ในวันที่ 9 มิถุนายน 2567 จะเป็นวันเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดใหม่ ในระดับอำเภอ เพียงเก้าวันก่อนจะถึงวันเลือกระดับอำเภอ 31 พฤษภาคม 2567 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ฉบับที่ 2 พ.ศ.2567 (ระเบียบ กกต. การเลือกสว. ฯ ฉบับที่ 2) ซึ่งออกมาเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบ กกต. การเลือก สว. ฯ เรื่องลักษณะบัตรเสีย-บัตรดีบางส่วน และการเปลี่ยนรูปแบบบัตรลงคะแนนในรอบเลือกกลุ่มอื่นในสายเดียวกัน หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่ารอบ “เลือกไขว้ข้ามกลุ่ม” โดยระเบียบฉบับที่ 2 จะมีผลใช้บังคับ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป

แก้ลักษณะบัตรเสีย-ดีบางส่วน
การลงคะแนนเลือก สว. ในทุกระดับและทุกรอบ มีการกำหนดลักษณะของบัตรดี บัตรดีบางส่วน และบัตรเสียไว้แล้ว โดยในการลงคะแนนแบบบัตรดีเท่านั้นจะถูกนับคะแนน ระเบียบ กกต. การเลือก สว. ฯ ข้อ 91 กำหนดลักษณะของบัตรดีไว้ว่า ในการลงคะแนนเมื่อผู้มีสิทธิเลือกได้รับบัตรลงคะแนนแล้วให้ไปยังคูหาลงคะแนน เพื่อทำการลงคะแนนโดยให้เขียนหมายเลขประจำตัวผู้สมัครที่ต้องการเลือกด้วย “ตัวเลขอารบิก” ในช่องเขียนหมายเลขประจำตัวผู้สมัครได้ช่องละหนึ่งหมายเลข ซึ่งในส่วนของลักษณะบัตรดียังคงไว้ตามเดิมไม่มีการแก้ไข
ระเบียบ กกต. การเลือกสว. ฯ ฉบับที่ 2 แก้ไขลักษณะบัตรเสีย และบัตรดีบางส่วน โดยใช้ข้อความเหล่านี้แทน ดังนี้
ข้อ 104 บัตรลงคะแนนที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นบัตรเสียทั้งฉบับและไม่ให้นับเป็นคะแนน
- บัตรปลอม
- บัตรที่มีการทำเครื่องหมายเพื่อเป็นที่สังเกตหรือเขียนข้อความใดๆ ลงในบัตรลงคะแนนนอกจากหมายเลขผู้สมัคร เว้นแต่ เป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการเลือก
- บัตรที่มิได้ทำเครื่องหมายลงคะแนน
- บัตรที่ไม่อาจทราบได้ว่าลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครใด
- บัตรที่ลงคะแนนให้ผู้ที่ไม่มีสิทธิได้รับเลือก
- บัตรที่เขียนหมายเลขประจำตัวผู้สมัครเกินจำนวนที่กำหนด
- บัตรที่ลงคะแนนให้บุคคลใดเกินหนึ่ง คะแนน
- บัตรที่มิใช่บัตรซึ่งกรรมการประจำสถานที่เลือกมอบให้
ข้อ 105 บัตรลงคะแนนที่มีลักษณะในช่องเขียนหมายเลขผู้สมัครช่องหนึ่งช่องใดดังต่อไปนี้ ไม่ให้นับเป็นคะแนนสำหรับช่องหมายเลขนั้น หรือที่เรียกว่า “ดีบางส่วน” โดยจะนับคะแนนแค่ช่องที่นับคะแนนได้ ส่วนช่องที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ จะไม่ถูกนับคะแนน
- บัตรที่ไม่ได้เขียนหมายเลขประจำตัวผู้สมัครเป็นเลขอารบิก
- บัตรที่เขียนหมายเลขประจำตัวผู้สมัครใน “ช่องเขียนหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร” เกินกว่าหนึ่งหมายเลขผู้สมัครในช่องเดียวกัน
- บัตรที่ไม่ได้เขียนหมายเลขประจำตัวผู้สมัครใน “ช่องเขียนหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร” และให้นับคะแนนใน “ช่องเขียนหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร” ที่สามารถนับคะแนนได้
เท่ากับว่าในระเบียบ กกต. การเลือกสว. ฯ ฉบับที่ 2 สลับข้อที่กำหนดลักษณะบัตรดีบางส่วนและบัตรเสีย และยังได้มีการตัดลักษณะบางประการออก เช่น ในกรณีบัตรเสียได้มีการตัดบัตรที่มีลักษณะดีบางส่วนที่ลงคะแนนเลือกผู้สมัครเพียงคนเดียวออก และในกรณีบัตรดีบางส่วนได้มีการตัดบัตรที่มีลักษณะของบัตรที่ลงคะแนนให้ผู้ที่ไม่มีสิทธิได้รับเลือกออก
ในกรณีที่บัตรลงคะแนนได้มีการเขียนหมายเลขผู้ที่สมัครที่ไม่มีสิทธิได้รับเลือก หากยึดตามระเบียบฯฉบับใหม่ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม จะถือว่าเป็นบัตรเสียตามข้อ 104 (5) ทันที
ดังนั้นผู้สมัครต้องจำให้ขึ้นใจว่า ในการลงคะแนนเขียนหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร ไม่ว่าจะในระดับใด หรือในรอบใดต้องจำหมายเลขผู้สมัครที่ต้องการเลือกให้ดีและต้องเขียนหมายเลขผู้สมัครเป็นเลขอารบิกเท่านั้น
เปลี่ยนบัตรเลือกไขว้ ผู้สมัครหนึ่งคนอาจต้องเขียนหมายเลขถึงสี่ใบ
นอกจากการแก้ไขเพิ่มเติมลักษณะต้องบัตรเสียและบัตรดีบางส่วนแล้ว ในท้ายระเบียบ กกต. การเลือกสว. ฯ. ฉบับที่ 2 ยังได้มีการเปลี่ยนรูปแบบของบัตรลงคะแนนในรอบเลือกกลุ่มอื่นในสายเดียวกัน หรือที่เรียกกันว่า “เลือกไขว้ข้ามกลุ่ม” โดยในการเลือกไขว้ข้ามกลุ่มในระดับอำเภอและระดับจังหวัด ผู้สมัครมีสิทธิเลือกผู้สมัครจากกลุ่มอื่นในสายเดียวกันได้กลุ่มละหนึ่งคนเท่านั้น แต่ในระดับประเทศ ผู้สมัครมีสิทธิเลือกผู้สมัครจากกลุ่มอื่นในสายเดียวกันได้กลุ่มละห้าคน
บัตรเลือกไขว้ระดับอำเภอ-จังหวัด เขียนมากสุดสี่ใบ-ใบละหนึ่งกลุ่ม-หนึ่งคน
โดยลักษณะของบัตรไขว้ข้ามกลุ่มเดิมในระดับอำเภอและระดับจังหวัด ผู้สมัครจะต้องเขียนหมายเลขประจำตัวผู้สมัครที่อยู่ในสายเดียวกันภายในบัตรใบเดียว เช่น หากผู้สมัครอยู่ในสาย ก. และในสาย ก. มีทั้งหมดห้ากลุ่ม ผู้สมัครจะต้องเขียนหมายเลขของผู้สมัครกลุ่มอื่นที่ต้องการจะเลือกทั้งสี่กลุ่ม (เลือกกลุ่มตนเองหรือเลือกตนเองไม่ได้) ภายในบัตรใบเดียว โดยภายในบัตรจะมีการระบุว่าผู้สมัครมีสิทธิเลือกกลุ่มใดในสายของตนบ้าง แต่ในรูปแบบของบัตรใหม่ บัตรลงคะแนนในรอบการเลือกไขว้ข้ามกลุ่มในระดับอำเภอและระดับจังหวัดจะแยกเป็นบัตรละหนึ่งกลุ่ม เท่ากับว่าผู้สมัครที่ต้องดำเนินการเลือกในรอบไขว้ข้ามกลุ่มต้องเขียนหมายเลขผู้สมัครตามจำนวนกลุ่มอื่นในสายที่มีสิทธิเลือก มากสุดคือสี่ใบ ใบละหนึ่งหมายเลข
ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่ผู้สมัครอยู่ในสาย ข. และในสาย ข. มีทั้งหมดห้ากลุ่ม ผู้สมัครจะต้องเขียนหมายเลขของผู้สมัครกลุ่มอื่นที่ต้องการจะเลือกแต่ละกลุ่มในบัตรแต่ละใบที่เจ้าหน้าที่มอบให้ลงบนบัตรทั้งหมดสี่ใบ ใบละหนึ่งกลุ่มหนึ่งหมายเลข (เลือกกลุ่มตนเองหรือเลือกตนเองไม่ได้)


บัตรเลือกไขว้ระดับประเทศ เขียนสี่ใบ-ใบละหนึ่งกลุ่ม-กลุ่มละห้าคน
บัตรลงคะแนนในรอบเลือกไขว้ข้ามกลุ่มที่ กกต. แก้ไข ในระดับอำเภอและระดับจังหวัดจะมีลักษณะที่เหมือนกัน คือในบัตรหนึ่งใบจะลงคะแนนให้ผู้สมัครกลุ่มอื่นในสายเดียวกันได้บัตรละหนึ่งคน หากผู้มีสิทธิเลือกกี่กลุ่ม ก็จะต้องลงคะแนนในบัตรตามจำนวนกลุ่มที่มีสิทธิเลือก
แต่รอบเลือกไขว้ข้ามกลุ่มในระดับประเทศ ผู้สมัครมีสิทธิในการเลือกกลุ่มอื่นในสายเดียวกัน กลุ่มละห้าคน บัตรลงคะแนนในรอบเลือกไขว้ข้ามกลุ่มระดับประเทศ จะมีช่องเขียนหมายเลขผู้สมัครที่ต้องการจะลงคะแนนห้าช่องต่อบัตรหนึ่งกลุ่ม หากในสายของผู้สมัครมีทั้งหมดห้ากลุ่ม ผู้สมัครมีสิทธิเลือกผู้สมัครกลุ่มอื่นในสายเดียวกันสี่กลุ่ม กลุ่มละห้าคน (เลือกกลุ่มตนเองหรือเลือกตนเองไม่ได้)
