คดีมาตรา 112 ของพรหมศร-ธนพัฒน์ กรณีปราศรัยในม็อบเรียกร้องยกเลิก112

17 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดฟ้า-พรหมศร วีระธรรมจารีและปูน-ธนพัฒน์ กาเพ็ง สองนักกิจกรรมทางการเมืองฟังคำพิพากษาคดีมาตรา 112 จากการปราศรัยในการชุมนุมม็อบ #ราษฎรประสงค์ยกเลิก112 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2564 ผู้ร้องทุกข์ในคดีนี้คือ ระพีพงษ์ ชัยยารัตน์ จากกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)

หลังการชุมนุมทั้งสองถูกดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ร่วมกับนักกิจกรรมคนอื่นๆ ต่อมาเมื่อสมาชิก ศปปส. เข้าแจ้งความ พนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียกทั้งสองคนมาแจ้งข้อหา 112 เพิ่มเติม ในส่วนของคดีมาตรา 112 นั้นคำฟ้องระบุว่า ฟ้าและปูนขึ้นปราศรัยในการชุมนุมดังกล่าว ภาพรวมการปราศรัยกล่าวถึงความจำเป็นที่ต้องยกเลิกมาตรา 112 เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและสถาบันกษัตริย์ต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเป็นความเท็จ อีกทั้งยังทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่า รัชกาลที่ 10 ได้นำทรัพย์สินของแผ่นดินไปเป็นของส่วนพระองค์และไม่ได้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ขาดเมตตาธรรมและใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รังแกประชาชน

10.35 น. ปูนและฟ้าเดินทางมาถึงห้องพิจารณาคดี 603 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งก่อนหน้าทั้งสองจะมาถึงมีประชาชนมาร่วมสังเกตการณ์และให้กำลังใจกับทั้งสองคนรออยู่ก่อนแล้วราวประมาณ 10 คน สีหน้าท่าทางของปูนและฟ้ายังคงยิ้มแย้มทักทายผู้มาให้กำลังใจ

10.40 น. ทั้งสองคนพร้อมผู้ร่วมสังเกตการณ์และทนายความเดินเข้าห้องพิจารณาคดี ซึ่งภายในห้องมีผู้พิพากษาสามคนนั่งรออยู่บนบัลลังก์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนทำความเคารพผู้พิพากษา หลังจากนั้นไม่ถึงนาทีผู้พิพากษาก็ให้ทั้งสองคนยืนขึ้นเพื่ออ่านฟังการอ่านผลการพิจารณาคดี

คำพิพากษาของทั้งสองคน สรุปความได้ว่า ปูนและฟ้าได้กระทำความผิดจริงตามคำฟ้องในข้อหามาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญาและกระทำฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ภายใต้ข้อกำหนดที่ออกมาเพื่อควบคุมโรคระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19

ศาลพิพากษาให้จำคุกทั้งสองคนละหกปีในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 และจำคุกหนึ่งปีและปรับคนละ 30,000 บาท ในส่วนฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทว่าศาลเห็นว่า ปูนให้การเป็นประโยชน์ต่อคดีและฟ้าให้การรับสารภาพ จึงลดโทษจำคุกและลดค่าปรับ ทำให้ปูนรับโทษจำคุกสี่ปีแปดเดือนและปรับ 20,000 บาท ส่วนฟ้าปรับเป็นจำคุกสามปีหกเดือนและปรับ 15,000 บาท

คำพิพากษาของศาลระบุว่า เมื่อพิจารณาถึงพฤติการณ์แห่งคดี เห็นว่า ขณะนั้นประเทศอยู่ในระหว่างการเลือกตั้ง การออกมาปราศรัยของบุคคลหลายฝ่าย เป็นการแสดงออกเพื่อให้ประเทศพัฒนาไปในทิศทางดีขึ้น อีกทั้งปูนอายุยังน้อย ขาดความยับยั้งชั่งใจ การจำคุกจึงไม่ก่อเกิดประโยชน์แก่ทั้งสองคน จึงให้รอการลงโทษเป็นเวลาสามปี คุมประพฤติสองปีและต้องรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติทุกสี่เดือน บำเพ็ญประโยชน์สาธารณะ 12 ชั่วโมง


ภายในระยะเวลาไม่ถึง 15 นาที คำพิพากษาได้ถูกอ่านจนจบ ปูน ฟ้าและผู้สังเกตการณ์ต่างดีใจและโผเข้ากอดกัน ฟ้าเดินไปที่หน้าบัลลังก์ศาลเพื่อขอบคุณผู้พิพากษา ก่อนที่ทั้งปูนและฟ้าจะเดินทางไปชั้นหนึ่งของศาลเพื่อทำการชำระค่าปรับต่อไป

อ่านรายละเอียดคดีเพิ่มเติมได้ที่: https://tlhr2014.com/archives/72998

📍ร่วมรณรงค์

JOIN : ILAW CLUB

ช่องทางการติดตาม

FACEBOOK PAGE

บทความยอดนิยม

วิดีโอแนะนำ

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage