ปูน-ธนพัฒน์กับคดีม. 116 ทางไกลจากโพสต์ป้าย “ชาติ ศาสนา ประชาชน” 

วันที่ 27 มีนาคม 2568 ระหว่างที่ปูน-ธนพัฒน์ นักกิจกรรมกลุ่มทะลุฟ้าแจ้งการชุมนุมสาธารณะที่สน.ปทุมวัน ตำรวจพบว่า เขามีหมายจับศาลจังหวัดตรังในข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 สืบเนื่องจากกรณีที่ทรงชัย เนียมหอม ประธานกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน แจ้งความกล่าวหาไว้ที่สภ.ห้วยยอด จังหวัดตรัง เหตุโพสต์รูปนักเรียนถือป้าย “ชาติ ศาสนา ประชาชน” เดินพาเหรด เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2566 บนเพจทะลุฟ้า  ต่อมาปูนได้รับการประกันตัวในชั้นตำรวจ

ไอลอว์มีโอกาสพูดคุยเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับปูนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกนึกคิดและมุมมองของการดำเนินคดีในวันดังกล่าว

ต้อนรับชีวิตเฟรชชี่ด้วยหมายจับม. 116 

ชีวิตของปูนเหมือนกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่สุดท้ายทั่วไปที่เพิ่งเสร็จสิ้นการสอบเพื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัย เขาวางเป้าหมายว่า จะเข้าเรียนในสายสังคมศาสตร์ เช่น รัฐศาสตร์ สังคมสงเคราะห์และสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ก่อนหน้าวันสอบเขามีความรู้สึกค่อนข้างกดดัน เมื่อสอบเสร็จแล้วก็รู้สึกผ่อนคลาย โดยปูนกำลังรอผลคะแนนสอบออกช่วงกลางเดือนเมษายน 2568 ระหว่างที่รอเขาก็ยังคงทำกิจกรรมรณรงค์ทางการเมือง ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการเกณฑ์ทหาร กลุ่มทะลุฟ้าจึงวางแผนจัดกิจกรรมรณรงค์ยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร 

หนึ่งในกิจกรรมคือ การชุมนุมเพื่อรณรงค์ในเรื่องดังกล่าว ก่อนหน้าวันกิจกรรมปูนจึงไปแจ้งการชุมนุมสาธารณะต่อตำรวจสน.ปทุมวัน เมื่อแจ้งการชุมนุมเรียบร้อย ระหว่างที่กำลังลงบันทึกประจำวัน ตำรวจพบหมายจับปูนของศาลจังหวัดตรังขึ้นในระบบ  “ตกใจ” คงเป็นความรู้สึกที่ปูนรับรู้ได้เป็นอย่างแรกเมื่อได้รับทราบว่า ตัวเองมีหมายจับคดีมาตรา 116 เพราะที่ผ่านมาคดีทางการเมืองของเขาได้รับการสะสางจนหมดแล้ว

เมื่อจดแจ้งทุกอย่างเสร็จ กำลังจะไปลงบันทึกประจำวันแล้วก็เสียบบัตรไปแล้ว มันขึ้นในระบบว่ามีหมายจับค้างไว้ เมื่อหมายจับเด้งขึ้นมา เขา [ตำรวจ] ก็เเจ้งเราก่อนว่ามีหมายจับ มากับใคร ให้ติดต่อญาติ แล้วก็พาขึ้นไปห้องสืบสวนของสน. รอให้เจ้าหน้าที่สอบสวนทำตามขั้นตอนของเขาก็คือบันทึกการจับกุม

เขา [ตำรวจ] เองก็ตกใจก่อนว่า อุ๊ย! ทำไมมีหมายจับ เหมือนเขาก็คงคิดว่าเราก็ไม่น่ารู้เขาก็ไม่น่ารู้เหมือนกัน เพราะว่าหมายจับมาจาก สภ.ห้วยยอด จังหวัดตรัง แต่ว่าสน.ที่ปูนไปแจ้งคือปทุมวัน ดังนั้นพอเหมือนเขาเห็นตัวเรา เขาก็เลยจำเป็นที่จะต้องจัดการเราตามขั้นตอนของเขาไปปกติ

เมื่อทำบันทึกการจับกุมเสร็จ ตำรวจก็ได้พาปูนไปยังห้องขังภายในสน. สิ่งแรกที่ปูนคิดเมื่อขาก้าวเข้าไปคือต้องอดทนต่อการอยู่ในห้องขังให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความเครียดและอารมณ์ฟุ้งซ่าน ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งการอยู่ในห้องขังทำให้คิดได้ว่า ภายในห้องขังยังมีผู้ต้องขังคนอื่นอยู่มาก่อนหน้าก็สามารถจัดการความรู้สึกของตัวเองได้ ตัวเขาก็ต้องทำให้ได้เช่นกัน ปูนต้องอยู่ในห้องขังตั้งแต่คืนวันที่ 27มีนาคม 2568 จนถึงเช้าวันใหม่เพื่อรอตำรวจจากสภ.ห้วยยอด จังหวัดตรังมารับตัว 

808 กม. จากสน. ปทุมวันสู่สภ.ห้วยยอด

28 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 6:00 น. ตำรวจจากสภ. ห้วยยอด จังหวัดตรังเดินทางมารับตัวปูนเพื่อไปดำเนินคดีต่อ ปูนบอกว่า บรรยากาศตอนตำรวจมารับตัวค่อนข้างตึง มีการใส่กุญแจมือทำให้ปูนไม่สามารถถือสัมภาระของตัวเองเช่น หนังสือและอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว ระหว่างที่เดินของก็หล่น แต่ตำรวจก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะช่วยเหลือแม้ว่าจะมีถึงหกนาย ปูนจึงถามว่า “พี่จะไม่ช่วยผมจริงๆ หรอ?”  แต่ก็ยังคงไม่ได้รับความช่วยเหลือ

ปูนมองว่า เขาไม่เคยมีปัญหากับตำรวจมาก่อนทำไมต้องปฎิบัติกับเขาเช่นนี้ จึงทำการอารยะขัดขืน โดยจังหวะที่จะขึ้นรถเขาชูสองแขน มือข้างหนึ่งชูสามนิ้วและทิ้งตัวลงมาข้างหลัง ทำให้ตำรวจต้องดันปูนเข้าไปในรถตู้ จากนั้นปูนจึงถูกคุมตัวไปจังหวัดตรัง พร้อมด้วยตำรวจจำนวนหกนายและเพื่อนของปูนที่ติดตามไปด้วยอีกสองคน

ดูวิดีโอของปูนทำอารยะขัดขืนได้ที่นี่

ช่วงแรกของการเดินทางตำรวจไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกัน ตรงข้ามกับปูนและเพื่อนที่พูดคุยกันตลอดทาง ในระหว่างทางตำรวจจอดรถที่ปั๊มน้ำมันเพื่อให้พักเข้าห้องน้ำและพักทานข้าว ช่วงแรกตำรวจให้ปูนใส่กุญแจมือตลอดเวลายกเว้นขณะทานข้าวแต่พอช่วงพักทานข้าวรอบสองตำรวจปลดกุญแจมือของปูนออกไปตลอดทางจนถึง สภ.ห้วยยอดและเริ่มมีบทสนทนากัน 

จนพอเราได้พูดคุยกับเขา [ตำรวจ] บนรถ มันเลยเหมือนแบบเห็นตัวตนเห็นมุมมองความเป็นมนุษย์มากขึ้น สุดท้ายเขาก็ถามแบบ เรียนที่ไหนอยากเรียนอะไร?”

เขา [ตำรวจ] ไม่น่าจะรู้มาก่อนว่าเราคือคดีอะไร จากที่ได้คุยกับเขามาเขาบอกว่าพี่อยู่บ้านเฉยๆ มันเป็นวันหยุดไม่ใช่เวรพี่ แต่ว่าได้รับคำสั่งให้มา ตอนปูนถามตำรวจปทุมวัน เขาบอกว่าจะมากันสามคนแต่พอมาถึงมากันหกคน ซึ่งเราตอนนั้นกดดันมาก เขาเลยน่าจะคิดว่าตัวเราเป็นใครสักคนที่น่าจะมีปัญหา ก็เลยไม่ได้ไว้ใจเราตั้งแต่แรก” 

คดีมาตรา 116 นี้ทำให้ปูนต้องเดินทางไกลจากกรุงเทพฯ ไปที่สภ.ห้วยยอด จังหวัดตรังเป็นระยะทางประมาณ 800 กิโลเมตร ไม่ใช่คดีแรกของปูนที่ต้องเดินทางไกลไปรับทราบข้อกล่าวหา ก่อนหน้านี้ในปี 2564 เขาเคยต้องเดินทางไปที่สภ.สุโหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาสเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในคดีมาตรา112 มาแล้ว

แพ็คทีมพนักงานสอบสวน ก่อนปล่อยตัวในชั้นตำรวจ

สำหรับปูนที่เผชิญคดีการเมืองมาไม่น้อย เขามองว่า คดีนี้ “แปลก” มีทีมพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมสอบปากคำ  ที่ผิดปกติจากที่เราเคยโดนก็คือว่า เขา [ตำรวจ] ตั้งคณะกรรมการพนักงานสอบสวน ไม่ได้มีพนักงานสอบสวนแค่คนเดียวแต่มีพนักงานสอบฯ สี่คนช่วยกันทำช่วยกันถามและก็มีรองผู้การภาคฯ มานั่งเป็นประธานคอยว่าถามอะไรกัน มีผู้กำกับฯ มีสืบ มีท้องถิ่น กรมการปกครอง แบบเยอะมาก ประมาณเกือบสิบคน วันนั้นสอบปูนคนเดียว

พฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหาคือ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2566 เวลากลางวัน โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร กรุงเทพฯ ได้จัดกิจกรรมกีฬาสีประจำปีการศึกษาที่ 2565 และได้มีกิจกรรมเดินขบวนพาเหรดของนักเรียน โดยในขบวนพาเหรดมีการถือป้ายผ้ายาวประมาณ 320 ซม. กว้างประมาณ 90 ซม. เขียนข้อความว่า ชาติ ศาสนา ประชาชน ไปตามถนนสาธารณะ และผ่านพระบรมฉายาลักษณ์ที่ประดิษฐานอยู่ตามเส้นทาง ต่อมา ได้มีผู้ใช้บัญชีเพจเฟซบุ๊กชื่อ ทะลุฟ้า – Thalufah โพสต์รูปภาพขณะนักเรียนเดินถือป้ายข้อความนั้น ตั้งค่าเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปเข้าดูได้ 

จากนั้นเวลาประมาณ 19.00 น. ขณะที่ทรงชัย เนียมหอม ผู้กล่าวหา เดินทางจากจังหวัดกระบี่ไปยังจังหวัดพัทลุง เมื่อมาถึงบริเวณชุมชนตลาดเทศบาลตำบลห้วยยอด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ได้เปิดเฟซบุ๊กส่วนตัวพบข้อมูลของเพจทะลุฟ้าโพสต์รูปภาพนักเรียนเดินพาเหรดถือป้ายดังกล่าว ผู้กล่าวหาเห็นว่า การที่นักเรียนทำป้ายข้อความที่เขียนคำว่า ชาติ ศาสนา ประชาชน โดยไม่ใช้คำว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เดินถือป้ายไปตามเส้นทางสาธารณะ แล้วต่อมาเพจทะลุฟ้าโพสต์รูปภาพขณะนักเรียนเดินถือป้ายเพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปได้รับรู้รับทราบโดยทั่วกัน เป็นการกระทำที่มุ่งหมายให้ประชาชนล่วงละเมิดรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 2 โดยมีเจตนาบิดเบือนข้อความและตัดข้อความคำว่า พระมหากษัตริย์ เป็น ประชาชน อันเป็นการกระทำที่ยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย

ปูนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทนายความยื่นประกันตัวในชั้นตำรวจวางหลักทรัพย์ 70,000 บาท พนักงานสอบสวนให้ประกันตัว เขาเล่าด้วยว่า ทราบจาก ‘ผู้ให้ข้อมูล’ คนหนึ่งว่า ทรงชัยเคยไปแจ้งความแล้วสองครั้ง แต่ตำรวจยังไม่ดำเนินคดี จนครั้งที่สามตำรวจจึงรับพิจารณา ‘ผู้ให้ข้อมูล’ คนดังกล่าวระบุว่า อาจเป็นเพราะตำรวจกลัวว่า จะถูกข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

เรียกร้องรัฐบาลแพทองธารออกนโยบายชะลอคดีการเมือง

จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ปูนคิดว่า คดีการเมืองยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งแม้เขาจะถูกดำเนินคดีมาแล้วหลายคดีไม่ว่าจะคดีมาตรา 112 สามคดีหรือคดีพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็ไม่เคยทำให้รู้สึกเคยชินได้เลย อย่างไรก็ตามเขามองว่า การดำเนินคดีในรัฐบาลของแพทองธาร ชินวัตรยังมีความผ่อนคลายอยู่บ้างอาจด้วยประสบการณ์ในคดีมาตรา 116 ล่าสุดที่เขาได้รับการปล่อยตัวในชั้นตำรวจ ไม่ต้องไปฝากขังและขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นศาล

“มันก็ต่างกับรัฐบาลประยุทธ์เหมือนกัน ซึ่งถามว่ามันดีกว่าไหม มันก็ดีกว่านิดนึง แต่ถามว่ามันควรเป็นบรรทัดฐานของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตยไหม หนูรู้สึกว่ามันยังไม่เหมาะสมในรัฐบาลอุ๊งอิ๊งนะ มันได้มากกว่านี้” 

“สำหรับเราก็คือ เขาสามารถออกนโยบายได้เลยเรื่องการหยุดชะลอ ระงับหรือว่าไม่ดำเนินคดีความกับคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นในปี 2563 เป็นต้นมาก็ได้” 

RELATED TAGS