ครบ 1 ปี เก็ท–โสภณ บัณทิตผู้แบกรับโทษจำคุก ม.112 กว่าหกปี หกเดือน

24 สิงหาคม 2567 นับเป็นเวลา 1 ปีพอดีที่เก็ท–โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักกิจกรรมจากกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ถูกขังระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษาคดีมาตรา 112 จากกรณีปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว เนื่องจากก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกสามปีหกเดือน และจากกรณีปราศรัยในกิจกรรมใครฆ่าพระเจ้าตาก ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกสามปี

Web

เก็ท–โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง วัย 25 ปี บัณฑิตภาควิชารังสีเทคนิค คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลและนักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ หนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่ไม่อาจอดกลั้นต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองนี้ ก่อนหน้านี้เขาเป็นนักศึกษาธรรมดาๆ ที่มีความหวังและเชื่อมั่นว่าสักวันสังคมไทยจะดีกว่าในวันนี้ได้ หลังจากนั้นเขาได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ‘การ์ดวีโว่’ หรือ We Volunteer ในปีแรกของการประท้วงใหญ่ เมื่อปี 2563 และเข้าร่วมกับกลุ่มแพทย์พยาบาลอาสา DNA เพื่อสนับสนุนด้านการแพทย์ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในปีเดียวกัน ท่ามกลางการละเมิดสิทธิที่นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นกับกลุ่มนักเคลื่อนไหวและเยาวชนคนรุ่นใหม่ทำให้เก็ท-โสภณ ได้ขึ้นมาปราศรัยอยู่บ่อยครั้งและตามมาด้วยการถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาไปแล้วสองคดี ได้แก่

๐ กรณีปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว  เก็ท-โสภณ ถูกจับกุมตามหมายจับศาลอาญาที่ออกจากหลังอานนท์ กลิ่นแก้ว สมาชิกกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เข้าแจ้งความเพียงหกวัน โดยกล่าวหาว่า คำปราศรัยของเก็ท-โสภณ ในการชุมนุม #ทัวร์มูล่าผัว เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2565 เป็นการลดคุณค่าของพระราชินีสุทิดา หลังถูกจับกุมโดยไม่มีการออกหมายเรียกก่อน  

หลังจากนั้น 24 สิงหาคม 2566 ศาลอาญา รัชดาฯ พิพากษาว่าเก็ท-โสภณ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ความผิดตามมาตรา 112 ลงโทษจำคุกสามปี และพ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4 ประกอบมาตรา 9 ลงโทษจำคุกหกเดือน รวมจำคุกสามปีหกเดือน หลังศาลมีคำพิพากษา เก็ท-โสภณถูกเจ้าหน้าที่ศาลเข้ามาควบคุมตัวลงไปที่ห้องขังใต้ถุนศาลในทันที หลังจากนั้นทนายความได้ยื่นขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์

หลังยื่นขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี ในเวลา 17.30 น. ศาลอาญามีคำสั่งส่งคำร้องขอประกันตัวให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา 2-3 วัน ทำให้ในวันเดียวกันนั้น เก็ท-โสภณถูกนำตัวไปควบคุมยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ต่อมา 27 สิงหาคม 2566 เวลา 14.50 น. ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องขอประกันตัวโสภณ ระบุเหตุผลว่า พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว จำเลยปราศรัยด้วยข้อความที่ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกสามปีหกเดือน หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ 

๐ กรณีปราศรัยในกิจกรรมใครฆ่าพระเจ้าตาก คดีนี้มีผู้ถูกดำเนินคดีสามคน ได้แก่ เก็ท-โสภณ, “โจเซฟ” (นามสมมติ) และ “มิ้นท์” (นามสมมติ) สามนักกิจกรรม ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีร่วมปราศรัยในกิจกรรม “ฟื้นฝอยหาตะเข็บ 240 ปี ใครฆ่าพระเจ้าตาก” ซึ่งจัดโดยกลุ่มโมกหลวงริมน้ำเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2565 บริเวณอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ โดยคำปราศรัยกล่าวถึงการสวรรคตของพระเจ้าตากสินและการสถาปนาราชวงศ์จักรี

ทั้งสามถูกศาลอาญาธนบุรีออกหมายจับ โดยไม่เคยถูกออกหมายเรียกมาก่อน หลังถูกจับกุมโจเซฟและมิ้นท์ได้รับการประกันตัวในชั้นฝากขังด้วยเงินสดคนละ 200,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ ส่วนเก็ท-โสภณ ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 พนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม เข้าแจ้งข้อหาภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เนื่องจากขณะถูกแจ้งข้อกล่าวหา เก็ท-โสภณถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เนื่องจากอยู่ระหว่างการฝากขังครั้งที่ 2 จากกรณี #ทัวร์มูล่าผัว 

หลังจากนั้น 27 ธันวาคม 2566 ที่ศาลอาญาธนบุรี เก็ท-โสภณถูกเบิกตัวจากห้องขังใต้ถุนศาลขึ้นมายังห้องพิจารณา โดยศาลพิพากษาว่า เก็ท-โสภณมีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4 วรรคแรก, มาตรา 9 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 ลงโทษปรับ 200 บาท

ส่วนข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ศาลเห็นว่า คำปราศรัยของ เก็ท-โสภณที่กล่าวถึงรัชกาลที่ 10 ต้องพิจารณาโดยคำนึงถึงสถานะของสถาบันกษัตริย์และความรู้สึกของบุคคลประกอบด้วย พยานโจทก์เบิกความไปในทางสอดคล้องกันว่า เก็ท-โสภณปราศรัยโดยมีการกล่าวถึงพระนามของรัชกาลที่ 10 ยืนยันข้อเท็จจริงว่าไม่ทรงงาน และยังลุ่มหลงในไสยศาสตร์ เห็นว่าคำปราศรัยดังกล่าวทำให้พระมหากษัตริย์ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พิพากษาจำคุกสามปี ให้นับโทษจำคุกของเก็ท-โสภณ ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว ที่ศาลอาญามีคำพิพากษาไปก่อนหน้านี้

ส่งผลให้เก็ท-โสภณ ต้องรับโทษจำคุกทั้งสิ้นหกปีหกเดือน

อ่านเรื่องราวของเก็ท-โสภณเพิ่มเติมได้ทาง https://tlhr2014.com/archives/43308 

ดูคำพิพากษากรณีปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว พาดพิงราชินี ได้ทาง https://database.tlhr2014.com/public/case/1967/lawsuit/739/

ดูคำพิพากษากรณีปราศรัย “ใครฆ่าพระเจ้าตาก” ในวันจักรี 65 ได้ทาง https://database.tlhr2014.com/public/case/1970/lawsuit/742/ 

ดูข้อมูลผู้ที่อยู่ในเรือนจำด้วยคดีมาตรา 112 ทั้งหมดได้ทาง 

https://docs.google.com/spreadsheets/d/1CJPTovHh-dXOqhw2MXrkDW34QHWrfYneh7fZDRxMMAw/edit?usp=sharing

RELATED TAGS

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage