การเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับจังหวัดกรุงเทพมหานครในวันที่ 16 มิถุนายน 2567 มีผู้สมัครที่ผ่านระดับอำเภอมาสู่สนามจังหวัดรวม 1,634 คนถือเป็นจำนวนผู้สมัครที่มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งจากทั้งหมด 77 จังหวัด โดยสถานที่เลือกที่สำนักงานกกต.จังหวัดประจำกรุงเทพมหานครใช้จัดกระบวนการคือศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ซึ่งพื้นที่จำกัด ต้องแบ่งให้ผู้สมัครแต่ละกลุ่มแยกกันอยู่คนละห้อง ใช้พื้นที่รวมห้าชั้น ดังนั้นการเลือกครั้งนี้จึงไม่ใช่พื้นที่เปิดกว้างขวางผู้สมัครทั้งหมดอยู่ในบริเวณเดียวกันเหมือนในหลายจังหวัด จากการสังเกตการณ์ของเจ้าหน้าที่ไอลอว์พบว่า สถานที่เลือกในเมืองหลวงแห่งนี้ถือเป็นจังหวัดที่มีเรื่องราวขลุกขลักในการจัดการตลอดทั้งวัน
สถานที่เลือกแคบ ไม่ให้สังเกตการณ์ในห้องเลือกตามกลุ่มตามสาย
ก่อนหน้าวันเลือกระดับจังหวัด ไอลอว์ทำหนังสือขอสังเกตการณ์ไปยังสำนักงานกกต.ประจำกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบระบุตั้งแต่ตอนที่ยื่นหนังสือขอหนังสังเกตการณ์ว่าไม่สามารถให้เข้าไปในสถานที่เลือกเพราะสถานที่เลือกต้องแบ่งเป็นห้องห้าชั้นและให้ผู้สังเกตการณ์ทุกคนอยู่ในห้องหลักที่มีการถ่ายทอดสดที่มีแต่ภาพเท่านั้น ไม่มีเสียงเพราะกลัวถ่ายทอดเสียงจากหลายห้องมาด้วยเสียงจะตีกัน เจ้าหน้าที่จะไม่ปิดประตูห้อง ผู้สังเกตการณ์สามารถไปดูที่หน้าห้องได้แต่ห้ามเข้าห้อง นอกจากนี้เมื่อติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน เขาระบุว่า ทางสำนักงานกกต.ประจำจังหวัดกรุงเทพมหานครจะไม่ให้หนังสือตอบกลับเนื่องจากให้ทุกคนเข้าอยู่แล้วแต่ได้แค่บริเวณที่ผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัดอนุญาต
เมื่อถึงวันเลือก เวลา 9.10 น. ที่ชั้นห้า ซึ่งจัดเป็นสถานที่เลือกกันเองภายในกลุ่มของกลุ่มที่หนึ่ง สองและสามมีเจ้าหน้าที่ปิดประตูทางเข้าหน้าห้องทำให้ผู้สังเกตการณ์ไม่สามารถมองเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นภายในห้องเลือกได้ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยืนยันว่าจะต้องปิดประตู ผู้สังเกตการณ์จึงโทรศัพท์สอบถามเจ้าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งเป็นผู้รับปากเรื่องการเปิดประตูห้องไว้ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยืนยันว่าทุกห้องที่จัดการเลือกจะต้องเปิดประตูค้างไว้ เขาจึงประสานให้เจ้าหน้าที่ในสถานที่เลือกเปิดประตูห้องเลือกของกลุ่มที่หนึ่ง กลุ่มที่สอง และกลุ่มที่สามใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ประท้วงรอบแรกอ้างนับคะแนนผิดพลาด ลากยาวกว่าชั่วโมง
จากการสัมภาษณ์ผู้สมัครในกลุ่มที่สอง กลุ่มกฎหมายและการยุติธรรม รอบไขว้อยู่สาย ก เล่าเหตุการณ์ว่า ผู้สมัครกลุ่มสองที่ผ่านเข้ารอบจังหวัดมาตามบัญชีรายชื่อมี 83 คน ซึ่งถือว่า มีจำนวนมาก ผู้สมัครคนดังกล่าวมีรายชื่ออยู่ท้ายๆ จึงได้นั่งแถวหลัง ระหว่างการนับคะแนนเขาได้ยินเสียงการนับคะแนน กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปล.) “ขานเสียงดังอยู่” แต่จะไม่ได้เห็นการขีดคะแนนเนื่องจากว่า กระดานนับคะแนนอยู่ห่างมาก ถ้าได้นั่งแถวหน้าคงจะเห็นชัดเจนกว่านี้ เวลาประมาณ 11.00 น. หลังการนับคะแนนเสร็จสิ้นโดยที่ยังมีกระดานขีดคะแนนติดอยู่บนบอร์ด กปล. ประกาศผลว่า การเลือกกันเองภายในกลุ่มจะมีผู้รับเลือกขั้นต้นรวมห้าคน มีผู้ที่ผ่านเข้าไปแล้วอย่างแน่นอนสามคน ได้สี่คะแนนทั้งสามคน ส่วนอีกสองที่ว่างจะต้องให้ผู้สมัครที่ได้คะแนนสามคะแนนเท่ากัน 13 คนมาจับสลาก
ต่อมามีผู้สมัครคนหนึ่งลุกขึ้นประท้วงว่า คะแนนที่นับเองไม่ตรงกับคะแนนที่กปล.ขีด เธอต้องได้สามคะแนนและได้ร่วมจับสลากจากนั้นมีผู้สมัครอีกหนึ่งลุกขึ้นมาประท้วงในทำนองเดียวกัน หลักแล้วคือ จะขอให้มีการนับคะแนนใหม่ผู้สมัครรายนี้เล่าว่า มีคนมาเล่าเหตุการณ์นี้ให้ฟังเพิ่มเติมอีกว่า จริงๆแล้วมีคนประท้วงว่าได้คะแนนสามคะแนน ต้องได้จับสลากรวมสี่คน แต่อีกหนึ่งคนถอนตัวออกไปจึงเหลือผู้ประท้วงตามภาพรายงานข่าวสามคน หลังจากการประท้วงผู้สมัครในกลุ่มที่สองยังคงในอยู่ในห้อง คณะกรรมการจังหวัดประชุมมีมติให้จับสลาก 13 คนจนได้ผู้รับเลือกขั้นต้นห้าคนแล้ว
รายงานจากผู้สังเกตการณ์ระบุว่า กปล.อธิบายต่อผู้สมัครที่ทักท้วงว่า จำเป็นต้องเขียนคำทักท้วงเพื่อขอให้มีการนับคะแนนใหม่ พร้อมทั้งบอกด้วยว่า ผู้สมัครควรจะต้องทักท้วงหากมีการขานและขีดคะแนนผิดในทันที แต่เมื่อผู้สมัครทักท้วงหลังทราบผลคะแนนรวมแล้วจะต้องเขียนแบบทักท้วง แต่ผู้สมัครทั้งสามไม่ยินยอมที่จะลงชื่อในแบบทักท้วงระบุว่า เป็นการบังคับให้ลงชื่อในเอกสารราชการ เวลาประมาณ 13.30น. ในการประชุมของคณะกรรมการระดับจังหวัด กรุงเทพมหานครมีมติว่า ให้กปล. ดำเนินการต่อไปตามระเบียบของกกต.ว่าด้วยการเลือกสว. ให้จับสลากเฉพาะ 13 คนเท่านั้น ผู้สมัครที่ประท้วงทั้งสามคนจึงเดินออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม และจะเดินทางไปยังสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้องต่อไป
ประท้วงรอบไขว้หลายสาย เหตุตัดเวลาทำความรู้จักให้เลือกเลย
การประท้วงของผู้สมัครในกลุ่มสองเป็นเหตุให้กระบวนการการเลือกและจับสลากแบ่งสายเพื่อเลือกไขว้ข้ามกลุ่มชะงักลงไประยะหนึ่ง ต่อมาเวลา 14.07 น. ที่ห้องกลางชั้นสี่เจ้าหน้าที่จึงเริ่มดำเนินการจับสลากเพื่อแบ่งสายและเสร็จสิ้นในเวลา 14.27 น. หลังจากนั้นผู้สมัครส่วนใหญ่ยังคงนั่งอยู่ในห้องของกลุ่มตัวเองเพื่อรอใบสว. 3 ของสายตัวเอง จนกระทั่งเวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ผู้สมัครจึงทยอยได้รับใบสว. 3
จากการสัมภาษณ์ผู้สมัครในกลุ่มสอง สาย ก ระบุว่า หลังเหตุการณ์ประท้วงเรื่องการนับคะแนนใหม่และจับสลากยุติลง ผู้สมัครคนดังกล่าวและคนในกลุ่มที่ผ่านเข้ารอบยังต้องพักทานอาหารในห้อง จนกระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น. มีการส่งตัวแทนไปจับสลากแบ่งสาย อยู่สาย ก เขาบอกว่า “อยู่ในห้องนั้นยาวนานมาก” เขาเล่าว่า หลังจับสลาก “ตอนแรกเขาชี้แจงผ่านเวทีใหญ่ว่า เขาจะให้โอกาสอ่านเอกสาร สว.3 ครึ่งชั่วโมงและลงไปคุยกันครึ่งชั่วโมง ยังคุยกันว่า ครึ่งชั่วโมงคงคุยได้คนละนาทีกว่าๆ เสร็จแล้วกว่าได้สว. 3 สักประมาณสามครึ่ง [15.30 น.] และเขาก็ให้เวลาอ่านครึ่งชั่วโมงเสร็จแล้วก็พาลงไปเลยและนั่งอยู่ตามสายเลย มันมีการพูดเหมือนกับว่า จะไม่ให้คุยกันแต่มันไม่มีการพูดอย่างเป็นทางการนะ แต่ว่ามีการจับสายไปอยู่ตามร่อง [แถวในกลุ่ม] แต่ว่าทุกคนไม่ได้อยู่ตามร่องก็เดินออกไปคุยกันอันนี้เขาไม่ได้ห้าม แต่เวลามันก็น้อยมาก ไม่ได้มีการเปิดให้คุยอย่างเป็นทางการอย่างที่คุยกันไว้”
“มีการคุยเหมือนไปได้สักสิบ – 15 นาที ก็จะมีเจ้าหน้าที่ก็มาบอกว่า จะมีการเลือกแล้วนะ ทุกคนกลับไปนั่งและมีค่อยการชี้แจงบนเวทีถ่ายทอดเข้ามาว่า มันมีเอกสารคำแนะนำหรือข้อแนะนำของกกต.ว่า จะให้อ่านจากสว.3 ไม่ได้ให้คุยกัน ซึ่งมันสับสนมาก ไม่ได้โชว์เอกสาร” หลังจากนั้นเมื่อเข้าไปในห้องสาย ก เขาระบุว่า ไม่ได้มีการประท้วงก่อนการลงคะแนน เนื่องจากมีการคุยกันเล็กน้อยแล้วแม้เวลาจะน้อยไม่ได้30 นาทีตามที่มีการชี้แจงก่อนหน้านี้
สาย ก เป็นสายเดียวที่ไม่ได้มีการประท้วงขณะที่อีกสามสายมีการประท้วงให้ผู้สมัครทำความรู้จักกัน แต่ผลที่ออกมาแตกต่างกัน สาย ข สามารถประท้วงจนผู้สมัครได้รับเวลาพูดคุยกันข้ามสายเล็กน้อยก่อนดำเนินการลงคะแนน ขณะที่ สาย ค จากการสัมภาษณ์ผู้สมัครในกลุ่ม 17 ระบุว่า การนับคะแนนเสร็จสิ้นตั้งแต่เวลาประมาณ 10.30 น. “หลังจากนั้นกว่ากกต.จะติดเอกสารและบอกว่าให้ทำอะไรต่อประมาณเกือบเที่ยง ปัญหาคือ คนที่เป็นกรรมการหน่วยเขาก็ไม่รู้อะไรเลยถามอะไรเขาก็ต้องโทรเช็คกกต.ก่อน พี่ถามว่า เดินออกไปได้ไหม เขาก็ไม่ได้สนใจว่า พี่จะเดินออกไปไม่ออกไป ไม่มีใครกั้นพี่ๆก็เดินออกไป หรือเราควรขึ้นไปข้างบนตอนไหน เขาก็จะไม่รู้บอกว่า ไปเลยก็ได้ พอเดินออกไปก็จะมีกกต.ที่ใส่เสื้อเขียวบอกว่า ไปไม่ได้ๆ คือมันมีความไม่สัมพันธ์กันระหว่างเจ้าหน้าที่ในหน่วย…มันก็เลยทำให้พวกเราห้าคนในห้อง ณ ตอนนั้นไม่รู้เลยว่า เขาจะให้ทำอะไรก็รออยู่อย่างนั้น โทรศัพท์ก็ไม่มีอะไรก็ไม่มี กว่าจะได้กินข้าวก็เที่ยงครึ่งกว่าๆแล้ว…กว่าจะประกาศว่าจะให้ทำอะไรแบบไหนก็ปาไปบ่ายโมงกว่าๆแล้ว”
แต่ยังคงต้องนั่งรอในห้องของกลุ่มตัวเองไปเรื่อยๆ จนต้องถาม กปล.ว่า เกิดเหตุอะไรขึ้นและทราบว่า กลุ่มสองมีปัญหาประท้วงการนับคะแนนก็เลยช้า ต่อมามีการประกาศว่า ขอให้ส่งตัวแทนเพื่อจับสลากแบ่งสายและให้ไปอยู่ในห้องของสายตัวเอง หลังการจับสลากแบ่งสายแล้วก็นั่งรอ ผู้สมัครก็ถามว่า จะให้ขึ้นไปในห้องของสาย ค เลยไหม แต่ก็ได้รับการสื่อสารว่า ให้รอก่อน ผู้สมัครรอจนถึงเวลาประมาณ 15.00 น. จึงได้รับใบสว. 3 ในสายของตัวเอง สำหรับกลุ่ม 17 ได้รับการสื่อสารจาก กปล. ว่า ให้อ่านใบสว. 3 ประมาณ 30 นาทีและเมื่อขึ้นไปในห้องของสายตัวเองให้ลงคะแนนเลย ไม่ได้แจ้งกับผู้สมัครว่า จะเปิดให้พูดคุยกันได้ก่อนลงคะแนน
ต่อมาเวลาประมาณ 15.30 น. ผู้สมัครกลุ่ม 17 ขึ้นไปอยู่ในห้องของสาย ค ระหว่างทางก็เห็นว่า สายอื่นๆอยู่ในห้องแล้วเห็นการคุยข้ามกลุ่ม เมื่อถึงห้องของสาย ค กปล.ให้ผู้สมัครเข้าไปในนั่งแถวของกลุ่มตัวเอง ผู้สมัครรายนี้เห็นคนอื่นคุยข้ามกลุ่มกันวุ่นวายจึงลุกไปคุยกันบ้าง ผู้สมัครบอกว่า “คุยได้แปบนึง” ก่อนเวลา 16.00 น. กปล. ประกาศว่า จะเริ่มลงคะแนนแล้ว ผู้สมัครคนแรกเดินไปลงชื่อและรับบัตรเลือกแล้ว แต่มีผู้สมัครคนอื่นลุกขึ้นประท้วงทำนองว่า ไหนบอกว่า จะให้คุยกันแต่กปล.ยืนยันว่า ไม่มีการคุยแนะนำตัวแล้ว โต้แย้งกันระยะหนึ่งจนผู้สมัครยอมไปเองและเริ่มลงคะแนนเลย
และสาย ง ผู้สมัครประท้วงขอทำความรู้จักกันในสาย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดโอกาสให้พูดคุยกันภายในสายก่อนการเลือกตามที่ตกลงไว้ ต่อมาผู้สมัครที่ประท้วงได้ลงชื่อยื่นคำร้องเอาไว้แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการลงคะแนน หลังการเลือกไขว้ในสาย ผู้สมัครจากสาย ง กล่าวกับผู้สังเกตการณ์โดยสรุปว่า การไม่ให้แนะนำตัวก่อนการเลือกในสายเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะไม่ได้รู้จักคนที่อยู่กลุ่มอื่นมาก่อน ให้ผู้สมัครศึกษาแค่เอกสาร สว.3 อย่างเดียวไม่เพียงพอ โดยเห็นว่าผู้สมัครต้องมีโอกาสได้พูดคุยกัน ไม่ใช่ปล่อยให้นั่งแช่ในห้องโดยไม่ได้อนุญาตให้มีปฏิสัมพันธ์ หรือทำความรู้จักทัศนคติของผู้สมัครท่านอื่นแต่ละคน แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าควรเลือกใคร ทั้งที่การเลือก สว. มีความสำคัญมาก