“เมื่อไรจะได้ไปสอบ เมื่อไรจะได้จบปริญญาตรี และเมื่อไรจะได้อิสรภาพในการใช้ชีวิต” เป็นคำถามที่ก้อง-อุกฤษฏ์ สันติประสิทธิ์กุล จำเลยคดีมาตรา 112 ถามตัวเองตั้งแต่เริ่มเคลื่อนไหวเรื่องการขอให้จัดสอบในเรือนจำเมื่อปลายปี 2567 แต่มาจนถึงวันนี้ วันที่เขาถูกคุมขังในเรือนจำครบหนึ่งปีเขายังคงไม่มีคำตอบ

ก้องเป็นนักศึกษากฎหมาย มหาวิทยาลัยรามคำแหง และนักกิจกรรมทางการเมืองจากกลุ่มทะลุราม เขาถูกกล่าวหาในคดีมาตรา 112 สองคดี ซึ่งมีโทษจำคุกรวมเจ็ดปี 30 เดือน หรือประมาณเก้าปีกับหกเดือน วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 หลังศาลอาญาอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์คดีมาตรา 112 คดีที่สอง ก้องก็ไม่ได้รับการประกันตัวนับแต่นั้น ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างฎีกา เขาเริ่มเข้าเรียนที่คณะนิติศาสตร์ในปี 2561 และหากเก็บหน่วยกิตไม่ครบเขาจะพ้นสภาพนักศึกษาในอีกไม่กี่เดือนนี้ ก่อนเข้าเรือนจำเขาเหลือวิชาที่จะสอบให้ผ่านเพื่อจบการศึกษาอีกสามวิชาได้แก่วิชากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมืองและกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง 1-2
“ทำไมผู้มีอำนาจถึงไม่ให้ผมสอบ? และทำไมผู้มีอำนาจถึงไม่ให้ผมจบปริญญาตรี?” ก้องมองว่า การศึกษาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่ควรจะได้ ถึงแม้ประชาชนบางส่วนถูกคุมขังในเรือนจำแต่ประชาชนเหล่านี้ควรได้สิทธิการศึกษาในชั้นและสังกัดของตนเองจนจบการศึกษาด้วย แม้คำถามว่า เมื่อไรจะได้ไปสอบ ทำไมถึงไม่ได้สอบ จะยังคงวิ่งวนซ้ำ ๆอยู่ในใจเขาตลอด แต่ก้องก็ยังมีหวังอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่ตลอดทั้งวัน
ก่อนหน้านี้ก้องเคยขอประกันตัวกับศาลมาแล้วให้เหตุผลว่า จะออกไปสอบให้จบการศึกษา แต่ศาลยกคำร้อง เพื่อนของเขาก็พยายามช่วยเหลือเรียกร้องผ่านกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร แต่ยังไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากตัวแทนจากม.รามคำแหงยังไม่ได้มาชี้แจงข้อมูล ในจดหมายจากเรือนจำเมื่อวันที่31 มกราคม 2568 ก้องเขียนถึงคำสัญญาที่ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเคยให้ไว้ว่า “จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ต้องขังคดีทางการเมืองในเรือนจำ” ซึ่งเขามองว่า การขอสอบในเรือนจำของเขาก็เข้าข่ายคำสัญญาดังกล่าว ถ้าทวีจะช่วยอำนวยความสะดวกก็คงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก
มันจะเหลือทางใดได้บ้างที่ก้องจะได้สอบ และมันพอจะมีโอกาสไหมสำหรับนักศึกษากฎหมายคนหนึ่งที่ความพากเพียรที่ผ่านมาของเขาจะไม่สูญเปล่าเพราะถูกคุมขังในคดีมาตรา 112…ก้องและคนรอบตัวคงพอจะรู้คำตอบอยู่บ้าง แต่ยังหวัง ยังพยายามเรียกร้องเผื่อว่า คำตอบมันจะเปลี่ยนไปบ้าง