มีผลแล้ว! กฎหมายแพ่งแก้ไขใหม่ #ไม่ตีเด็ก

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2568 หรือกฎหมายไม่ตีเด็ก โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใช้ราชกิจจานุเบกษา หรือ 25 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป โดยสาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าว มาตรา 1567 (2) กำหนดให้ ผู้ใช้อำนาจปกครอง (พ่อแม่) มีสิทธิทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนหรือปรับพฤติกรรม โดยต้องไม่เป็นการกระทำทารุณกรรมหรือทำร้ายด้วยความรุนแรงต่อร่างกายหรือจิตใจ หรือกระทำโดยมิชอบ แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เก่าในมาตรา 1567 (2) เพียงอนุมาตราเดียวเท่านั้น

ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ค.ศ. 1989 ที่ประเทศไทยเป็นภาคี ข้อ 2 2. กำหนดให้รัฐภาคีจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสม เพื่อประกันว่าเด็กได้รับการคุ้มครองจากการเลือกปฏิบัติ หรือการลงโทษในทุกรูปแบบ บนพื้นฐานของสถานภาพ กิจกรรมความคิดเห็นที่แสดงออกหรือความเชื่อของบิดา มารดา ผู้ปกครองตามกฎหมาย หรือสมาชิกในครอบครัวของเด็ก ขณะที่กฎหมายภายในของประเทศไทย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567 (2) กำหนดอย่างกว้างๆ ให้พ่อแม่มีสิทธิลงโทษบุตรได้ “ตามสมควร” เพื่อว่ากล่าวสั่งสอน โดยไม่มีหลักประกันว่าวิธีการลงโทษนั้นต้องไม่เป็นการทารุณกรรม ส่งผลให้อำนาจหรือดุลยพินิจในการเลือกวิธีลงโทษอยู่ที่พ่อแม่ของเด็กเอง และแม้เด็กที่ถูกพ่อแม่ลงโทษด้วยวิธีรุนแรงจะสามารถพึ่งพากลไกกระบวนการยุติธรรมให้ศาลถอนอำนาจปกครองของพ่อแม่หากพ่อแม่ “ประพฤติชั่วร้าย” (มาตรา 1582) หรือดำเนินคดีอาญา เช่น ความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้ แต่กลไกดังกล่าวก็ไม่ได้เข้าถึงง่ายสำหรับเด็ก อีกทั้งการที่กฎหมายไม่ได้ระบุเงื่อนไขชัดเจน ก็เปิดช่องให้ศาลมีดุลยพินิจมองว่าการลงโทษบุตรของพ่อแม่นั้นเข้าข่ายเป็นการ “ประพฤติชั่วร้าย” หรือไม่ หรือเป็นเพียงการลงโทษ “ตามสมควร” ยังไม่เข้าข่ายประพฤติชั่วร้ายซึ่งจะเป็นเหตุให้ถอนอำนาจปกครองได้

ผ่านไป 88 ปีที่กฎหมายให้สิทธิพ่อแม่ลงโทษเด็กได้ “ตามสมควร” ซึ่งอาจเป็นช่องโหว่ให้พ่อแม่ลงโทษด้วยวิธีรุนแรงต่อเด็ก เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 สส. พรรคก้าวไกล (ก่อนถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค) เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อแก้ไข มาตรา 1567 (2) พ่อแม่ยังคงมีสิทธิทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนตามสมควรได้ แต่ต้องไม่เป็นการกระทำทารุณกรรมหรือทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ ไม่เป็นการเฆี่ยนตี หรือทำโทษด้วยวิธีด้อยค่า โดยหลังจากผ่านการพิจารณาวาระหนึ่งในชั้นสภาผู้แทนราษฎร ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกปรับถ้อยคำเล็กน้อยจากโดยตัดคำว่าไม่เป็นการเฆี่ยนตีออกไป และเพิ่มคำว่า หรือกระทำโดยมิชอบ ขึ้นมา ให้ครอบคลุมมากขึ้น หลังจากร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ก็ส่งเข้าวุฒิสภา โดยพิจารณาสามวาระรวดในวันเดียวเมื่อ 16 ธันวาคม 2567

พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2568 เป็นกฎหมายฉบับแรกในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ที่เสนอโดย สส. พรรคฝ่ายค้านฉบับแรกที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรโดยไม่มีร่างกฎหมายจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาพิจารณาประกบ และผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาจนประกาศใช้เป็นกฎหมาย

อ่านสรุปเนื้อหากระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายไม่ตีเด็กในชั้นวุฒิสภา

https://www.ilaw.or.th/articles/49334

อ่านสรุปเนื้อหากระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายไม่ตีเด็กในชั้นสภาผู้แทนราษฎร

https://www.ilaw.or.th/articles/47690