นครินทร์-ปัญญา ตุลาการจาก รธน. 50 อยู่ยาว สั่งยุบพรรคไปแล้วสามพรรค

7 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ “เอกฉันท์” สั่งยุบพรรคก้าวไกลพร้อมกับเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค 10 จากเหตุการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาในความผิดหมิ่นประมาททั้งระบบ รวมถึงความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ รวมไปถึงการหาเสียง และการกระทำอื่นๆ ของพรรคก้าวไกล เป็นการกระทำการล้มล้างการปกครองฯ และกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 (พ.ร.ป. พรรคการเมืองฯ) มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) (2)

โดยในตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเก้าคน มีสองคนที่เคยตัดสินและ “มีมติ” ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติและพรรคอนาคตใหม่มาแล้ว  คือ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และปัญญา อุดชาชน ทั้งสองคนเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่มีที่มาตามรัฐธรรมนูญ 2550 และได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติในช่วงหลังการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ยุบพรรคไทยรักษาชาติ ปมเสนอชื่อทูลกระหม่อมฯ เป็นแคนดิเดตนายกฯ

คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากพรรคไทยรักษาชาติเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ในบัญชีว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรค แต่ต่อมามีพระราชโองการ ประกาศสถาบันพระมหากษัตริย์ ชี้ว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะพระราชวงศ์ที่ใกล้ชิดกับพระมหากษัตริย์ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

ต่อมา ที่ประชุม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยื่นคำร้องขอยุบพรรคไทยรักษาชาติต่อศาลรัฐธรรมนูญเนื่องจากเห็นว่า “กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 (พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ) มาตรา 92 (2) ซึ่งเป็นเหตุในการยุบพรรคได้ และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องดังกล่าว

คดีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 3/2562 เป็นเอกฉันท์ให้ ยุบพรรคไทยรักษาชาติ และมีมติ 6 ต่อ 3 ในการออกคำสั่งเพิกถอนสิทธิทางการเมืองแก่คณะกรรมการบริหารพรรค 10 ปี และมีมติเอกฉันท์ในประเด็นที่ผู้ถูกเพิกถอนสิทธิรับเลือกตั้งห้ามไปจัดตั้งพรรคการเมืองอื่นเป็นเวลา 10 ปี และห้ามใช้ชื่อพรรคเดิมซ้ำ และชื่อย่อเกี่ยวกับพรรคการเมืองนี้ เป็นเวลา 10 ปี

โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่พิจารณาคดีนี้ ประกอบด้วย

  1. นุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
  2. จรัญ ภักดีธนากุล
  3. ชัช ชลวร
  4. ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ
  5. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
  6. บุญส่ง กุลบุปผา
  7. ปัญญา อุดชาชน
  8. วรวิทย์ กังศศิเทียม
  9. อุดมศักดิ์ นิติมนตรี

ยุบพรรคอนาคตใหม่ ปมกู้ยืมเงินธนาธร 191.2 ล้านบาท

เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดเดียวกันกับชุดที่วินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ มีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ด้วยมติ 7 ต่อ 2 เสียง มูลเหตุของคดีสืบเนื่องมาจาก กกต. ผู้ร้องในคดีนี้ ร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญว่า สัญญากู้เงินทั้งสองฉบับระหว่างธนาธรกับพรรคอนาคตใหม่จำนวน 191.2 ล้านบาทนั้นผิดกฎหมาย เพราะพรรคการเมืองไม่ใช่นิติบุคคล ต้องมีรายได้จากที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ตา พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ มาตรา 62 และรายได้ต้องนำไปใช้ตามที่กำหนด (มาตรา 87) เท่านั้น ซึ่งไม่มีส่วนระบุถึงเงินกู้หรือชำระเงินหนี้เงินกู้ ทั้งไม่พบว่ามีหลักประกันว่าพรรคอนาคตใหม่จะชำระเงินกู้คืนธนาธรได้ จึงเห็นว่าเป็นการทำนิติกรรมอำพรางจากเงินกู้เป็นเงินบริจาคเข้าพรรค ซึ่งเป็นการขัดต่อ มาตรา 66 ประกอบมาตรา 124, 125 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ นอกจากนี้การรับเงินกู้ยืมดังกล่าวถือว่าเป็นการรับบริจาคเงินหรือประโยชน์อื่นใดโดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 72 ด้วยอีกชั้นหนึ่ง และเป็นเหตุให้ต้องยุบพรรคตาม มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบ มาตรา 93

โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อยสองรายที่เห็นว่าไม่มีเหตุให้ยุบพรรค คือ ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ และชัช ชลวร ขณะที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีกเจ็ดคนที่เหลือ รวมถึงนครินทร์และปัญญา มีความเห็นว่ามีเหตุให้ยุบพรรค

ยุบพรรคก้าวไกล ปมเสนอแก้ ม. 112 ล้มล้าง-อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ

7 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ “เอกฉันท์” สั่งยุบพรรคก้าวไกล เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคที่ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2564 – 31 มกราคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการกระทำอันเป็นเหตุให้ยุบพรรคผู้ถูกร้อง โดยเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง และห้ามมิให้ผู้เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ได้จดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคหรือมีส่วนร่วมจัดตั้งพรรคการเมืองอีก ภายในกำหนดระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันที่พรรคถูกยุบ ตามพ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ มาตรา 94 วรรคสอง

โดยมูลเหตุของคดีสืบเนื่องมาจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของพรรคก้าวไกล ตั้งแต่เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาในความผิดฐานหมิ่นประมาททั้งระบบ รวมความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามมาตรา 112 การหาเสียง ตลอดจนพฤติการณ์และการแสดงออกที่เกี่ยวข้องกับ มาตรา 112 นั้น เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 49 และมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสอง เลิกการกระทำ เลิกการแสดงความความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิก มาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไข มาตรา 112 ด้วยวิธีการที่ไม่ใช่วิธีการทางกระบวนการนิติบัญญัติโดยชอบที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย ต่อมา กกต. ได้ส่งเรื่องมายังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของพรรคก้าวไกล เป็นการกระทำการล้มล้างการปกครองฯ และกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ ตามพ.ร.ป. พรรคการเมืองฯ มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) (2)

โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยคดีนี้ ได้แก่

  1. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์
  2. ปัญญา อุดชาชน
  3. อุดม สิทธิวิรัชธรรม
  4. วิรุฬห์ แสงเทียน
  5. จิรนิติ หะวานนท์
  6. นภดล เทพพิทักษ์
  7. บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์
  8. อุดม รัฐอมฤต
  9. สุเมธ รอยกุลเจริญ

คดียุบพรรคก้าวไกล จึงเป็นอีกหนึ่งคดีที่นครินทร์และปัญญามีมติให้ยุบพรรคการเมือง

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage