รัฐสภาต้องแสดงความจริงใจ หยุดอ้างคำวินิจฉัย “ถ่วงเวลา” เดินหน้าลงมติแก้รัฐธรรมนูญ เปิดทางเขียนรัฐธรรมนูญใหม่

13 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 18:15 น. เครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐสภาต้องแสดงความจริงใจ หยุดอ้างคำวินิจฉัย “ถ่วงเวลา” รีบเดินหน้าลงมติแก้รัฐธรรมนูญ เปิดทางเขียนรัฐธรรมนูญใหม่

เส้นทางการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ถูกผู้มีอำนาจการเมือง “เตะถ่วง” หลายครั้ง ตั้งแต่ปี 2563-2564 ที่ สว. แต่งตั้ง จับมือกับ สส. พรรคพลังประชารัฐ ส่งเรื่องไปยัง ยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อถามว่ารัฐสภามีอำนาจหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ จนศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 4/2564 ว่าต้องทำประชามติ “ก่อน” จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นเหตุให้ สว. อ้างโหวตคว่ำร่างแก้รัฐธรรมนูญ 

หลังผลัดเปลี่ยนรัฐบาล นำโดยพรรคเพื่อไทย กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ ก็ยัง “พายเรืออยู่ในอ่าง” ติดกับดัก สว. แต่งตั้ง วางโรดแมปประชามติก่อนแก้รัฐธรรมนูญโดยไม่จำเป็น แต่การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ก็เริ่มจะมีความหวังอยู่บ้าง เมื่อวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2568 มีร่างแก้รัฐธรรมนูญสองฉบับที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา มีสาระสำคัญตรงกัน คือ ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 200 คน จากการเลือกตั้ง มาจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับแทนที่รัฐธรรมนูญ 2560

อย่างไรก็ดี วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เสียงข้างมากในรัฐสภาสร้างความ “น่าผิดหวัง” อีกครั้งหนึ่ง เพราะ สส. พรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่ไม่แสดงตนก่อนจะเข้าสู่การพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญ ทำให้ “สภาล่ม” ยังไม่ได้เริ่มถกเถียงสู่เนื้อหาว่าจะเห็นด้วยให้มี สสร. มาเขียนรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ยังมีนัดพิจารณาต่อ พวกเราเครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ มีความเห็นและข้อเสนอต่อสมาชิกรัฐสภา ดังนี้

1. สว. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน และ สส. พรรคภูมิใจไทย ต้อง “หยุดอ้าง” คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่4/2564 เพื่อ “เตะถ่วง” การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ระบุชัดเจนแล้วว่า รัฐสภามีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ 2560 จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ การทำประชามติตลอดกระบวนการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ทำแค่สองครั้ง คือ “ก่อน” จัดทำรัฐธรรมนูญ และหลัง สสร. จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว

ไม่มีกฎหมายที่บังคับให้รัฐสภาต้องทำประชามติก่อนเสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่ยุติแล้ว เมื่อต้นปี 2567 สส. ได้ส่งเรื่องไปถามศาลรัฐธรรมนูญ ศาลตอบกลับมาว่า วินิจฉัยโดยละเอียดและชัดเจนแล้ว การแก้รัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจรัฐสภา ทำได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะขัดต่อกฎหมาย หรือขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

2. สส. และ สว. ต้อง “แสดงความจริงใจ” ว่าพร้อมผลักดันให้ก้าวแรกของกระบวนการเขียนรัฐธรรมนูญเกิดขึ้น ด้วยการเข้าประชุมรัฐสภา วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568

พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งมีนโยบายจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ และเป็นผู้เสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญเข้ารัฐสภา ต้องเจรจาและรวบรวม สส. พรรคร่วมรัฐบาล ให้เข้าประชุมพิจารณาร่างแก้รัฐธรรมนูญอย่างพร้อมเพรียง ให้องค์ประชุมครบและไม่เกิดเหตุการณ์ “สภาล่ม” ซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้คำสัญญาของพรรคเพื่อไทยที่เคยหาเสียงไว้ว่าจะผลักดันการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ขยับไปข้างหน้า

3. สส. และ สว. ควรใช้อำนาจในฐานะ “ผู้แทนปวงชน” ทำให้การแก้รัฐธรรมนูญเป็น “เรื่องกล้วยๆ” แค่ฟังเสียงประชาชน “รับหลักการ” ร่างแก้รัฐธรรมนูญทุกข้อเสนอ เปิดทางให้มีองค์กรมาจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ และเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้

การพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป็นเพียง “ก้าวแรก” ของกระบวนการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่เท่านั้น ประเด็นที่มีข้อถกเถียง เห็นต่าง สามารถถกเถียงกันต่อไปได้ในชั้นกรรมาธิการ แต่หากรัฐสภาไม่รับหลักการแต่แรก ก้าวแรกนี้อาจไม่ได้เริ่มเลย

สว. เป็นตัวแปรสำคัญว่าก้าวแรกนี้จะเริ่มขึ้นได้หรือไม่ได้ เราหวังว่า สว. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน จะคำนึงถึงประชาชน และหวังว่าจะได้ยินเสียง สว. ขานว่า “รับหลักการ” เกินกว่า 67 คน

ในวันแห่งความรักปีนี้ เครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญจะยังคงจับตาประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้รัฐธรรมนูญอย่างใกล้ชิดที่หน้ารัฐสภาเวลา 10.00 น. หากรัฐสภา ยังเล่นเกมยื้อเวลาไม่เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ภาคประชาชนจะไปส่งเสียงกันต่อ ที่หอศิลป์ฯ กรุงเทพมหานคร ตอน 17.00 น.

ไฟล์แนบ

📍ร่วมรณรงค์

JOIN : ILAW CLUB

ช่องทางการติดตาม

FACEBOOK PAGE

วิดีโอแนะนำ

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage
Trending post