Media Defence ส่งหนังสือเพื่อนศาลคดีไผ่ฟ้อง NSO ระบุการใช้สปายแวร์เป็นการจำกัดการใช้สิทธิพื้นฐานที่มากเกินไป

3 กันยายน 2567 ศาลแพ่งนัดสืบพยานโจทก์คดีการใช้งานสปายแวร์เพกาซัสละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว คดีนี้มีไผ่-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา นักกิจกรรมทางการเมืองเป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท เอ็นเอสโอ กรุ๊ป บริษัทสัญชาติอิสราเอล ผู้พัฒนา ผู้ผลิตและผู้ขายสปายแวร์ดังกล่าวให้ลูกค้าที่เป็นรัฐบาลในหลายสิบประเทศ  ข้อกล่าวหาหลักคือ บริษัท เอ็นเอสโอ กรุ๊ปเป็นผลิตและใช้งานสปายแวร์เพกาซัสเพื่อเจาะระบบเข้ามาล้วงข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของนักกิจกรรมไทยอย่างน้อย 35 คน ซึ่งไผ่-จตุภัทร์เป็นหนึ่งในคนที่ถูกเจาะระบบโทรศัพท์ จึงฟ้องคดีต่อศาลแพ่งขอให้ “หยุด” การใช้สปายแวร์เพกาซัส ขอให้เปิดเผยข้อมูลการซื้อขายสปายแวร์เพกาซัสกับรัฐบาลไทย และขอเรียกค่าเสียหาย 2,500,000 บาท ฐานละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว  

การเคลื่อนไหวเพื่อเปิดโปงการใช้งานสปายแวร์เพกาซัสและการฟ้องร้องบริษัทผู้ผลิต หรือรัฐบาลที่ใช้งานสปายแวร์ดังกล่าวเป็นการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก และมีการดำเนินคดีอย่างน้อย 30 คดี ใน 12 ประเทศ 

Media Defense (MD) เป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนทางกฎหมายและช่วยเหลือปกป้องสิทธิของนักข่าว บล็อกเกอร์และสื่ออิสระทั่วโลก และเป็นตัวแทนยื่นฟ้องคดีต่อศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปในกรณีการใช้สปายแวร์เพกาซัสต่อนักข่าวและนักสิทธิมนุษยชนมากกว่า 20 คดี โดยดำเนินคดีต่อรัฐบาลที่ใช้สปายแวร์เพกาซัสในการสอดแนมพวกเขา สำหรับการดำเนินคดีในประเทศไทย MD ได้ติดตามสถานการณ์มาตลอด และได้ยื่นหนังสือต่อศาลแพ่งเพื่อให้ความเห็นทางกฎหมายในฐานะเป็นเพื่อนของศาล (Amicus curiae) เข้ามาในคดีโดยระบุบทสรุปว่า

รัฐที่จงใจปราบปรามเสรีภาพในการแสดงออก โดยเฉพาะเสรีภาพของสื่อ มักอาศัยการจับกุม คุมขัง และดำเนินคดีกับนักข่าวที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล สปายแวร์เพกาซัสช่วยให้การสอดแนมนักข่าวทำได้ง่ายขึ้น Media Defense กังวลเป็นพิเศษว่าสปายแวร์เพกาซัสเป็นวิธีการสอดแนมที่แตกต่างและแยบยลกว่า ซึ่งทำให้ผู้ควบคุมสปายแวร์เข้าถึงแทบทุกแง่มุมของชีวิตเป้าหมาย รวมถึงชีวิตของครอบครัว เพื่อน

ผลที่ตามมาคือ สปายแวร์จะทำลายสิทธิในชีวิตส่วนตัวและสิทธิในการแสดงออกอย่างอิสระของเป้าหมาย เมื่อสปายแวร์เพกาซัสถูกติดตั้งจากระยะไกลบนอุปกรณ์ ไม่ว่าจะด้วยการฉ้อฉลหรือการหลอกลวง และโดยที่เจ้าของไม่รับรู้หรือไม่ได้รับความยินยอม ผู้ควบคุมสามารถออกคำสั่งไปยังสปายแวร์จากระยะไกลเพื่อเฝ้าติดตามกิจกรรมและการสื่อสาร ตลอดจนขโมยและส่งข้อมูลส่วนบุคคลจากอุปกรณ์ที่ติดไวรัสได้หลายวิธี เพกาซัสสามารถบันทึกข้อมูลโดยใช้ไมโครโฟนและกล้องของอุปกรณ์ ติดตามข้อมูลตำแหน่งของโทรศัพท์ และรวบรวมอีเมล ข้อความ ประวัติการค้นข้อมูล และข้อมูลอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านอุปกรณ์

MD เห็นว่า การใช้สปายแวร์ เพกาซัสต่อนักข่าวและผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน รวมทั้งบุคคลอื่นๆ ถือเป็นการจำกัดการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานโดยสิ้นเชิงที่มากเกินกว่าจะยอมรับได้ (wholly excessive restriction on the exercise of fundamental rights.) 

ไฟล์แนบ

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage