ในยุครัฐบาล คสช. มีประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 กำหนดให้ประชาชนที่ถูกกล่
ตลอดระยะเวลากว่าสองปี คดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112, คดียุยงปลุกปั่น ตามมาตรา 116, คดีชุมนุมทางการเมือง, คดีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช., คดีครอบครองอาวุธปืน และคดีอีกจำนวนมากที่พลเรือนถูกกล่าวหา ถูกส่งไปขึ้้นศาลทหาร ข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนพบว่า มีประชาชนต้องขึ้นศาลทหารอย่างน้อย 1,546 คน บางส่วนเป็นคดีเกี่ยวกับการเมือง บางส่วนไม่เกี่ยว
ในทางทฤษฎี พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 กำหนดให้กระบวนการพิจารณาคดีของศาลทหารไม่ต่างจากศาลพลเรือน แต่ในทางปฏิบัติจริงเมื่อเจ้าหน้าที่ศาล อัยการ และผู้พิพากษาล้วนเป็นทหารที่ไม่คุ้นชินกับคดีของพลเรือน ซึ่งหลายคดีเป็นที่สนใจของสังคม และมีข้อกล่าวหาและการตีความกฎหมายที่ซับซ้อน ประกอบกับกฎระเบียบย่อยต่างๆ และบรรยากาศทางการเมือง จึงทำให้สิทธิของผู้ต้องหาตกหล่นหายไปในกระบวนการทำงานของศาลทหาร
ไอลอว์ลองจัด 5 อันดับ คดีในความทรงจำในช่วงเวลาสองปี
5. ผู้พิพากษาไม่ต้องมาศาล สั่งฝากขังและประกันตัวทางโทรศัพท์
ในคดีของพลวัฒน์ ชาวระยองที่ถูกจับจากการโปรยใบปลิวต่อต้านเผด็จการและถูกตั้งข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 พลวัฒน์ถูกพาตัวมาฝากขังต่อศาลทหาร ในวันที่ 30 มีนาคม 2558 ที่ศาลทหารในจังหวัดชลบุรี ซึ่งตั้งอยู่ในค่ายนวมินทราชินี
พลวัฒน์และญาติมาถึงศาลตั้งแต่ก่อนเวลา 9.00 น. แต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ศาลมาทำงาน จนกระทั่งหลังเวลา 10.00 น. ไปแล้วจึงมีเจ้าหน้าที่ทยอยเดินทางมาที่ศาล ในวันนั้นมีคดีของพลวัฒน์มาที่ศาลเพียงคดีเดียว หลังจากพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขัง และพลวัฒน์ยื่นขอประกันตัวในเวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ศาลเดินมาแจ้งว่า ได้โทรศัพท์ขอผู้พิพากษาให้แล้ว ซึ่งผู้พิพากษากำหนดหลักประกันอยู่ที่ 70,000 บาท
นั่นหมายความว่า วันนั้นผู้พิพากษาไม่ได้เดิ
4. เปิดรับฝากขังถึงเที่ยงคืน
ในคดีของ 14 นักกิจกรรมกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่ถูกจับกุมจากการชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และถูกตั้งข้อหาชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน และยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ผู้ต้องหาทั้ง 14 คน ถูกจับในช่วงเย็นของวันที่ 26 มิถุนายน 2558 และถูกพาไปแจ้งข้อกล่าวหาที่ สน.พระราชวังในช่วงค่ำ ซึ่งกระบวนการตามปกติ หลังแจ้งข้อกล่าวหาแล้วผู้ต้องหาก็จะถูกควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจ ไม่เกิน 48 ชั่วโมง เพื่อรอเวลาศาลเปิดทำการและนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง
แต่วันนั้น ตำรวจพาตัวผู้ต้องหาทั้ง 14 คนไปที่ศาลทหารกรุงเทพในเวลาประมาณ 21.30 น. ซึ่งศาลยังคงเปิดทำการเพื่อรอรับการฝากขังคดีนี้โดยเฉพาะ ทั้ง 14 คนถูกพาตัวขึ้นห้องพิจารณาคดีกลางดึก พร้อมกับทนายความที่ตามมาถึงในชุดไปรเวท ตำรวจยื่นคำร้องขอฝากขัง โดยผู้ต้องหาแถลงปากเปล่าคัดค้านการคุมขัง ศาลทหารกรุงเทพออกคำสั่งให้คุมขังผู้ต้องหาทั้ง 14 คน ในเวลาประมาณเที่ยงคืน และผู้ต้องหาถูกนำตัวออกจากศาลไปยังเรือนจำในเวลาประมาณ 00.30 น. ของวันต่อมา
3. พิจารณาช้าจนจำเลยรอไม่ไหว
สมัคร เป็นชาวนาที่จังหวัดเชียงราย ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2557 จากการทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ สมัครรับสารภาพว่าทำจริง แต่ทำไปเพราะดื่มสุราจนเมา และเคยมีประวัติต้องเข้ารับการรักษาอาการทางจิตอยู่ก่อนแล้ว สมัครเคยมีอาการกำเริบ คลุ้มคลั่ง ทุบบ้านและเผารถจักรยานยนต์ของตัวเอง ในการต่อสู้คดีสมัครยอมรับว่าได้ทำไปจริง แต่ต้องการพิสูจน์เรื่องอาการทางจิต เพื่อให้ศาลลดโทษ เพราะตามกฎหมายหากจำเลยกระทำความผิดไปเพราะมีอาการทางจิต ศาลจะลดโทษลงให้เหลือน้อยเพียงใดก็ได้
เนื่องจากศาลทหารใช้วิธีการพิ
ศาลทหารที่จังหวัดเชียงรายพิพากษาลงโทษสมัครให้จำคุก 10 ปี ลดเหลือ 5 ปีเนื่องจากรับสารภาพ โดยประเด็นอาการทางจิตของจำเลยไม่มีโอกาสได้นำมาพิจารณาด้วย
2. พาตัวไปพิพากษาโดยไม่มีทนายความ
ชญาภา ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2558 จากการโพสต์ข่าวลือบนเฟซบุ๊กว่าอาจจะมีการรัฐประหารซ้อน เธอถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 แต่หลังการสอบสวนและตรวจสอบเฟซบุ๊กอย่างละเอียด เธอถูกตั้งข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112 เพิ่มอีก
หลังอัยการยื่นฟ้อง ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่
จนกระทั่งคืนวันที่ 14 ธันวาคม 2558 เจ้าหน้าที่เรือนจำบอกกั
ศาลพิพากษาให้ชญาภามีความผิด 5 กรรม ตามมาตรา 112 ฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ 2 กรรม ลงโทษจำคุกกรรมละ 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี ลดโทษลงครึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกกรรมละ 2 ปี 6 เดือน รวม 4 ปี 12 เดือน ส่วนอีก 3 กรรมเป็นความผิดตามมาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่น ลงโทษจำคุกกรรมละ 3 ปี รวมจำคุก 9 ปี ลดโทษลงครึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกกรรมละ 1 ปี 6 เดือน รวม 3 ปี 18 เดือน รวมทั้งหมดให้จำคุกจำเลย 7 ปี 30 เดือน
1. ไม่ให้จำเลยยื่นประกันเพราะหมดเวลาราชการ แต่เปิดรับฟัองตอนกลางคืนได้
วันที่ 19 สิงหาคม 2559 มีเหตุการณ์ที่ศาลทหารปฏิบัติต่
ที่ศาลทหารกรุงเทพ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันตั้งพรรคแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตย (นปป.) 15 คน ถูกนำตัวมาขออำนาจศาลฝากขัง ในความผิดฐานอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 และชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ผู้ต้องหาทั้ง 15 คน ถูกพาตัวมาถึงศาลทหารกรุงเทพในเวลาประมาณ 15.30 น. และศาลทหารกรุงเทพสั่งให้ฝากขังในเวลาประมาณ 16.35 น. แม้ว่าผู้ต้องหาจะแจ้งความประสงค์ขอยื่นประกันตัวตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม แต่หลังศาลสั่งให้ฝากขังเจ้าหน้าที่ศาลทหารไม่อนุญาตให้ยื่นประกันตัวเพราะหมดเวลาราชการแล้ว ผู้ต้องหาทั้ง 15 คนจึงถูกส่งตัวไปควบคุมที่เรือนจำ
ขณะที่ศาลทหารที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ในค่ายศรีพัชรินทร์ จังหวัดขอนแก่น จตุภัทร์ หรือ “ไผ่ ดาวดิน” ถูกนำตัวมาส่งฟ้องที่ศาลในคดีฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 จากการชูป้ายต่อต้านการรัฐประหารที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขอนแก่น เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558
ไผ่ มาถึงศาลทหารที่ขอนแก่นในเวลาประมาณ 19.30 น. ซึ่งเลยเวลาราชการแล้ว และตุลาการยังเดินทางมาไม่ถึง ในเวลาประมาณ 20.30 น. อัยการทหารยื่นฟ้องทันที ศาลทหารสั่งรับฟ้องไว้พิจารณาและสั่งให้คุมขังจำเลยไว้ในระหว่างการพิจารณาคดีด้วย โดยระหว่างการพิจารณา บุคคลภายนอกรวมทั้งพ่อและแม่ของไผ่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในค่าย ที่ตั้งของศาลทหาร