สว. ตีกลับ พ.ร.บ.ประมง ส่งสส. จะยืนยันหรือไม่ให้ใช้อวนตาถี่ 2.5 cm

25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ประชุมสมาชิกวุฒิสภา (สว.) มีมติเห็นชอบให้ “แก้ไข” ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 (ร่างแก้ไขพ.ร.บ. ประมงฯ) ตามที่กรรมาธิการวิสามัญได้เสนอให้แก้ไขร่างที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 141 เสียง ไม่เห็นชอบสามเสียง และงดออกเสียงสี่เสียง ร่างกฎหมายจึง “ยังไม่ผ่าน” และสภาผู้แทนราษฎรจะต้องพิจารณากันใหม่ ลงมติกันใหม่ว่า จะเห็นชอบกับการแก้ไขของวุฒิสภาหรือไม่ หรือจะยืนยันตามร่างเดิมของตัวเอง

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 สภาผู้แทนราษฎรลงมติผ่านร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. … หรือร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประมงฯ เป็นร่างกฎหมายที่จะแก้ไขเนื้อหาในพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 (พ.ร.ก.ประมงฯ) ซึ่งถูกจัดทำขึ้นแบบเร่งด่วนในรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อแก้ปัญหาการถูกสถานะเตือนระดับ “ใบเหลือง” จากสหภาพยุโรป (EU) เมื่อพ.ร.ก.ประมงฯ จัดทำอย่างเร่งรีบและออกมาโดยไม่ผ่านสภาที่มาจากประชาชน ก็ยังเกิดปัญหากับหลักอนุสัญญาว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ค.ศ. 1982 และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเกี่ยวกับประเด็นสิทธิการประกอบอาชีพ จึงมีข้อเสนอให้แก้ไขหลายประเด็น

ระหว่างการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรก็มีข้อท้วงติงจากกลุ่มประมงพื้นบ้านหรือภาคประชาชนว่า ในร่างมาตรา 69 อาจจะเป็นปัญหาเพราะกำหนดว่า 

“ ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมือวนล้อมจับที่มีช่องตาอวนขนาดเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร ทำการประมงในเขต 12 ไมล์ทะเลนับจากแนวทะเลชายฝั่งในเวลากลางคืน

การทำการประมงนอกเขต 12 ไมล์ทะเลตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และพื้นที่ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวต้องกำหนดในเรื่องการใช้แสงไฟล่อไว้ด้วย ” 

หมายความว่าใช้อวนขนาดเล็กมากๆ จับสัตว์น้ำนอกเขต 12 ไมล์ทะเลได้ และยังเปิดช่องให้รัฐมนตรีออกประกาศเพื่อยกเว้นให้ใช้อวนขนาดเล็กในบางพื้นที่หรือบางช่วงเวลาได้อีกด้วย แต่ร่างฉบับนี้มาตรานี้ก็ผ่านสภาผู้แทนราษฎรออกมา เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 ที่ประชุมวุฒิสภาได้ลงมติรับหลักการร่างแก้ไขพ.ร.บ.ประมงฯ และตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขฉบับนี้จำนวน 21 คน และเมื่อพิจารณาเสร็จสิ้นแล้วก็ได้เสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภาในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 

ส่วนในการประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ประมง ในวาระสองมีการถกเถียงกันในหลากหลายประเด็น เช่น การกำหนดนิยมของคำว่าทะเลชายฝั่ง การปรับจำนวนกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ การจับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์น้ำหายากหรือใกล้สูญพันธ์ รวมถึงประเด็นอวนล้อมจับด้วย แต่ในท้ายที่สุดทุกข้อถกเถียงก็ถูกลงมติเห็นชอบตามแนวทางของกรรมาธิการวิสามัญทั้งหมด รับชมการประชุมวุฒิสภาในประเด็นนี้ย้อนหลังได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=0xT756LqoBc&t=25574s

สว. ยันห้ามใช้อวนล้อมจับที่เล็กกว่า 2.5 ซม. ทุกประเภทในเวลากลางคืน

ในประเด็นอวนล้อมจับ พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 (พ.ร.ก. ประมงฯ) มาตรา 69 นั้น ร่างฉบับที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร กรรมาธิการวิสามัญของสว. มีการเสนอให้แก้ไขใหม่ โดยแก้ไขให้สำหรับข้อห้ามที่ไม่ให้ใช้เครื่องมือวนล้อมจับที่มีช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร นั้นห้ามทำการประมงในเขต 12 ไมล์ทะเลนับจากแนวทะเลชายฝั่งในเวลากลางคืน ส่วนการทำการประมงนอกเขต 12 ไมล์ทะเลให้เป็นไปตามหลักการที่รัฐมนตรีจะประกาศกำหนด และในประกาศนั้นจะต้องกำหนดเกี่ยวกับการใช้แสงไฟล่อไว้ด้วย

ตามความเห็นของกรรมาธิการวิสามัญ สว. ได้มีการเสนอให้แก้ไขในประเด็นนี้ โดยเสนอให้คงข้อความในมาตรา 69 ไว้คล้ายกับที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ก. ประมงฯ โดยเสนอให้ใช้ข้อความดังต่อไปนี้ในมาตรา 69 

“ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมืออวนล้อมจับทุกประเภทที่มีช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร ทำการประมงในเวลากลางคืน” ซึ่งเป็นข้อความคล้ายกับบทบัญญัติเดิม ของพ.ร.ก.ประมงฯ พ.ศ.2558 แต่เพิ่มเติมคำว่า “ทุกประเภท” เข้ามา เป็นการเน้นย้ำว่า ร่างฉบับนี้เป็นปฏิปักษ์กับการใช้อวนตาเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร ไม่ว่าจะในพื้นที่ใดก็ห้ามใช้ และไม่เปิดให้มีข้อยกเว้นใดๆ

นรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. อภิปรายสนับสนุนตามแนวทางของกรรมาธิการวิสามัญ สว. ว่าการใช้อวนล้อมจับลักษณะนี้ในระยะยาวจะไม่ทำให้เกิดประโยชน์กับผู้ใดเลย และจะทำลายความหลากหลายทางชีวภาพและความสมบูรณ์ทางทะเลในอนาคต 

มณีรัตน์ เขมะวงค์ สว. อภิปรายสอดคล้องกับ สว. นรเศรษฐ์ ว่า การอนุญาตให้ใช้หัวล้อมจับที่เล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร นอกเขต 12 ไมล์ทะเลสร้างความกังวลให้แก่ นักวิชาการ นักสิ่งแวดล้อม และชาวประมงพื้นบ้าน เพราะจะนำไปสู่ความล่มสลายของระบบนิเวศทางทะเลของประเทศไทย 

ชวพล วัฒนพรมงคล สว. ในฐานะกรรมาธิการ อภิปรายเห็นค้านว่าปัจจุบันพี่น้องชาวประมงติดอยู่กับกับดักของกฎหมายไม่สามารถทำการประมงได้เป็นเวลาสิบปี การกำหนดข้อห้ามในระยะ 12 ไมล์ทะเลและกำหนดให้นอก 12 ไมล์ทะเลนับจากชายฝั่งให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีจะกำหนดนั้นเหมาะสมแล้วและจะทำให้พี่น้องชาวประมงได้หายใจมากยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุดในที่ประชุมวุฒิสภาก็ได้ลงมติเห็นชอบการแก้ไขร่าง พ.ร.บ. ประมงฯ ตามข้อเสนอของกรรมาธิการวิสามัญ สว. ในวาระสาม ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 141 เสียง ไม่เห็นชอบสามเสียง และงดออกเสียงสี่เสียง ซึ่งการลงมติเห็นชอบตามกรรมาธิการวิสามัญถือว่าเป็นการ “แก้ไข” ร่างกฎหมายประมงที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว

ถ้าสส. ยอมแก้ตามก็ไปต่อ ถ้าสส. ไม่ยอมแก้ไข ถูกยับยั้งไว้ 180 วัน

เมื่อสว. ลงมติ “เห็นต่าง” กับสส. ในร่างพระราชบัญญัติแล้ว ขั้นตอนนี้จึงเป็นการ “ส่งร่างกลับ” ไปให้สส. พิจารณาใหม่อีกครั้ง 

ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 137 (2) สรุปใจความกระบวนการนี้ได้ว่า เมื่อ สว. แก้ไขร่างกฎหมายใดที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จะต้องส่งร่างฉบับแก้ไขของ สว. กลับไปยังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร สภาผู้แทนราษฎรจะต้องพิจารณาว่าเห็นชอบด้วยกับการแก้ไขของ สว. หรือไม่ หากเห็นชอบด้วยก็ถือว่าร่างกฎหมายนั้นได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาซึ่งสามารถเข้าสู่กระบวนการประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ต่อไป

แต่หากสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นชอบกับการแก้ไขของ สว. จะต้องมีการตั้งกรรมาธิการร่วมระหว่างสองสภาโดยมีตัวแทนทั้งสส. และสว. อย่างละเท่ากันมาพิจารณาส่วนที่ยังเห็นไม่ตรงกันในร่างกฎหมายนั้น เพื่อจัดทำร่างกฎหมายใหม่ฉบับกรรมาธิการร่วมและเสนอต่อทั้งสองสภาแยกกัน หากทั้งสองสภาเห็นชอบด้วยแล้วก็สามารถนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อได้ หากสภาใดสภาหนึ่งไม่ว่าจะเป็นสภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภาไม่เห็นชอบกับร่างของกรรมาธิการร่วม ให้ถือว่าร่างกฎหมายนั้นถูกยับยั้งไว้ 180 วัน สภาผู้แทนราษฎรต้องรอจนกว่าจะพ้น 180 วันไปเสียก่อนจึงจะสามารถเอาร่างกฎหมายนี้ขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้ 

ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรอาจนำร่างของตนเองขึ้นมาพิจารณาใหม่ก็ได้ หรือจะเอาร่างฉบับใหม่ของกรรมาธิการร่วมขึ้นมาพิจารณาก็ได้ แต่จะต้องมีเสียงเห็นชอบในสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียง “มากกว่ากึ่งหนึ่ง” ของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 138 (2) 

เท่ากับว่าร่างแก้ไขพ.ร.ก. ประมงฯ นี้จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปก็ขึ้นอยู่กับว่าสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติกับการแก้ไขของ สว. ว่าอย่างไร หากจุดยืนอย่างแข็งขันของสภาผู้แทนราษฎรในประเด็นอวนล้อมจับไม่สามารถรับได้กับการแก้ไขของ สว. แล้ว ก็อาจทำให้การแก้ไขกฎหมายประมงนี้อาจจะต้องลากยาวไปอย่างน้อยหกเดือน 

📍ร่วมรณรงค์

JOIN : ILAW CLUB

ช่องทางการติดตาม

FACEBOOK PAGE

บทความยอดนิยม

วิดีโอแนะนำ

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage
Trending post