหตุผลอันไม่ต้องตรงตามหลักการประชาธิปไตย เข้าใจถึงกระบวนวิธีของระบอบประชาธิปไตย บริบททางการเมืองที่มีการแตกขั้วขัดแย้ง ทำให้เราจำได้ในสิ่งที่เคยถูกทำให้ลืม รู้ในสิ่งที่เคยถูกปกปิดเข้าใจในประเด็นที่คลุมเครือ
สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็เป็นไปได้…ผู้คนที่ออกความเห็นในโลกโซเบอร์ เริ่มออกมายืนในที่สาธารณะ การออกมายืนเงียบๆหรือประกอบท่าทางอย่างมีนัยยะก็พัฒนายกระดับเป็นการเดินขบวนที่เปล่งเสียงเรียกร้อง และเพิ่มจำนวนเติบโตขึ้น จนมากพอจะล้ม “รัฐทรราชย์” ซึ่งกดขี่ประชาชนได้
ปรากฏการณ์อาหรับสปริง [Arab Spring ]… เป็นแบบอย่างการประท้วงของประชาชนคนหนุ่มสาว การลุกฮือของคนจำนวนมากเกิดขึ้นโดยมิอาจคาดหมาย… “ราษฎร ผู้ไม่เชื่อฟังและไม่ยอมให้ปกครองอีกต่อไป”… การต่อต้านอย่างกว้างขวางก็เกิดขึ้น แน่นอนว่า อาจมีการจับอาวุธขึ้นเพื่อแก้แค้น ขบวนมวลชนแบบอาสาๆ มีลักษณะการที่เป็นการจัดตั้ง กองกำลังของตนเองพร้อมอาวุธ ซึ่งหากจุดติดแล้ว มันคุมกันไม่ได้ และไม่อยู่ภายใต้กรอบอำนาจการสั่งการของใครคนใดคนหนึ่ง… จะไม่ปรากฏตัวผู้นำ ไม่มีใครเป็น “วีรบุรุษ”นั้นเพราะทุกคนคือ…วีรบุรุษ
“ผู้นำที่ดีเป็นเลิศที่สุดนั้นเพียงแต่เป็นที่รับรู้ว่ามีตัวตนอยู่
ชั้นรองลงมา เป็นที่รักสรรเสริญ
ชั้นรอง กว่านั้นเป็นที่เกรงกลัว และเกลียดชัง
ถ้า… ท่านไม่ยกย่องประชาชน ประชาชนก็ไม่ยกย่องท่าน
ผู้นำที่ดี ย่อมพูดน้อย เมื่องานเสร็จสมประสงค์
คนทั้งหลายก็จะกล่าวว่า…การงานที่สำเร็จนั้น ก็ด้วยพวกเขาทำกันขึ้นมาเอง”
…เลาจื้อ ปรัชญาเมธี จีนสมัยพุทธกาล
ประชาธิปไตย จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อ มีผู้นำทางการเมืองที่กล้าหาญ เข้มแข็ง อดทน เสียสละ ทำตามกติกา ยอมตนรับใช้ประชาชนอย่างจริงใจ โดยไม่หวงอำนาจไว้ หรือ หาทางยึดอำนาจ มาเป็น”เผด็จการ”เสียเอง
การยึดอำนาจรัฐประหาร [Coup d’etat] เป็นเงื่อนไขอันอาจนำไปสู่ “สงครามกลางเมือง” [Civil War]…ณ. ขณะเวลานี้สังคมเต็มไปด้วยความเกลียดชังสั่งสม ซึ่งกันและกัน ผู้คนเริ่มปฏิบัติต่อกันอย่างขมขื่น…ศักดิ์ศรี และการปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ… การทรมานร่างกาย ทำให้เกิดบาดแผลทางร่างกาย… แต่การหมิ่นหยาม ก่อให้เกิดแผลเป็นกับศักดิ์ศรีของคน ซึ่งการบำบัดรักษาเป็นเรื่องยากกว่ามาก… ประชาชนไม่จำเป็นต้องยอมรับการกระทำอันดูหมิ่น เหยียดหยามซ้ำแล้วซ้ำเล่าในแต่ละวันที่ “ผู้เผด็จการอำนาจ” จะออกคำสั่งซ้ายหันขวาหัน บังคับบัญชาให้ต้องเดินตามกติกาของตน…แม้มิว่านั่นจะชอบธรรมหรือไม่ก็ตาม ด้วยสายตาที่มอง… “มนุษย์มิได้เป็นอะไร มากไปกว่าสัตว์เลี้ยง”
มวลชน…ก้าวหน้ามาไกลแล้วมีประสบการณ์มากขึ้น และก่อเกิดบัญญาจากการเดินทาง เรียนรู้ด้วยการลองผิดลองถูกราษฎรที่ต่ำต้อย ค่อยๆพัฒนาความเชื่อมั่น และพึ่งพาตัวเอง… การโค่นล้ม เผด็จการถูกกดขี่นั้นใดรับมอบอำนาจจากมวลมนุษยชาติ และเป็นความปรารถนาสูงสุดของเสรีชนทุกคน
ผู้เป็น…นักสู้เพื่อเสรีภาพ นั้นต้องจัดความรู้สึกส่วนตัวที่จะหลงตัวเองว่าเป็น ปัจเจกบุคคล แทนที่จะเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการเคลื่อนไหวมวลชน…บนจิตสำนึกว่า…กำลังต่อสู้เพื่อปลดปล่อยมวลชนหลายล้านคน…มิใช่เพื่อ เกียรติยศ ของคนเพียงคนเดียว
“Disaster situations make heroes out of ordinary people”
“สถานการณ์ สร้างวีรบุรุษ จากคนธรรมดาที่มิได้มีอะไรโดดเด่น”
-4-
ได้รับสถาปนาเป็น”รัฏฐาธิปัตย์” เพราะมีอำนาจสูงสุดในบ้านเมือง
และ ผู้นำเผด็จการนาซีเยอรมันตั้งแต่ปี พ.ศ.2477-2488
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นคนดี เราจะตรวจสอบเขาได้อย่างไร จะคานอำนาจได้อย่างไร
ปราชญ์โบราณ กล่าวไว้นานนับพันปี แล้วว่า…
คนเลว เมื่อมีอำนาจ จะใช้อำนาจ เพื่อตัวเองและหมู่พวก”
ด้วยการโกหกเรื่องใหญ่ ง่ายกว่าโกหกด้วยเรื่องเล็กๆ”…
…ดร. โจเซฟ เกิบเบิลส์ รมต. กระทรวงโฆษณาการ ของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์
วันที่…28 กันยายน 2559
– การยึดทรัพย์ เผด็จการ สฤษดิ์ ธนะรัชต์
– การยึดทรัพย์ เผด็จการ ถนอม-ประภาส-ณรงค์ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
– การเปิดเผยทรัพย์สิน หัวหน้าคณะรัฐประหาร’2534 ภายหลังสิ้นชีวิต ของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ที่มีการฟ้องร้องแย่งชิงสมบัติกันในหมู่ ภรรยา มูลค่านับพันล้านบาท… ล่าสุด รัฐประหารกรุงเทพ’ 2557 กรณี วิกฤติศรัทธา “อุทยานราชภักดิ์” ได้บ่อนทำลาย ความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ความสะอาดของ ผู้นำทหารที่ก่อการรัฐประหาร… ซึ่งยังไม่นับกรณีอื่นๆ ที่กำลังเปิดเผยตัดตามมา
“อำนาจ…มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การฉ้อฉล แล้วอำนาจที่สมบูรณ์ นำไปสู่การช่อชนอย่างสมบูรณ์…
คนที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ของโลกเกือบทั้งหมด มักเป็นคนเลว ยิ่งมีอำนาจมากเท่าใด ก็มีโอกาสทำชั่วมากขึ้นเท่านั้น”
คราสิ่งใหม่มิทันเกิดกระเสือกกระสน
แลสิ่งเก่ามิยอมตกตายยังดิ้นรน
อสุรร้าย…จึงเผยตน ปรากฏกาย”
ในประเทศ
ตั้งตระหงานกลางทะเลทราย และที่ผืนทรายใกล้กันนั้น มีซากปรักหักพังของใบหน้าจมปริ่ม
อยู่ใต้กองทราย…คิ้วขมวดและริมฝีปากย่นเผยอขึ้น เพื่อแสดงการออกคำสั่งอย่างเย็นช้า
อันสะท้อนได้ถึงอารมณ์ ของ ประติมากร ซึ่งแสดงออกมาด้วยมือ และด้วยหัวใจ… บนหินสลัก
ที่ไร้วิญญาณที่ไร้วิญญาณเหล่านี้ มีข้อความ จารึกสลักไว้ตรงฐาน ว่า…
จงมองดูผลงานที่ข้าทำ…เจ้าผู้เกรียงไกร และสยบต่อข้า-
แผ่ไพศาล ทอดไปแสนไกลสุดสายตา”
but the most responsive to change”
หากแต่เป็น ผู้ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง”
ชาร์ส ดาร์วิน – Charles Darwin
JUST ONLY THE ASHES LEFT
เหลือเพียงแค่…เถ้าธุลี