![](https://live.staticflickr.com/65535/53122794158_1843de46a0_z.jpg)
แก้เกณฑ์จ่ายเบี้ยผู้สูงอายุใหม่ เพราะขัดรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญ 40 50 60 พูดถึงสิทธิผู้สูงอายุไม่ต่างกัน
เปรียบเทียบสิทธิผู้สูงอายุในรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญ |
บทบัญญัติ
|
2540 |
มาตรา 54 “บุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์และไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ”
|
2550 |
มาตรา 53
“บุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์และไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ มีสิทธิได้รับสวัสดิการ สิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะอย่างสมศักดิ์ศรี และความช่วยเหลือที่เหมาะสมจากรัฐ”
|
2560
|
มาตรา 48 วรรคสอง
“บุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีและไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ และบุคคลผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ”
|
อย่างไรก็ตามการจ่ายเบี้ยคนชราให้กับผู้สูงอายุที่อายุครบ 60 ปีขึ้นไป เริ่มขึ้นในประเทศไทยในสมัยรัฐธรรมนูญ 2550 คือในช่วงปี 2552 ที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และก็มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มร้องรับสิทธิดังกล่าวคือ ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2552 และพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2553 ซึ่งหัวใจสำคัญของกฎหมายทั้งสองฉบับคือ ผู้สูงอายุทุกคนมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพ โดยไม่ต้องพิจารณาฐานะทางเศรษฐกิจว่ายากจนหรือร่ำรวย ด้วยเหตุนี้ จึงมีการจ่ายเบี้ยคนชราแบบถ้วนหน้ามาต่อเนื่องมากกว่า 14 ปี
ข้ออ้างกฤษฎีกา ระเบียบผู้สูงอายุปี 52 ขัดรัฐธรรมนูญ
แม้เนื้อหารัฐธรรมนูญ 2560 เกี่ยวกับสิทธิคนชราจะไม่แตกต่างรัฐธรรมนูญก่อนหน้า และเนื้อหา พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ก็ยังไม่ได้มีการแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเบี้ยยังชีพรายเดือนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม มาตั้งแต่เริ่มจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุครั้งแรก แต่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ยังให้เหตุผลว่า การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุตามเกณฑ์เดิมขัดรัฐธรรมนูญ โดยให้เหตุผลดังนี้
หลักเกณฑ์ใหม่รับเบี้ยผู้สูงอายุขึ้นอยู่กับคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ
เปรียบเทียบหลักเกณฑ์จ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ
หลักเกณฑ์ 2552 |
หลักเกณฑ์ 2566 |
อายุ 60 ขึ้นไป |
|
– ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการรัฐ ได้แก่ ผู้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ ฯลฯ – ไม่รวมถึงผู้พิการหรือผู้ป่วยเอดส์ หรือผู้ได้รับสวัสดิการอื่นตามมติ ครม.
|
– เป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ
– คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เป็นผู้กำหนดกำหนด
|