#19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ออกหมายจับเพนกวิน เจรจาสมัครใจรับสารภาพ เลื่อนนัดสืบพยานไปวันที่ 13 พ.ย. 67

วันที่ 7 สิงหาคม 2567 เวลา 9.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 912 ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์คดีชุมนุม#19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19-20 กันยายน 2563 คดีนี้มีจำเลย 22 คนทุกคนถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116  มีเจ็ดคนที่ถูกกล่าวหาเพิ่มเติมในมาตรา 112 ได้แก่ เพกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ อานนท์ นำภา รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล สมยศ พฤกษาเกษมสุข แบงค์-ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอกและไผ่-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา

จำเลย 116 หลายคนยืนกรานสู้คดีต่อ “ไม่รับสารภาพเพราะจะเดินไปกับเพื่อน เดี๋ยวรับแล้วเพื่อนจะว้าเหว่”

บรรยากาศที่ศาลมีประชาชนมาร่วมสังเกตการณ์และให้กำลังใจจำเลยเต็มห้องพิจารณา รวมถึงพยานโจทก์ปากแรกที่มารอสืบ หลังศาลขึ้นนั่งบัลลังก์ได้มีการพูดคุยกับทนายความและรุ้ง-ปนัสยา ต่อมามีการแยกจำเลยกลุ่มที่ถูกกล่าวหาเฉพาะข้อหามาตรา 116 ไปที่ห้องพิจารณาคดี 904 มีการพูดคุยเรื่อง “แนวทางที่จะทำให้กระบวนพิจารณาคดีง่ายขึ้น” คือ การเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพให้เหลือเฉพาะจำเลยกลุ่มข้อหามาตรา 112 จำเลยกลุ่มข้อหามาตรา 116 เช่น ณัฐชนน ไพโรจน์ อดีตแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม สุวรรณา ตาลเหล็ก กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยและไบร์ท-ชินวัตร จันทร์กระจ่าง มีการพูดคุยกันและบางส่วนลงความเห็นเบื้องต้นว่า จะยืนยันคำให้การเดิม

เวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ย้ายจำเลยกลุ่มข้อหามาตรา 116 กลับมาที่ห้องพิจารณาคดีที่ 912 และเวลาประมาณ 11.40 น. ผู้พิพากษากล่าวโดยสรุปว่า ได้มีการหารือกับทนายให้ทนายไปถ่ายทอด เข้าใจว่าบางท่านอาจจะทราบแล้วคดีนี้มีจำเลยจำนวนมาก 22 คน หากการพิจารณาคดีดำเนินต่อไปกระบวนการพิจารณาจะทำได้ยาก ศาลพยายามหาแนวทางที่ง่ายกว่าที่จะทำให้คดีมันดำเนินไปได้ เสนอ “แนวทางให้จำเลยเป็นผู้ตัดสินใจ ช่วงเช้าศาลจะพักการพิจารณาคดีเท่านี้ก่อน เข้าใจว่า วันนี้จะสืบพยานไม่ได้ กรณีเพนกวินศาลจะต้องออกหมายจับ ให้คู่ความไปพักและกลับมาในเวลา 13.30 น. ระหว่างพักศาลจะไปดูคำฟ้องให้ละเอียดอีกครั้ง 

จากการพูดคุยเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องการรับสารภาพ สุวรรณา ตาลเหล็กระบุจุดยืนในเรื่องคำให้การว่า “ไม่รับสารภาพเพราะจะเดินไปกับเพื่อน เดี๋ยวรับแล้วเพื่อนจะว้าเหว่” เธอเสริมว่า เราไม่มีความไว้ใจว่ารับสารภาพจะได้รับโทษสถานเบา มีคดีหนึ่งที่เธอถูกกล่าวหาในศาลจังหวัดธัญบุรี ศาลสอบถามเรื่องการรับสารภาพบอกกับเธอและจำเลยร่วมในคดีรายอื่นๆว่าถ้ารับสารภาพอย่างมากก็โดนโทษปรับ สุดท้ายเธอยืนยันว่าจะสู้คดี ศาลกล่าวทำนองว่า ถ้าสู้ศาลจะต้องลงโทษเพราะความผิดสำเร็จแล้ว อย่างไรก็ตามจำเลยร่วมคนหนึ่งรับสารภาพและถูกโทษปรับ ขณะที่เธอและจำเลยคนอื่นๆเลือกสู้จนจบกระบวนการและศาลมีคำสั่งยกฟ้องในที่สุด

ด้านไบร์ท-ชินวัตร จันทร์กระจ่างระบุว่า เขาไม่รับสารภาพข้อหามาตรา 116 แต่จะรับเฉพาะคดีข้อหามาตรา 112 พร้อมเล่าถึงชีวิตในเรือนจำว่า ตอนนี้อยู่ในเรือนจำเริ่มปรับสภาพความเป็นอยู่ ได้เป็นผู้ช่วยเหลือเรือนจำประจำแดนสอง ซึ่งเป็นแดนแรกรับ ทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์เรือนนอนเวลาเพื่อนๆโดนคดีการเมืองเข้ามาเราก็ดูแลเขา พาเขาลงมาผ่อนคลาย สื่อสารการกินอยู่ภายในเรือนจำ เรื่องการกินอยู่ มีทนายอานนท์ที่คอยส่งอาหารให้ภายในเรือนจำ คดีของเขามีไม่น้อยกว่า 50 คดี ในจำนวนนี้มีคดีมาตรา 112 มีแปดคดีซึ่งทั้งหมดมีคำพิพากษาหมดแล้วแต่ยังไม่ถึงที่สุดเพราะเขายื่นอุทธรณ์ทั้งหมด เขาระบุด้วยว่า ครอบครัวตอนนี้ลำบากมากภรรยาต้องพาลูกคนเล็กวัยเจ็ดเดือนกลับไปไว้ที่บ้านในประเทศลาว ส่วนลูกคนโตยังอยู่ที่ไทย 

ในประเด็นเรื่องการนิรโทษกรรมเขาระบุว่า บ้านเมืองมันขัดแย้งมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว มันต้องถึงเวลาที่เข้าสู่การปรองดองเพื่อให้เดินต่อไปได้ เห็นควรจำเป็นการนิรโทษกรรม ส่วนเรื่องรวมมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ เขาขอพูดในฐานะประชาชนทั่วไปควรที่จะมีเพราะถือว่า เป็นคดีทางความคิดที่สืบเนื่องมาจากการเมือง จะเข้าใจผิดหรือถูกก็แล้วแต่ก็ควรจะนิรโทษกรรมไปพร้อมกัน ถ้าเหลือมาตรา 112 ไว้สังคมก็ยังไม่ข้ามพ้นความขัดแย้ง

ศาลระบุหากจำเลยรับสารภาพจะเป็นประโยชน์ทุกฝ่าย ย้ำประวัติสะอาดเมตตาแน่นอน

เวลา 13.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 901 จำเลยทยอยมารอที่ห้องพิจารณา เวลา 13.44 น. ผู้พิพากษาขึ้นนั่งบัลลังก์กล่าวว่า วันนี้จะสืบพยานต่อไปไม่ได้เพราะว่าเพนกวิน-พริษฐ์หลบหนี ศาลคงจะต้องออกหมายจับและเลื่อนไปสืบพยานโจทก์อีกครั้งในอีกสามเดือนข้างหน้า ส่วนจำเลยที่ศาลอนุญาตให้พิจารณาคดีลับหลังและไม่มารายงานตัวต่อศาลในวันนี้ ขอให้ทนายความตรวจสอบว่า ในนัดนี้มีจำเลยมากี่คนและนัดหน้าต้องมารายงานตัวต่อศาล พร้อมอธิบายว่า การที่ให้พิจารณาลับหลังได้ไม่ได้หมายว่า จะหายไปเลยแต่ต้องมารายงานตัวต่อศาลตามนัดหมายเนื่องจากมีเรื่องเงื่อนไขของการให้ประกันตัวด้วย ดังนั้นนัดหน้าขอให้จำเลยมาให้ครบทุกคน

ในประเด็นของการพิจารณา ผู้พิพากษากล่าวว่า คดีนี้มีอัตราโทษและข้อหาของจำเลยแต่ละคนไม่เท่ากัน จำเลยที่หนึ่งถึงเจ็ดมีมาตรา 112 ด้วย จากรูปคดีศาลให้สิทธิอย่างเต็มที่ ส่วนจำเลยที่แปดถึง 22 ไม่ได้มีมาตรา 112 แต่มีมาตรา  116 และ 215 โทษสูงเข้ามา หากจำเลยบางคนเปลี่ยนใจรับสารภาพคดีนี้อยู่ในมือศาล ศาลสามารถตัดสินได้แต่ต้องตรวจสอบประวัติร่วมด้วย “ถ้าดูแล้วประวัติขาวสะอาดแนวทางการตัดสินศาลเมตตาอยู่แล้ว” หากมีจำเลยเกินครึ่งให้การรับสารภาพจะตัดสินในส่วนจำเลยที่รับสารภาพและจำเลยที่เหลือจะแยกฟ้องคดีใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย กล่าวคือ อัยการต้องแสวงหาพยานหลักฐานน้อยลงว่าที่เป็นอยู่เพราะพิจารณาเฉพาะจำเลยที่เหลือ ศาลก็พิจารณาได้ง่ายขึ้น ส่วนจำเลยก็จะได้ประโยชน์ที่ฟ้องคดีใหม่ จะเป็นคดีของปี 2567 ต้องกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานและสืบพยานใหม่ที่จะเลื่อนไปปี 2568-2569 อาจจะตรงใจจำเลยที่อยากจะยืดคดีออกไป 

ไผ่-จตุภัทร์ชี้แจงว่า คดีนี้เป็นคดีการเมือง ในช่วงปี 2563-2564 ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวและรัฐบาลใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ การที่กล่าวว่า ทุกคนจะได้ประโยชน์นั้นเขาเห็นแย้ง การดำเนินคดีจะมองแยกไม่ได้ มันมีกลไกอื่นๆเช่นรัฐสภาด้วย เมื่อการเมืองเปลี่ยนคดีก็เปลี่ยนไปด้วย เขายอมรับว่า คดีมีจำนวนมากแต่อัยการและตำรวจเป็นปลายน้ำ การเข้ามาของเขาในกระบวนการคดีนี้เป็นเรื่องการเมืองและหากจะออกไปก็เป็นเรื่องการเมือง ผู้พิพากษาย้ำว่า การรับสารภาพเป็นเรื่องความสมัครใจ ท่านไหนที่ไม่สมัครใจก็ดำเนินพิจารณาต่อไป ไผ่-จตุภัทร์กล่าวว่า การรับสารภาพไม่ได้เป็นประโยชน์ สมมติว่าการเมืองเปลี่ยนคดีมันจะจบไป เขายกตัวอย่างคดีในช่วงยุคคสช.ที่สุดท้ายเมื่อบริบทเปลี่ยนไปคดีก็จบลง

จำเลยเสนอ อสส. ถอนฟ้องมาตรา 116 เหตุไม่เป็นประโยชน์

สมยศเสนอให้อัยการถอนฟ้องข้อหามาตรา 116 เพราะคดีนี้เป็นคดีการเมือง ศาลอาจจะหารือกับอัยการว่า จะถอนฟ้องหรือไม่เพราะการรับสารภาพแม้ว่าศาลจะรอลงอาญาแต่จำเลยก็มีมลทินอยู่ดี  หากท่านไปอ่านคำฟ้องก็จะเห็นว่า เรา[จำเลย] ใช้สิทธิและเสรีภาพ เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีการเมืองอาจเห็นสมควรให้ถอนฟ้องเหลือเฉพาะข้อหามาตรา 112 มากไปกว่านั้นหากไปอ่านก็จะเห็นว่า เนื้อหาที่แสดงออกไม่มีอะไรที่เป็นการดูหมิ่นกษัตริย์ก็อาจจะพิจารณาถอนฟ้องมาตรา 112 ได้อีกเช่นกัน ถือเป็นทางเลือกที่จะรักษาความยุติธรรมของศาลแห่งนี้และรักษาสิทธิเสรีภาพของจำเลยทุกคน นอกจากนี้หากกระบวนการพิจารณาคดีดำเนินไปก็ขอเรียกร้องให้ศาลออกหมายเรียกเอกสารให้ด้วย สมยศกล่าวอีกว่า การที่ดำเนินคดีต่อไปโดยที่อานนท์ยังติดคุกอยู่เช่นนี้เขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจ ขอให้ท่านไปพิจารณากับฝ่ายบริหารก็จะเป็นประโยชน์มาก

ครูใหญ่-อรรถพล กล่าวย้ำว่า โดยความหมายของคำสองคำแตกต่างกันระหว่าง “ได้รับความเป็นธรรม” และ “ได้รับความเมตตา” จำเลยได้รับข้อเสนอว่า รับสารภาพเสียในข้อหามาตรา 116  และศาลจะพิจารณาให้ความเมตตา แต่เขาขอเสนอให้ศาลเป็นคนเสนอไปยังอัยการว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะพิจารณาถอนฟ้อง ด้านทนายจำเลยที่สี่กล่าวว่า ในอดีตเคยมีคำสั่งอัยการสูงสุดให้ถอนฟ้องคดีชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จังหวัดนราธิวาส อัยการระบุว่า ในเรื่องของการถอนฟ้องนั้นจะต้องมีเหตุที่เสนอเรื่องขึ้นไปที่อัยการสูงสุด เรื่องอาจจะต้องริเริ่มจากบุคคลหรือหน่วยงานใดๆก่อน อาจจะมาจากจำเลยก็ได้ แต่เขาย้ำว่า “ผมไม่มีเหตุในการเสนอขึ้นไปเลย”

ผู้พิพากษากล่าวว่า ถ้าจะให้อัยการเสนอต่ออัยการสูงสุด จริงๆแล้วศาลบอกได้เลยว่า มันทำไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นจะมีชุดนิรโทษกรรมของชูศักดิ์ ศิรินิลได้อย่างไร ตอนนี้เข้าใจว่า กำลังเสนอต่อประธานรัฐสภาให้บรรจุเป็นวาระ ถ้าติดตามข่าวเรื่องการนิรโทษกรรมเรื่องมาตรา 112 หรือไม่ เสียงส่วนใหญ่บอกว่า ไม่ควร แต่ยังมีเสียงส่วนน้อยอยู่ รวมถึงข้อเสนอในการนิรโทษกรรมมาตรา 112 แบบมีและไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเรื่องการนิรโทษกรรมมาตรา 112 ต้องไปลุ้นกันในสภา 

ขอศาลย้อนดูแนวการยกฟ้องดคีมาตรา 112 ปี 2561

สมยศกล่าวว่า ในช่วงปี 2561 อัยการสูงสุดและศาลเคยร่วมมือกันในการไม่ดำเนินคดีมาตรา 112 มาแล้ว ผู้พิพากษากล่าวว่า อันนี้เป็นเรื่องจริงในยุคนั้นศาลเป็นคนตัดสินคดีทอม ดันดีด้วยซ้ำ สมยศกล่าวโดยสรุปว่า เรื่องมาตรา 112 เป็นพระปณิธานของรัชกาลที่เก้าที่การดำเนินคดีจะส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนและต่อเนื่องมาในรัชกาลที่สิบ เห็นได้ว่า ช่วงปี 2561 เคยทำได้แล้ว ผู้พิพากษากล่าวว่า บริบทแต่ละยุคสมัยแตกต่างกัน ตอนนั้นได้รับนโยบายจริง แต่ตอนนี้เป็นอีกยุคหนึ่งแล้ว เรื่องนี้คงแล้วแต่ฝ่ายบริหารคือ รัฐสภา ทางศาลคงไม่ได้เข้าไปยุ่ง ไผ่-จตุภัทร์กล่าวว่า หากรอให้สภาพิจารณาเรื่องนิรโทษกรรม เสียอย่างไรมาตรา 116 ก็หลุดอยู่แล้ว แต่มาตรา 112 จะต้องลุ้นต่อ ซึ่งเขามองว่า วันนี้อาจจะพูดคุยเท่านี้ก่อน

กุณฑิกา นุตจรัส ทนายจำเลยที่แปดถึง 22 กล่าวว่า ในขั้นตอนการพูดคุยเราไม่ได้พูดคำว่า ท่าน [ผู้พิพากษา] บอกให้รับสารภาพ มีการชั่งน้ำหนักประเด็นของคดีนี้ อันที่จริงแล้วจำเลยไม่ได้มีความหวาดกลัวว่า คดีจะช้าหรือเร็ว แต่คำถามคือเขาเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมได้หรือไม่ ในการพูดคุยมันมีเรื่องของการออกหมายเรียกเอกสาร เรื่องของอุดมการณ์และเพื่อนของพวกเขา อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้แจ้งกับทนายความถึงการตัดสินใจ อาจจะขอให้เวลาพวกเขาไปพิจารณา ผู้พิพากษาระบุว่า คดีนี้จะต้องเลื่อนออกไปสามเดือน ศาลพิจารณาคดีโดยเปิดเผยอยู่แล้ว

อานนท์แสดงความเห็นทำนองว่า การดำเนินคดีต่อไปจะนำสู่ประเด็นที่มีความละเอียดอ่อนและการนำพาสังคมกลับไปพูดซ้ำเรื่องที่เคยพูดไปแล้ว  หากคดียังเดินหน้าต่อคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนำเนื้อหามาพูดอีกครั้งในศาล ผู้พิพากษาถามถึงแนวทางในการไปสู่ทางออก อานนท์กล่าวถึงกระบวนการนิรโทษกรรมและการพูดคุยภายในฝ่ายบริหารของศาล ผู้พิพากษากล่าวว่า ศาลเข้าใจ ลำพังศาลเองคงไม่สามารถเป็นจุดเริ่มต้นผลักดันได้ เรื่องความผิดหรือไม่ผิดเป็นเรื่องที่ทางสภาจะต้องออกกฎหมาย เมื่อกฎหมายออกมาศาลในฐานะผู้ปฏิบัติก็ใช้อำนาจตามกฎหมายนั้น หลังจากนั้นอานนท์และสมยศผลัดกันแสดงความเห็นอีกเล็กน้อยและในตอนท้ายผู้พิพากษากล่าวในทำนองว่า คดีความเป็นความผิดจากการขับไล่รัฐบาลที่รัฐประหาร ข้อเรียกร้องของท่าน ศาลว่าท่านไปกดดันสภา เรียกร้องกับพรรคการเมืองอันนี้จะเป็นไปได้ ศาลกับอัยการยังไงก็ไม่ใช่จุดเริ่มต้น ปี 2560-2561 ศาลไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้นแนวทางคดีมาตรา 112 ในสมัยนั้นศาลยอมรับว่า ได้รับนโยบายมา แต่ไม่รู้ว่าเป็นนโยบายของใคร

ระหว่างการพูดคุยสมยศกล่าวอย่างน้อยสองครั้งขอให้ศาลบันทึกข้อเรียกร้องของเขาลงในกระบวนพิจารณาคดีวันนี้ อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดศาลไม่ได้บันทึก โดยเลื่อนไปสืบพยานโจทก์อีกครั้งวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage