![](https://live.staticflickr.com/65535/52894530191_072b69493d_b.jpg)
การเลือกตั้ง 2566 เดินหน้าไปท่ามกลางข้อครหาเรื่องความโปร่งใส เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีที่มาไม่เป็นอิสระ ประชาชนตั้งคำถามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 ขาดประสิทธิภาพ จนอาจจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ ‘บัตรเขย่ง’ หรือ การที่มีบัตรลงคะแนนมากกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิจริงในหลายพื้นที่ และทำให้คะแนนเสียงจำนวนมากของประชาชนไม่ถูกนับอย่างถูกต้อง
เหตุการณ์ดังกล่าวสวนทางกับหน้าที่ตามกฎหมายของ กกต. ที่ระบุว่า ต้องจัดการเลือกตั้งอย่างสุจริต โปร่งใส และเที่ยงธรรม ซึ่งหากย้อนกลับไปก่อนการเลือกตั้งล่วงหน้า ก็ยังปรากฏข้อครหา ข่าวลือ และข้อเท็จจริงอีกจำนวนมากที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์การจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ของ กกต. แทบทั้งสิ้น ซึ่งหลายเรื่องทาง กกต.เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่ออกคำชี้แจงมาเพื่อพยายามปกป้องภาพลักษณ์ของตัวเองไว้ ดังที่เรารวบรวมไว้นี้
1. กรณีคลิปวิดีโอเจ้าหน้าที่ช่วยกันทำเครื่องหมายบนบัตรเลือกตั้ง
![](https://live.staticflickr.com/65535/52894697389_a723a71e3e_b.jpg)
วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพกลุ่มบุคคลผมสั้น แต่งกลายลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่กำลังร่วมกันทำงานอยู่ในห้องลักษณะเป็นการหยิบบัตรเลือกตั้งจำนวนมากๆ ขึ้นมาทยอยทำเครื่องหมายบนบัตรทีละชุดๆ พร้อมข้อความประกอบคลิปว่า “พวกคุณ กาก x อะไรกัน เขตลาดกระบัง 2”
คลิปดังกล่าวตั้งข้อกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่กำลังทุจริตการเลือกตั้งด้วยการกากบาทในบัตรเปล่าให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคใดพรรคหนึ่ง เนื่องจากมีลักษณะคล้ายการกาลงไปยังกลางบัตรลงคะแนน และมีการร่วมกันทำเป็นขบวนการ พร้อมระบุสถานที่เกิดเหตุว่า คือ เขตเลือกตั้งลาดกระบัง เขต 2
ภายหลังเฟซบุ๊กของสำนักงาน กกต. ระบุว่า คลิปดังกล่าวเป็นการบันทึกภาพของ กกต.เขตลาดกระบัง เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 เวลา 19.16 น. ภายในห้องเก็บรักษาบัตรเลือกตั้ง สำนักงานเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ที่กำลังลงลายมือชื่อกำกับหน้าปกเล่มบัตรเลือกตั้งเพื่อส่งให้คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ให้ทันภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 ข้อ 140 ถึง 142
นอกจากนี้ กกต.ยังข่มขู่ว่า ผู้ใดแชร์ข่าวดังกล่าวด้วยวิธีการกดไลค์ กดแชร์ รีทวีต รีโพสต์ ทางยูทูบ ทางติ๊กต็อก ส่งต่อทางไลน์ไปยังกลุ่มต่างๆ หรือช่องทางสื่อสารอื่นๆ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ) มาตรา 14 จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. กรณีกล้องวงจรปิดห้องเก็บหีบบัตร กทม. พบคนเดินเข้าออก
![](https://live.staticflickr.com/65535/52894530406_f79b9aeb1f_b.jpg)
ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ติดตั้งกล้องวงจรปิดในทุกสถานที่เก็บหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า พร้อมเผยแพร่ลิงก์ให้ประชาชนเข้ามาติดตามดูกล้องแต่ละตัวลงบนเว็บไซต์ ทว่าประชาชนกลับพบสิ่งผิดปกติ เมื่อในสำนักงานเขตหลายแห่งมีผู้เข้าไปในห้องเก็บหีบบัตรได้ตามปกติ ทั้งที่ควรเป็นสถานที่อ่อนไหวและหวงห้าม
วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 หลังการเลือกตั้งล่วงหน้าเพียงหนึ่งวัน มีประชาชนที่สังเกตการณ์การเก็บรักษาหีบเลือกตั้งล่วงหน้าผ่านกล้องวงจรปิดของสำนักงานเขตหนองจอก กทม. ระบุว่า พบกลุ่มคนเข้าไปในห้องเก็บรักษาหีบเลือกตั้งเมื่อเวลา 8.40 – 9.10 น. ก่อนจะทำการเปิดดูภายในหีบเลือกตั้ง จนทำให้เกิดคำถามถึงความโปร่งใสในการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ต่อมา ไพโรจน์ จันทรรอด ผู้อำนวยการเขตหนองจอก ได้ให้คำอธิบายเหตุการณ์นี้แก่สื่อมวลชนว่า บุคคลในกล้องวงจรปิดเป็น จนท.เทศกิจที่ถูกมอบหมายให้เข้าไปทำลายบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่เหลือจากการใช้สิทธิในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เนื่องจากมีผู้มาใช้สิทธิไม่ครบตามที่ลงทะเบียนไว้ และในเขตหนองจอก ยืนยันว่า “ไม่มีผู้ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขต” แม้แต่คนเดียว เมื่อบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตถูกส่งมอบให้แก่ไปรษณีย์ไทยไปแล้วในตอนเย็นของวันที่จัดการเลือกตั้งล่วงหน้า ห้องเก็บหีบบัตรที่กลายเป็นข้อครหาจึงไม่มีบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วเหลืออยู่อย่างแน่นอน
นอกจากเขตหนองจอกแล้ว ในวันเดียวกันนั้นยังมีอีกหลายเขตที่เกิดเหตุการณ์ใกล้เคียงกันด้วย เช่น สำนักงานเขตคลองสาน ที่มีชายสวมเสื้อสีเหลืองเดินเข้าไปยังห้องเก็บหีบบัตร สำนักงานเขตสะพานสูง สำนักงานเขตมีนบุรี และสำนักงานเขตบางขุนเทียน อย่างไรก็ตาม จนท. จากหลายเขตระบุว่า ข้อครหาทั้งหมดมักเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน มีการขออนุญาต จนท. ที่เฝ้าทางเข้าออกเรียบร้อยแล้ว ไปจนถึงเกิดการเปลี่ยนเวรของ จนท. และการเข้าไปเก็บของเพียงเท่านั้น
ในกรณีกล้องวงจรปิดของสำนักงานเขตมีนบุรีที่ปรากฏว่าหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าหายไปจากห้องทั้งหีบนั้น ต่อมาวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 กกต. ชี้แจงว่า สำนักงานเขตมีนบุรีไม่มีการเก็บรักษาหีบเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต เนื่องจากส่งให้ไปรษณีย์ไทยเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว ขณะเดียวกันก็ไม่มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตแม้แต่คนเดียว ทำให้ห้องดังกล่าวเป็นห้องว่าง
กกต. จึงขอให้ประชาชนไม่ตื่นตระหนกต่อคลิปวิดีโอดังกล่าว และข่มขู่ผู้แชร์ข้อมูลชุดนี้ด้วย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
3. กรณีข้อกังวลต่อบัตรเขย่งทั่วประเทศ
![](https://live.staticflickr.com/65535/52894697424_67a5723c96_b.jpg)
วันที่ 10 พฤษภาคม 2566 ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกล่าวหาว่า หน่วยเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียนมาใช้สิทธิ 2,047 คน แต่กลับมีผู้มาใช้สิทธิจริงในวันดังกล่าวถึง 2,628 คน หรือเกินกว่าความเป็นจริงถึง 581 คน ทำให้ ‘บัตรเขย่ง’ ขึ้น
สื่อมวลชนหลายสำนักให้ความสนใจกรณีนี้ เพราะมีมูลมาจากการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผิดพลาดของ กกต. ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กของ กกต. ชี้แจงว่า อำเภอหาดใหญ่มีเขตเลือกตั้งเพียง 3 เขต และไม่มีเขตใดที่มีตัวเลขจำนวนผู้มาใช้สิทธิตรงกับจำนวนที่ถูกกล่าวหา รวมถึงขู่ว่าจะเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 แก่ผู้เผยแพร่เช่นกัน
กรณีต่อมา สมภพ รัตนวลี ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวเวิร์คพอยท์แสดงความคิดเห็นบน TikTok ว่า “คนที่เขาไปเลือกที่จังหวัดเค้า แต่คะแนนกลับไปโผล่จังหวัดนนทบุรี และกาจากพรรคหนึ่งกลายเป็นอีกพรรคหนึ่ง ขั้วตรงข้ามกันเลย แล้วเป็นอย่างนี้อีกหลายคน กกต. ออกมายอมรับแล้วอ้างว่าเจ้าหน้าที่ผิดพลาด”
ข้อกล่าวหาว่าการกาบัตรลงคะแนนให้พรรคหนึ่งแต่กลับถูกนับเป็นคะแนนให้อีกพรรคหนึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนกังวลมากที่สุด เนื่องจากการจ่าหน้าซองผิดพลาดของ กปน. และการอ่านลายมือหน้าซองของ กปน. ไม่ออกโดยเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทยมีโอกาสสูงมากที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
กกต. ได้โต้ตอบข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากยังไม่มีการนับคะแนนเกิดขึ้นจึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าคะแนนที่จะถูกนับนั้นจะไปเพิ่มคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคใดบ้าง
การเฝ้าระวังเรื่องบัตรเขย่งเป็นจำนวนมากจากปัญหาในการเลือกตั้งล่วงหน้ายังเป็นประเด็นสำคัญของภาคประชาชนในการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566
4. กรณีการรายงานผลคะแนนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566
![](https://live.staticflickr.com/65535/52894697414_3168f137e7_b.jpg)
รายการ ‘ตอบโจทย์’ ช่อง Thai PBS เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ จาก iLaw และ อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ผู้อำนวยการโครงการการรายงานผลคะแนนการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิทัล (ประเทศไทย) ได้ชี้ปัญหาของระบบการรายงานผลคะแนนของ กกต. เอาไว้ว่า การส่งใบสรุปผลคะแนนจากแต่ละหน่วยเลือกตั้งไปลงคะแนนในระบบโดย กกต.เขต เพียงไม่กี่คนและทำในสถานที่ปิด อาจทำให้เกิดข้อครหาเรื่องความโปร่งใสได้
ระบบนับคะแนนใหม่ของ กกต. ปีนี้ระบุให้ กปน. แต่ละหน่วยเลือกตั้งส่งใบสรุปรวมผลคะแนน หรือ ใบ ส.ส. 5/18 ไปยัง กกต.เขต ทว่าการนำใบดังกล่าวมากรอกเข้าสู่ระบบกลางกลับทำโดยคนไม่กี่คนซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ในสถานที่ที่ไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปร่วมสังเกตการณ์ได้ ทำให้หากมีความผิดพลาดหรือมีความพยายามในการทุจริตจะยากมากในการป้องกัน
จุดนี้ กกต. ได้ออกมาชี้แจงโต้ตอบทันทีว่า อนุกรรมการที่คอยตรวจสอบความถูกต้องของใบ ส.ส. 5/18 นั้นถูกแต่งตั้งอย่างชอบธรรมจาก กกต.เขต โดยเปิดเผยรายชื่อตามประกาศแต่งตั้งให้แก่สาธารณะทราบแล้ว จึงขอให้ประชาชนไม่มีความกังวลในประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กกต. ไม่ได้ตอบคำถามเรื่องข้อกังวลในความโปร่งใสของการรับใบ ส.ส. 5/18 มาลงคะแนนในระบบแต่อย่างใด
ข้อต่อมา ยิ่งชีพระบุว่า กกต. ประกาศแล้วว่าจะไม่รายงานจำนวนบัตรเสียและบัตรที่ไม่ประสงค์ลงคะแนน ทั้งที่ในการเลือกตั้งปี 2562 มีจำนวนบัตรเสียถึงร้อยละ 5 จากจำนวนบัตรทั้งหมด หรือคิดเป็นจำนวนประมาณ 2 ล้านใบ โดยที่ไม่มีการให้เหตุผลประกอบ
จุดนี้ กกต. อธิบายว่า สาเหตุที่รายงานผลเพียงคะแนนของผู้สมัครและพรรคการเมืองเท่านั้น เป็นไปเพื่อความสะดวกของประชาชน
ข้อสุดท้าย ยิ่งชีพชี้ว่า การรายงานผลในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 จะหยุดรายงานผลเมื่อนับคะแนนไปแล้วร้อยละ 94 จากจำนวนคะแนนทั้งหมด ก่อนที่จะหยุดรายงานไป จนกว่าจะประกาศคะแนนสุดท้าย ซึ่งบทเรียนจากปี 2562 ชี้ให้เห็นแล้วว่า ระหว่างช่วงเวลานี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงคะแนนของผู้สมัครเกิดขึ้นได้ โดยผู้สมัครบางคนได้คะแนนเพิ่มขึ้นมากผิดสังเกต และผู้สมัครบางคนได้คะแนนลดลง โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน
ข้อชี้แจงของ กกต. ในประเด็นดังกล่าวมีเพียง กกต. ปฏิบัติตามข้อกฎหมายเพื่อให้การรายงานผลคะแนนอย่างสะดวก ซึ่งก็เป็นจุดที่ยิ่งชีพย้ำเช่นกันว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวต่างเป็นกฎหมายที่มาจาก กกต. และผู้มีอำนาจในการเมืองไทยเองแทบทั้งสิ้น การเว้นช่วงเวลาแบบนี้ไว้จึงจะยิ่งสร้างข้อครหาในสังคมมากขึ้น และเป็นผลเสียกับความน่าเชื่อถือของการเลือกตั้งมากกว่าผลดี
5. กรณี กกต.เว้นการวินิจฉัยเรื่อง เลเซอร์หาเสียงบนสะพานพระราม 8
![](https://live.staticflickr.com/65535/52894697404_87ebd5979c_b.jpg)
กรณีนี้สืบเนื่องจากการที่มีเลเซอร์ฉายภาพหาเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลงบนสะพานพระราม 8 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 โดย ทิพานัน ศิริชนะ ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อของพรรค รทสช. ผ่านการขออนุญาตจากปลัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งส่อผิดระเบียบการเลือกตั้งเรื่องขนาดของป้ายหาเสียงตามที่ กกต. กำหนด ทำให้สังคมหันมาจับตาการวินิจฉัยของ กกต. ว่าจะเกิดการเลือกปฏิบัติหรือไม่
วันที่ 9 พฤษภาคม 2566 อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ออกมาแถลงว่า การติดประกาศนอกเหนือจากจุดที่ กกต. กำหนดนั้นสามารถทำได้หากเจ้าของสถานที่อนุญาต และเน้นย้ำต่อว่า หากพรรคใดพรรคหนึ่งได้รับมอนุญาต พรรคอื่นๆ ก็ต้องได้รับความอนุญาตเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นพรรค รทสช. ออกแถลงการณ์ว่า การกระทำดังกล่าวของทิพานันเป็นการกระทำโดยส่วนตัว พรรคไม่มีความรู้เห็นด้วย และการฉายแสงดังกล่าวถูกสั่งให้ยกเลิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ไม่มี จนท.กกต. คนใดออกมาระบุให้ชัดเจนถึงความผิดฐานละเมิดระเบียบ กกต. เรื่องขนาดของป้ายหาเสียงอีก
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงระบุว่า พรรค รทสช.ทำหนังสือขออนุญาตใช้พื้นที่บริเวณสวนหลวงพระราม 8 และใต้สะพานพระราม 8 ลงชื่อ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ซึ่งดำเนินการเอง ไม่ได้ทำภายใต้พรรคการเมือง พร้อมแนบเอกสารที่มีภาพ แต่ยอมรับว่า ไม่ได้ดูเอกสารละเอียดดีพอ จึงสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนให้กับผู้ขออนุญาตว่าทาง กทม.อนุญาตให้ใช้พื้นที่เสาสะพานพระราม 8 ได้ แท้ที่จริง “สะพานพระราม 8” อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักโยธาและผังเมือง กทม. แต่ไม่ได้มีส่วนในการอนุญาตให้ผู้ใดมาใช้ได้ และเมื่อทราบเรื่องร้องเรียน ก็สั่งยุติการฉายข้อความบนเสาสะพานพระราม 8 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
6. กรณีตัดสินเรื่องพรรคพลังประชารัฐเก็บบัตรประชาชน
![](https://live.staticflickr.com/65535/52894530411_fb9c6bea78_b.jpg)
วันที่ 2 พฤษภาคม 2566 มีการแชร์คลิป จนท. ของพรรคพลังประชารัฐเรียกเก็บบัตรประชาชนของชาวบ้านที่เข้าฟังการปราศรัยในจังหวัดอำนาจเจริญ บัตรดังกล่าวถูกนำมาเสียบเข้ากับเครื่องรับบัตรเพื่อดึงข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จนทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความถูกต้องหรือสุจริตของพฤติกรรมนี้
นวัต บุญศรี ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดอำนาจเจริญชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวเป็นการช่วยประชาชนที่มาฟังการปราศรัยสมัครสมาชิกพรรคในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งไม่เข้าข่ายความผิดทางกฎหมาย หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จแล้วพรรคก็ได้คืนบัตรประชาชนแก่ผู้มาสมัครสมาชิกทุกคน ทำให้ประชาชนบนโลกออนไลน์เข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง
7. กรณีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกิน 4 ล้านใบ
![](https://live.staticflickr.com/65535/52894986973_dda7f4ed77_b.jpg)
วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 สำนักข่าว TODAY รายงานว่า กกต. พิมพ์บัตรลงคะแนนสำหรับการเลือกตั้ง 2566 เกินจากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งถึง 4 ล้านใบ
เหตุการณ์นี้ทำให้ประชาชนไม่ไว้ใจการทำงานของ กกต. เป็นอย่างมาก เนื่องจากกังวลว่าบัตรลงคะแนนที่เกินมาจะถูกนำไปใช้ในทางทุจริต กลายเป็นบัตรเขย่งเพิ่มคะแนนให้แก่พรรคการเมืองใดหรือไม่
อย่างไรก็ตาม แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ออกมาชี้แจงว่า การพิมพ์บัตรลงคะแนนเกินนั้นเป็นเรื่องปกติ การพิมพ์เกินมากถึงจำนวน 4 ล้านใบเป็นเพราะต้องสำรองเล่มบัตรเลือกตั้งทั้งเล่มให้แก่ทุกหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ เป็นจำนวนที่ต้องถูกส่งมอบให้แก่ กปน. ในการเพิ่มชื่อลงคะแนนที่หน่วยที่ตนเองปฏิบัติภารกิจ และ สำรองให้แก่การจัดเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2566
ทางเดียวที่สังคมจะรู้ว่าคำอธิบายของ กกต. นี้มีความถูกต้องหรือไม่ อาจจะต้องรอการจับตานับคะแนนของภาคประชาชนหลังวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่อาจจะสามารถรวบรวมจำนวนบัตรลงคะแนนที่ถูกใช้และไม่ถูกใช้มาเปรียบเทียบกันต่อไปในภายหลัง