24 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 19:20 น. กัณวีร์ สืบแสง พรรคเป็นธรรมอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในประเด็นนโยบายการต่างประเทศและการบังคับส่งกลับผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ไปที่ประเทศจีนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เขาระบุว่า การอภิปรายของเขาเป็นการฉายภาพยนตร์ 73 วันแห่งการโกหกและการเล่นทำลายภาพลักษณ์และผลประโยชน์ชาติในเวทีโลก เขาไล่เรียงตามลำดับเหตุการณ์ดังนี้

- 7 มกราคม 2568: สถานเอกอัครราชทูตจีนส่งหนังสือทางการทูตถึงรัฐบาลไทย พร้อมรับชาวอุยกูร์ 45 ชีวิตกลับจีน กัณวีร์นำเสนอภาพแชทระหว่างชาวอุยกูร์ระบุว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ไปถ่ายรูปชาวอุยกูร์ แต่สตม.บอกว่า ถ่ายรูปเพราะว่ามีการปรับฐานข้อมูล ทำให้ชาวอุยกูร์แชทมาถามว่า เกิดอะไรขึ้น
- 10 มกราคม 2568: มีการพยายามให้ชาวอุยกูร์เซ็นเอกสาร ซึ่งพวกเขาปฏิเสธ และเริ่มอดอาหารประท้วง
- 12 มกราคม 2568: สตม. มีการแจ้งกับชาวอุยกูร์ว่า คนส่งข่าวการส่งกลับจีนเป็นคนโกหก
- 17 มกราคม 2568: สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติให้ส่งชาวอุยกูร์กลับจีน แต่รองนายกรัฐมนตรีภูมิธรรมออกมาปฏิเสธ
- 28 มกราคม 2568: ชาวอุยกูร์ยุติการอดอาหารประท้วงหลังจาก 19 วัน สตม.แจ้งว่า หยุดอดอาหารเพราะได้รับความกรุณาจากกสม.และจุฬาราชมนตรี แต่ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศบอกว่า เปลี่ยนใจเพราะได้รับคำมั่นจากทางการจีน
- 29 มกราคม 2568: สมช. ระบุว่า ไม่มีมาตรการส่งกลับ
- ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568: สตม.อนุญาตให้สถานทูตจีนเข้าพบชาวอุยกูร์เพื่อทำเอกสาร
- 6 กุมภาพันธ์ 2568: นายกรัฐมนตรีไทยพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งหยิบยกประเด็นชาวอุยกูร์ขึ้นมาพูดคุย
- 26-27 กุมภาพันธ์ 2568: เครื่องบินลึกลับเดินทางมาประเทศไทย และมีการขนย้ายชาวอุยกูร์ในช่วงกลางดึก โดยใช้รถที่ปิดป้ายและโลโก้ เครื่องบินออกจากดอนเมืองเวลา 04:48 น. ไปถึงซินเจียง จีน
- 27 กุมภาพันธ์ 2568: นายกรัฐมนตรียังคงแถลงว่าไม่ทราบรายละเอียดการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน
กัณวีร์ระบุว่า การเดินทางไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ถูกบังคับส่งกลับของภูมิธรรม เวชชยชัยและคณะเป็นละครคุณธรรม “พี่น้องชาวอุยกูร์ที่กลับไปแล้ว 40 ชีวิต จับไม้จับมือเดินทางไปเยี่ยม 5 คน ที่ไปเจอนะเจอตัวเป็นๆ 5 คนแล้วก็ทำออกมาว่าทุกคนมีดี อยู่ดี มีสุขมีคำพูดเดียวกันบอกว่าพวกเขาถูกผู้กลุ่มหัวรุนแรง ชักชวนให้เดินทางเมื่อปี 2557 เลยต้องมาจริงๆแล้วเขาก็รู้สึกว่าเขาอยากจะกลับบ้านเพื่อไปเจอครอบครัวของเขา ต่างๆนานา เป็นละครคุณธรรม…ถ้าผมพูดตรงๆ มันเป็นละครปลายปิด เป็นละครที่ท่านรู้อยู่แล้วว่าคำตอบมันจะเป็นยังไง นั่นแหละ เขาเรียกว่าละครคุณธรรม เป็นสิ่งที่จะไปไว้ White washing ที่ฟอกขาวให้กับการกระทำของท่านที่มองว่าสิ่งต่างๆที่ท่านทำนี้ทุกคนสมัครใจ
“เรียนตรงๆ ห้าคนผมสามารถพูดได้สองคน คนนึงเนี่ย…ท่านรองนายกฯภูมิธรรมไปพบ…อายุ 37 ปี ท่านรู้หรือเปล่า ท่านมีข้อมูลหรือไม่ว่าลูกเมียเขาอยู่ใน ลูกเมียเขาถูกตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ประเทศที่สามไปแล้วเมื่อปี’58 แล้วท่านคิดว่าเขาจะกลับไปรวมครอบครัวกับใคร ถ้าท่านบอกเค้าจะกลับเข้ารวมครอบครัวนะเขาไปร่วมที่ประเทศที่สาม อีกคนหนึ่งที่ท่านทวีไปพบ…ท่านทราบหรือไม่ว่าเขาเป็นผู้ป่วยจิตเวช มีเวชระเบียนหรือเปล่า ตอนที่ท่านไปพบ ท่านได้คุยถามเขาหรือไม่ มียาไปให้เขาหรือเปล่า นี่แค่สองคนจากห้าคนท่านมีข้อมูลเหล่านี้หรือเปล่า ก่อนที่ท่านจะไปทำละครคุณธรรมที่เอามาทำให้ทั่วโลกเห็น ทำให้คนไทยเห็นว่าสิ่งต่างๆที่ท่านทำนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง”
“ภาพยนตร์เรื่องนี้ 73 วันแห่งการโกหกหลอกลวง ปู้ยี่ปู้ยำนโยบายการต่างประเทศของประเทศไทย สิ่งที่ท่านมาแถลงให้กับพี่น้องคนไทยทราบ สิ่งที่ท่านมาแถลงให้เวทีระหว่างประเทศทราบว่า ท่านจะไม่เลือกข้าง ท่านรู้ไหมว่าท่านเลือกข้างไปหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นสิ่งที่ท่านเลือกข้างผิด ท่านไม่เลือกข้างสิ่งที่ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากผลกระทบต่างๆในเวทีระหว่างประเทศ ท่านโดนอะไรบ้าง ตั้งแต่มีการผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนในวันที่ 27 ก.พ. 2568 การประณามในเวทีระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโดยรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นโดยองค์การสหประชาชาติ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสหภาพยุโรป”
“ทำไมเราต้องเอาตัวเราไปอยู่กลางระหว่างการเมืองระหว่างประเทศ ผมไม่สนใจหรอกจะเป็นจีนจะเป็นสหรัฐฯ หรือจะเป็นอียูจะเป็นใครก็ตาม เราต้องมีจุดยืนที่มั่นคง ผมไม่เห็นประเทศไทย รัฐบาลไทยชุดนี้มีจุดยืนที่มั่นคงในเวทีระหว่างประเทศ ไม่มีนโยบายการต่างประเทศใดๆที่จะทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากการเมืองระหว่างประเทศในศตวรรษที่ 21 ชีวิตพี่น้องชาวอุยกูร์ 40 ชีวิตนี้อาจจะดูเล็กน้อยสำหรับพวกท่าน แต่ครอบครัวพวกเขาที่โดนแยกออกไปตั้งแต่ปี 2558 ยังรอคอยอยู่…หลักฐานสำคัญที่ท่านจะต้องมาแสดงให้ได้คือหลักฐานของความสมัครใจของคน 40 ชีวิต ต้องเอาเสียงของเขามาพูด อย่าทำละครคุณธรรมที่เอาเขากลับไปแล้ว แล้วมาให้เขาพูดท่านต้องให้เขาพูดก่อน”
“เกี่ยวกับการผลักดัน 40 ชีวิตชาวอุยกูร์กลับไปประเทศต้นกำเนิดของเขา ทำผิดมหันต์ พาประเทศชาติไปอยู่หน้าผาของเวทีระหว่างประเทศที่พร้อมจะถูกลมพัดตกเหวได้ตลอดเวลา ท่านเย้ยหยันกฎหมาย หลักนิติธรรมจนทั่วโลกได้ร่วมประณาม”
ในตอนท้ายกัณวีร์ระบุว่า “มันทำให้เห็นชัดเจน…ถึงความไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถ ไร้วุฒิภาวะ ไร้ความเป็นผู้นำ ทำตัวอยู่เหนือผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ยึดมั่นอยู่ในนโยบายที่ตัวเองมี สิ่งต่างๆเหล่านี้ที่เรียกว่า การทุจริตเชิงนโยบายการต่างประเทศ ซึ่งท่านอาจจะไม่เคยได้ยิน แต่ท่านได้กระทำไปแล้ว พี่น้อง 40 ชีวิตที่ท่านบอกว่าเขากลับไปดีอยู่ดีมีสุข มีข้อครหาและข้อกังขาของคนทั่วโลก หากท่านยังไม่สามารถที่จะเอาหลักฐานมายืนยันว่า 40 ชีวิตนี้สมัครใจกลับไปหรือไม่ ท่านไม่ต้องไปทำหรอกละครคุณธรรมของพวกท่าน ใช้ไม่ได้ ละคร คุณธรรมพวกท่านใช้ได้แต่พวกท่านเองเท่านั้น”