ทำไมขนุนต้องอดอาหาร? ทำไมยื่นขอประกันตัวแล้วไม่ได้?

สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ หรือขนุน เป็นนักกิจกรรมทางการเมืองตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เขาถูกคุมขังในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 จากการปราศรัยเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ที่สี่แยกราชประสงค์ ขนุนให้การปฏิเสธในคดีนี้โดยเขาต่อสู้ว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นการใช้เสรีภาพการแสดงออกที่อธิบายถึงปัญหาของประเทศชาติที่เป็นจริง

ขนุนถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกสองปี เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 เขาต้องการจะยื่นอุทธรณ์คดีของเขาแต่ระหว่างนี้ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ขนุนจึงถูกจองจำเรื่อยมา จนกระทั่งขนุนตัดสินใจ “อดอาหาร” ระหว่างอยู่ในเรือนจำ โดยระหว่างเกือบหนึ่งปีนี้เขายื่นขอประกันตัวแล้ว 14 ครั้ง ศาลยังไม่เคยให้ประกันตัว ขนุนถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์เพื่อติดตามอาการระหว่างการอดอาหาร

Untitled Artwork


21 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นวันแรกที่ขนุนประกาศอดอาหาร เข้าแจ้ง “ความปรารถนา” ที่เขาอยากเห็นสองข้อสั้นๆ คือ

1. สร้างอิสรภาพที่ถาวรแก่ผู้ถูกกล่าวหาทางการเมืองโดยไร้เงื่อนไข

2. ยุติการนำมาตรา 112 มาใช้ในทางการเมือง

โดยขนุนอธิบายในคำแถลงของเขาว่า ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา แม้ปัจจุบันจะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ความเป็นเผด็จการนั้นยังคงซ่อนรูปอยู่ และแฝงอยู่อย่างเป็นระบบ การขยายขอบเขตการตีความกฎหมายที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือกดปราบทางการเมือง ปิดปากประชาชนในชาติจากสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญ 


ระหว่างการอดอาหาร ขนุนยังได้สื่อสารความคิดของตัวเองเรื่อยๆ ผ่านการพบปะทนายความที่เข้าเยี่ยม หรือผ่านการเขียนข้อความออกมา ซึ่งหนึ่งในนั้นขนุนได้เขียนเป็นบทความขนาดยาวที่อธิบายเจตนาภายในของเขาที่พยายามต่อสู้คัดค้านการจองจำครั้งนี้ ส่วนหนึ่งของบทความอธิบายความคิดของเขาว่า

“เราทำอะไรได้บ้างจากภาวะบีบคั้นที่รัฐบังคับใช้ รัฐที่ว่าหมายถึงโครงสร้างที่ถูกสถาปนาอย่างเป็นระบบจนแนบเนียน นำมาสู่หนทางพยายามทำลายกรอบ นำมาสู่การเลือกดำเนินการบางอย่าง เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่จะเรียกร้อง อิสรภาพ หรือข้อเรียกร้องที่แสนยิ่งใหญ่อย่างการปฏิรูป มันไม่ใช่เพียงแค่เพื่อตนเอง แต่เพื่อส่วนรวม ไปจนถึงประเทศชาติ มันไม่ใช่เพียงแค่การเอาแต่ใจ แต่คือความพยายามให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ปรารถนา การอดอาหารจึงถูกพูดถึงในฐานะการใช้เครื่องมือที่ตนเองถือครองมาแต่ต้น นั่นคือ “ชีวิต” ของเราแต่ละคน

ไม่มีใครอยากตาย หรือลาจากครอบครัวและคนรัก ทุกคนอยากเป็นดังอนาคตที่วาดหวัง แต่การอดอาหารถูกเลือกมาใช้เพื่อประท้วงเรียกร้อง เช่น คานธีทำเพื่อเรียกร้องเอกราชจากบริเตน พลตรีจำลองทำเพื่อขับไล่รัฐบาลทหารในปี 2535 ผู้ต้องขังการเมืองในแอฟริกาใต้ภายในเรือนจำร็อบเบน ทำเพื่อให้ได้อาหารที่ดีขึ้น และล่าสุดในไทยปี 2564 เพนกวิน รุ้ง เรียกร้องอิสรภาพ 2565-67 ตะวัน แบม ใบปอ เก็ท บุ้ง เรียกร้องทั้งอิสรภาพ และทางสู่การแก้ไขปัญหาในระดับโครงสร้าง”

รวมเหตุผลของศาลปฏิเสธไม่ให้ประกันตัว ขนุน-สิรภพ หลังยื่นไปแล้ว 15 ครั้งแล้ว 

หลังการยื่นขอประกันตัวและถูกปฏิเสธติดต่อกันด้วยเหตุผลเดิมๆ 14 ครั้ง วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ขนุน ประกาศอดอาหารประท้วงระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำเพื่อเรียกร้องต่อสิทธิในการประกันตัว ข้อเรียกร้องในการอดอาหารของเขา คือ 1) สร้างอิสรภาพที่ถาวรแก่ผู้ถูกกล่าวหาทางการเมืองโดยไร้เงื่อนไข 2) ยุติการนำมาตรา 112 มาใช้ในทางการเมือง

ตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปี ทนายความได้ยื่นขอประกันตัวขนุน แต่คำร้องดังกล่าวถูกส่งไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา โดยศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง ทำให้สิรภพถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เรื่อยมา ซึ่งเมื่อสังเกตเหตุผลของศาลที่สั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวแต่ละครั้งก็เป็นเหตุผลทำนองเดิม ทำให้ความหวังในการยื่นประกันตัวตามขั้นตอนปกติของขนุนแทบไม่มี เพราะไม่ว่าจะยื่นขอประกันตัวกี่ครั้งด้วยเหตุผลใดบ้าง คำตอบก็ไม่ได้แตกต่างไป

ยิ่นประกันตัวครั้งที่ 1  วันที่ 27 มีนาคม 2567 ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องโดยให้เหตุผลว่า 

  • ข้อหามีอัตราโทษสูง 
  • การกระทำผิดนำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ กระทบกระเทือนจิตใจของประชาชน 
  • มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี 

ยื่นประกันตัวครั้งที่ 2  วันที่ 19 เมษายน 2567 ศาลอาญากรุงเทพใต้อ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่า 

  • ข้อหามีอัตราโทษสูง 
  • พฤติการณ์แห่งคดีก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน 
  • ศาลอุทธรณ์เคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว
  • มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี 
  • คำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ยื่นประกันตัวครั้งที่ 3 วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ศาลอุทธรณ์ยังคงมีคำสั่งไม่ให้ประกันสิรภพ โดยให้เหตุผลว่า 

  • ข้อหามีอัตราโทษสูง 
  • การกระทำผิดนำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ กระทบกระเทือนจิตใจของประชาชน 
  • ศาลอุทธรณ์เคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้วหลายครั้ง 
  • คำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม 

ยื่นประกันตัวครั้งที่ 4 วันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ทนายความได้ยื่นขอประกันตัวผู้ต้องขังระหว่างอุทธรณ์ในคดีมาตรา 112 พร้อมกันสามคน อีกครั้ง ได้แก่ จิรวัฒน์, อานนท์ นำภา และขนุน-สิรภพ  แต่ศาลอุทธรณ์ยังคงมีคำสั่งไม่ให้ประกันสิรภพ โดยให้เหตุผลว่า 

  • ข้อหามีอัตราโทษสูง 
  • การกระทำผิดนำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ กระทบกระเทือนจิตใจของประชาชน
  • ศาลอุทธรณ์เคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้วหลายครั้ง 
  • คำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ยื่นประกันตัวครั้งที่ 5 วันที่ 19 มิถุนายน 2567 ศาลอุทธรณ์ยังคงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราวเช่นเดิม โดยให้เหตุผลว่า

  • ข้อหามีอัตราโทษสูง 
  • พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง 
  • มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี
  • ศาลอุทธรณ์เคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้วหลายครั้ง
  • คำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม 

ยื่นประกันตัวครั้งที่ 6  ทนายยื่นขอวางหลักประกันจํานวน 500,000 บาท และยินยอมให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) อันเป็นหลักประกันที่สูงและน่าเชื่อถือได้ว่า หากจำเลยได้รับอนุญาตให้ประกันตัวแล้วจะไม่หลบหนี ไม่หลีกเลี่ยงมาศาลตามหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลจะกำหนดขึ้น วันที่ 13 กรกฎาคม 2567 ศาลอุทธรณ์ก็มีคำสั่งยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า

  • ข้อหามีอัตราโทษสูง 
  • พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง
  • ศาลอุทธรณ์เคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้วหลายครั้ง
  • คำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ยื่นประกันครั้งตัวที่ 7  ขนุนได้ลองยื่นขอประกันตัวเองจากภายในเรือนจำ โดยมีทนายอานนท์ช่วยดูคำร้องขอประกันวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ขนุนได้รับทราบคำสั่งยกคำร้องของศาลที่ส่งไปที่เรือนจำโดยให้เหตุผลว่า

  • ข้อหามีอัตราโทษสูง 
  • ศาลอุทธรณ์เคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้วหลายครั้ง
  • คำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

วันที่ 22 ตุลาคม 2567 ขนุนจึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ต่อมาศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันของสิรภพ ซึ่งให้เหตุผลว่า

  • เหตุคดีมีอัตราโทษสูง 
  • หากให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี

ยื่นประกันตัวครั้งที่ 8 วันที่ 27 กันยายน 2567 ทนายยื่นขอวางหลักประกันจํานวน 500,000 บาท พร้อมทั้งระบุเหตุผลสำคัญว่า จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาไปยังศาลอุทธรณ์แล้ว ซึ่งคดีของจำเลยมีประเด็นต่อสู้ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลชั้นต้นได้

คำร้องยังเสนอให้ตั้งบิดามารดาของจำเลยเป็นผู้กำกับดูแล ทั้งแสดงความยินยอมให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและเป็นเครื่องประกันว่าจำเลยไม่มีเจตนาหลบหนี รวมทั้งแสดงความยินยอมให้ศาลกำหนดเงื่อนไขประกันโดยให้จำเลยอยู่ในภูมิลำเนาตลอด 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า

  • ข้อหามีอัตราโทษสูง
  • มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี
  • ศาลอุทธรณ์เคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้วหลายครั้ง
  • คำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม 

ยื่นประกันตัวครั้งที่ 9 ทนายยื่นขอวางหลักประกันจํานวน 500,000 บาท และแสดงความยินยอมให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) พร้อมทั้งระบุเหตุผลสำคัญเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2567 จำเลยมีอาการท้องร่วง ถ่ายไม่หยุด ไข้สูง วิงเวียน เจ้าหน้าที่เรือนจำจึงส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์

วันที่ 17 ตุลาคม 2567 ศาลอุทธรณ์ก็มีคำสั่งยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า

  • ข้อหามีอัตราโทษสูง
  • การกระทำผิดนำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ กระทบกระเทือนจิตใจของประชาชน 
  • ศาลอุทธรณ์เคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้วหลายครั้ง
  • ศาลฎีกาก็เคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยด้วย
  • คำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

หลังจากนั้นทนายความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันของศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ต่อศาลฎีกาและ 25 ตุลาคมศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า 

  • มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี
  • ศาลฎีกาเคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้ว

ยื่นประกันตัวครั้งที่ 10 วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ในครั้งนี้อานนท์และขนุนได้ยื่นประกันตัวพร้อมกัน โดยขนุนวางหลักทรัพย์ 500,000 บาท  และในคำร้องขอประกันตัวของทั้งสองคน มีใจความสำคัญระบุถึงการอภิปรายเพื่อพิจารณา “รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” ของสภาผู้แทนราษฎร โดยรายงานดังกล่าวถูกรับทราบไว้เพื่อเป็นแนวทางพิจารณาการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง และเมื่อจำเลยเป็นผู้ที่ถูกดำเนินคดีและคุมขังตามมาตรา 112 ซึ่งเป็นฐานความผิดที่เข้าข่ายอาจได้รับการพิจารณานิรโทษกรรมตามรายงานฉบับดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีสาเหตุที่จะหลบหนี และยืนยันที่จะต่อสู้คดีถึงที่สุด

 ต่อมาศาลอุทธรณ์พิจารณายกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า

  • ข้อหามีอัตราโทษสูง
  • การกระทำผิดนำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ 
  • ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาเคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้วหลายครั้ง
  • คำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ยื่นประกันตัวครั้งที่ 11  วันที่ 6 ธันวาคม 2567 ศาลอุทธรณ์พิจารณายกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า

  • ข้อหามีอัตราโทษสูง
  • การกระทำผิดนำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกประชาชน
  • ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาเคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้วหลายครั้ง
  • คำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ยื่นประกันตัวครั้งที่ 12 วันที่ 10 ธันวาคม 2567 ศาลอุทธรณ์พิจารณายกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า 

  • ข้อหามีอัตราโทษสูง
  • การกระทำผิดนำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกประชาชน
  • มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี
  • ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาเคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้วหลายครั้ง
  • คำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ยื่นประกันตัวครั้งที่ 13 วันที่ 24 มกราคม 2568 ศาลอุทธรณ์พิจารณายกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า 

  • ข้อหามีอัตราโทษสูง
  • การกระทำผิดนำมาซึ่งความเสื่อมเสียสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกประชาชน
  • มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี
  • ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาเคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้วหลายครั้ง
  • คำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ยื่นประกันตัวครั้งที่ 14  วันที่  15 กุมภาพันธ์  2568 ศาลอุทธรณ์พิจารณายกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า 

  • ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาเคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้วหลายครั้ง
  • คำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม

ยื่นประกันตัวครั้งที่ 15 เป็นการยื่นประกันตัวหลังขนุนประกาศอดอาหาร วันที่ 4 มีนาคม 2568 ศาลอุทธรณ์พิจารณายกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่า 

  • ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาเคยมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์เนื่องจากเกรงว่าจำจะหลบหนีมาแล้วหลายครั้ง
  • ส่วนที่จำเลยอ้างว่าเจ็บป่วยนั้นกรมราชทัณฑ์สามารถดูแลจัดการให้ได้

จากนั้นทนายความได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันของศาลอุทธรณ์ ต่อศาลฎีกาในวันที่ 7 มีนาคม ศาลฎีกายกคำร้องและให้เหตุผลว่า

  • ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาเคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยมาแล้วหลายครั้ง
  • มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี