Smart Vote vs. Senate67: ทำการบ้านข้อมูลผู้สมัคร สว. ก่อนโหวตเพื่อเปลี่ยน

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ใช้แอปพลิเคชัน “Smart Vote” เพื่อเป็นช่องทางในการเผยแพร่เลือกชื่อผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 2567 ซึ่งมีรายละเอียดข้อมูลการเลือกสว. และข้อมูลผู้สมัครสว. ทุกอำเภอและทุกกลุ่มอาชีพ อย่างไรก็ตามข้อมูลดังกล่าวมีแค่เพียงประวัติและประสบการณ์การทำงานของผู้สมัคร ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจของผู้สมัครคนอื่นๆ ที่อยากรู้ว่าจะต้องลงคะแนนให้ใครได้เป็นสว. เช่น จุดยืนทางการเมือง หรือวิสัยทัศน์ที่แสดงให้เห็นถึงตัวตนและแนวคิดต่อแนวทางในอนาคตของประเทศ

อย่างไรก็ดี ก่อน กกต. จะประกาศรับสมัครผู้สมัครสว. และนำข้อมูลของผู้สมัครขึ้นสู่แอปพลิเคชัน Smart Vote เครือข่าย #สมัครเพื่อโหวต สร้างแพลตฟอร์ม www.Senate67.com สำหรับรวบรวมข้อมูลผู้ประสงค์จะสมัครสว. ขึ้น โดยมีหลักการว่า การเลือกสว. ไม่ใช่ระบบที่ควรถูกปกปิด ผู้สมัครสว. บนเว็บไซต์ Senate67 จึงต้องเปิดเผยจุดยืนทางการเมืองของตัวเอง และแสดงวิสัยทัศน์ภาพของอนาคตบางอย่างให้ประชาชนและผู้สมัครคนอื่นรับรู้

หลัง กกต. ปิดการรับสมัครสว. ไปแล้วเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 เว็บไซต์ Senate67 จึงเปิดให้ผู้สมัครสว. เข้ามาแสดงจุดยืนและวิสัยทัศน์ด้านต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่ผู้สมัครคนอื่นๆ และประชาชน จะได้รับรู้ก่อนที่จะพวกเขาจะเข้าไปมีส่วนในการกำหนดอนาคตของประเทศ

Smart Vote: ศูนย์รวมข้อกฎหมายเลือกสว. แนะนำข้อมูลผู้สมัครด้วยเอกสาร สว.3

แอปพลิเคชัน Smart Vote ในหมวด “การเลือก สว.” มีเมนูทั้งหมดหกรายการ คือ

  1. กฎหมาย/ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง/ คู่มือ
  2. ขั้นตอนการเลือก สว.
  3. เรื่องน่ารู้/ สื่อประชาสัมพันธ์
  4. ข้อมูลผู้สมัครสว.
  5. 20 กลุ่มอาชีพมีอะไรบ้าง
  6. อื่นๆ

จุดแข็งของแอปพลิเคชั่นนี้อยู่ที่รายการ “กฎหมาย/ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง/ คู่มือ” และ “ข้อมูลผู้สมัคร สว.” โดยรายการแรก กกต. ได้รวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสว. เอาไว้ให้อ่านถึง 12 ฉบับในรูปแบบไฟล์ PDF ประกอบไปด้วยดังนี้

  1. พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567
  2. คู่มือ สำหรับผู้สมัครรับเลือกเป็นสว.
  3. ระเบียบกกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567
  4. ระเบียบกกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567
  5. ระเบียบกกต. ว่าด้วยการใช้จ่ายเงินในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567
  6. คู่มือการปฏิบัติงานคณะกรรมการการเลือกและผู้อำนวยการเลือกระดับอำเภอและระดับจังหวัดสำหรับการเลือกสว.
  7. คู่มือปฏิบัติงานสำหรับคณะกรรมการประจำสถานที่เลือกและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
  8. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
  9. พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561
  10. ระเบียบกกต. ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการแสวงหาข้อมูลข่าวสารและการให้รางวัลแก่ผู้ชี้เบาะแสฯ พ.ศ. 2562
  11. ระเบียบกกต. ว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567
  12. ประกาศกกต. เรื่อง การมีลักษณะอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน ตาม ม.11 วรรคสอง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. พ.ศ. 2561

สำหรับรายการ “ข้อมูลผู้สมัคร สว.” กกต. แบ่งเป็นหมวดย่อยอีกห้ารายการ คือ “ข้อมูลผู้สมัครสว.” “ผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอ” “ผู้ได้รับเลือกระดับจังหวัด” “ผู้ได้รับเลือกระดับประเทศ” และ “สถิติข้อมูลผู้สมัครฯ” ซึ่งก่อนการเลือกในระดับอำเภอจะมีเพียงรายการ “ข้อมูลผู้สมัคร” และรายการ “สถิติข้อมูลผู้สมัครฯ” เท่านั้นที่มีการแสดงผล โดยรายการข้อมูลผู้สมัครเมื่อคลิกเข้าไปจะต้องเลือกจังหวัดและอำเภอเพื่อเข้าสู่การแสดงผลข้อมูลผู้สมัครทั้งหมดในอำเภอดังกล่าวตามกลุ่มอาชีพ 

ข้อมูลผู้สมัครตามกลุ่มอาชีพจะแสดงผลชื่อสกุล อายุ รูปถ่าย อำเภอและจังหวัดที่ลงสมัคร เมื่อคลิกเข้าไปเพื่ออ่านข้อมูลของผู้สมัครรายบุคคลจะพบกับเอกสาร “สว.3” ที่ใช้ประกอบการสมัครของบุคคลนั้นๆ ซึ่งประกอบไปด้วยรูปถ่าย หมายเลขประจำตัว กลุ่ม ชื่อสกุล อายุ ที่อยู่ อีเมล ประวัติการศึกษา และประวัติการทำงานหรือประสบการณ์ในการทำงานในกลุ่มที่สมัคร โดยประวัติดังกล่าวต้องเขียนไม่เกินห้าบรรทัด

เนื่องจากที่ผ่านมากกต. ไม่มีท่าทีสนับสนุนให้ผู้สมัครสว. แสดงความคิดเห็นทางการเมือง ทำให้ผู้สมัครจำนวนมากกังวลว่าจะไม่สามารถแสดงจุดยืนทางการเมืองได้ในใบสว.3 ทำให้ประชาชนและผู้สมัครคนอื่นจะทราบแค่ประวัติการทำงานและประวัติการศึกษาเบื้องต้นของผู้สมัครแต่ละคนเท่านั้น

ขณะเดียวกัน หากต้องการที่จะแจ้งเบาะแสการทุจริตหรือการกระทำผิด แอปพลิเคชัน Smart Vote จะพาเข้าสู่การดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ตาสับปะรด” ของกกต. อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ประชาชนไม่สามารถรายงานสถานการณ์การเลือกสว. ผ่านแอปพลิเคชัน Smart Vote ได้โดยตรง

Senate67: ศูนย์รวมจุดยืนทางการเมืองของผู้สมัครสว.

เว็บไซต์ Senate67.com มีเมนูสามรายการในหน้าแรก คือ “ค้นหาผู้สมัคร” “รายงานผลการสังเกตการณ์” และ “แสดงตัวเป็นผู้สมัคร” โดยรายการ “ค้นหาผู้สมัคร” จะสามารถกรองหาผู้สมัครในแต่ละจังหวัด อำเภอ และกลุ่มอาชีพ เพื่อแสดงผลข้อมูลผู้สมัครทั้งหมดเท่าที่มีการประกาศตัวบนเว็บไซต์ได้ทันที

ข้อมูลผู้สมัครจะถูกแสดงผลด้วยชื่อสกุล ชื่อเล่น อำเภอและกลุ่มที่ลงสมัคร อายุ การศึกษา อาชีพ ช่องทางการติดต่อ และแสดงจุดยืนต่อประเด็นทางสังคม 21 ข้อ โดยผู้สมัครจะมีคำตอบทั้งหมดสามรูปแบบ คือ “เห็นด้วย” “ไม่เห็นด้วย” และ “พร้อมพิจารณา” เท่านั้น 

ประเด็นทางสังคม 21 ข้อ ประกอบไปด้วยดังนี้

  1. สว. มีอำนาจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
  2. แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560
  3. เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ “ทั้งฉบับ”
  4. เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ยกเว้นหมวด 1 หมวด 2
  5. ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ใหม่ จากการเลือกตั้ง100%
  6. แก้ไขที่มาของสว.
  7. ยกเลิกสว. ใช้ระบบสภาเดี่ยว
  8. นิรโทษกรรมคดีการเมือง “ทุกคดี”
  9. นิรโทษกรรมคดีการเมือง ยกเว้นคดีมาตรา 112
  10. ยกเลิกกฎหมายปราบปรามการค้าประเวณี
  11. สมรสเท่าเทียม
  12. เสรีภาพในการเลือกใช้คำนำหน้านาม
  13. กัญชาเสรี
  14. บำนาญให้ประชาชนทุกคน เดือนละ 3,000 บาท
  15. ยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบบังคับ
  16. กระจายอำนาจ เพิ่มงบประมาณให้ท้องถิ่น
  17. เพิ่มอำนาจให้จังหวัดจัดการตัวเอง
  18. ถ่ายทอดสดการประชุมกรรมาธิการสว.
  19. แก้ไข มาตรา 112
  20. สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ
  21. ยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญ

นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่ให้ผู้สมัครได้อธิบายวิสัยทัศน์ด้วยคำถามจำนวนสองข้อ คือ “แนวทางการพิจารณาเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ” และ “เหตุผลความตั้งใจในการลงสมัคร สว. ครั้งนี้” อีกด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนที่ผู้สมัครสามารถเขียนคำตอบยาวเท่าใดก็ได้ เพื่อช่วยให้ประชาชนและผู้สมัครคนอื่นเข้าใจจุดยืนของผู้สมัครคนนั้นได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ Senate67 ไม่ได้ระบุถึงเนื้อหาทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสว. ไว้โดยตรง แต่จะต้องคลิกลิ้งก์บนเว็บไซต์เพื่อไปอ่านเนื้อหาเหล่านั้นบนเว็บไซต์ของ iLaw แทน

ขณะเดียวกัน หากต้องการที่จะรายงานผลการสังเกตการณ์การเลือกสว. ก็สามารถทำได้โดยการเลือกรายการ “รายงานผลการสังเกตการณ์” บนหน้าแรกของ Senate67 เพื่อเข้าสู่หน้าแบบฟอร์มรายงานผลการสังเกตการณ์ของ WeWatch ได้ทันที โดยการรายงานจะแบ่งออกเป็นสามระดับ คือ รายงานผลการสังเกตการณ์การเลือกสว. ในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ 

ข้อแตกต่างสำคัญของทั้งสองแพลตฟอร์มจึงชี้วัดที่ความลุ่มลึกด้านการรู้จักกับผู้สมัคร ขณะที่ข้อมูลและเนื้อหาเกี่ยวกับกระบวนการเลือกสว. ของทั้งสองแพลตฟอร์มนี้จะมีความใกล้เคียงกัน

ทำไมเราควรรู้จุดยืนทางการเมืองของผู้สมัครสว.

สว. เป็นอีกหนึ่งกลไกในรัฐสภาที่ทำหน้าที่นิติบัญญัติ อำนาจหน้าที่สามารถถูกแบ่งออกอย่างง่ายได้สามประการ คือ 1) อำนาจในการกลั่นกรองกฎหมาย 2) อำนาจในการเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ และ 3) อำนาจในการเปิดอภิปรายตรวจสอบหรือตั้งกระทู้ถามรัฐบาล

หลังการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีการคัดเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเป็นสว.ชุดพิเศษ จำนวน 250 คน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้งทางการเมืองไทยจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับรัฐธรรมนูญ 2560 ของคสช. ได้ให้อำนาจสว. สามารถออกเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ทำให้ต้องมีเสียงเห็นชอบจากสว. ถึงหนึ่งในสามของจำนวนสว. ที่มีอยู่ทั้งหมดถึงจะเปิดทางให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ ดังนั้นการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องใช้เสียงสว. ชุดใหม่เห็นชอบจำนวน 67 เสียง จากทั้งหมด 200 เสียง มิเช่นนั้นการเดินหน้าไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ด้วยกลไกรัฐสภา สว. ชุดใหม่จึงเป็นกลุ่มบุคคลสำคัญที่สังคมไทยกำลังจับตาดูเพื่อมองหาทิศทางการออกจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

ขณะเดียวกันการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติต่างๆ หลังพ้นความเห็นชอบในชั้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสามวาระแล้ว สว. ยังต้องออกเสียงเห็นชอบด้วยจึงจะทำให้ร่างกฎหมายฉบับนั้นผ่านเป็นกฎหมายบังคับใช้ได้ ดังนั้นในหลายกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่อ่อนไหวทางสังคม เช่น การแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 การนิรโทษกรรมคดีการเมือง การมีเสรีภาพในการเลือกใช้คำนำหน้านาม การยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เป็นต้น จะต้องการเสียงสนับสนุนจากสว. ด้วย ทำให้สว. ควรมีจุดยืนที่ชัดเจนต่อแต่ละประเด็นไม่ต่างจากสส. เช่นกัน

นอกจากนี้ สว. ยังมีอำนาจในการเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ซึ่งถือว่าสำคัญมากสำหรับทิศทางการเมืองไทยในอีกหลายปีข้างหน้า เนื่องจากองค์กรอิสระในปัจจุบัน เช่น คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือกกต. เป็นต้น กำลังจะทยอยหมดวาระและต้องมีการคัดเลือกใหม่มากกว่าครึ่ง ซึ่งองค์กรเหล่านี้ต่างมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลฝ่ายการเมืองตามรัฐธรรมนูญ 2560 ดังนั้นสว. จึงควรมีแนวทางในการคัดเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งที่มีอำนาจสูงเช่นนี้อย่างชัดเจน 

ดังนั้น สว. ชุดใหม่จึงไม่ได้มีหน้าที่ด้านนิติบัญญัติที่หลุดลอยจากประเด็นทางสังคม แต่ต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนในการกำหนดทิศทางของประเทศ ทำให้การเปิดเผยจุดยืนทางการเมืองต่อสาธารณะเป็นเรื่องที่จำเป็นต่อสังคม และเป็นไปเพื่อให้ผู้สมัครคนอื่นมีข้อมูลในการตัดสินใจลงคะแนน โดยไม่ได้คำนึงเพียงปัจจัยด้านการทำงานหรือการศึกษาในอดีตของผู้สมัครแต่ละคนเพียงอย่างเดียว

RELATED TAGS

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage