ช่วงเวลา | ยอดรวมตั้งแต่รัฐประหาร – 30 สิงหาคม 2558 | ยอดรวมเฉพาะเดือนสิงหาคม 2558 |
---|---|---|
คนถูกเรียกรายงานตัว | 782 | 5 |
คนถูกจับกุมคุมขัง | 479 | 4 |
คนถูกจับกุมคุมขังจากการชุมนุมโดยสงบ | 209 | – |
คนถูกดำเนินคดีที่ศาลทหาร | 144 | – |
คนถูกดำเนินคดีที่ศาลพลเรือน | 47 | 1 |
คนถูกดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (ม.112) | 53 | – |
จำนวนคนที่ถูกคุมขังด้วยคดีตามมาตรา 112 ทั้งที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วและที่ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี ในเดือนสิงหาคม 2558 | 46 |
คดี 112: ศาลทหารสั่งจำคุก คดี 112 2 คน รวม 116 ปี ในวันเดียว ก่อนลดโทษเพราะจำเลยรับสารภาพ
เดือนสิงหาคม น่าจะเป็นเดือนที่ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคดี 112 มีความร้อนแรงมากที่สุดในรอบหลายเดือน เพราะศาลทหารมีคำพิพากษาคดี 112 ออกมาในสัปดาห์เดียวกันถึง 3 คดี โดยมี 2 คดี ที่กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เพราะศาลทหารพิพากษาจำคุกจำเลยถึง 60 ปี และ 56 ปี ก่อนลดโทษให้คนละครึ่งเพราะจำเลยรับสารภาพ

6 สิงหาคม 2558 ศาลทหารเชียงรายพิพากษาจำคุก สมัคร ชายชาวจังหวัดเชียงราย ที่มีประวัติเคยเข้ารับการรักษาอาการทางจิต ในความผิดหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ เป็นเวลา 10 ปี หลังรับสารภาพว่าตนเองใช้มีดกรีดทำลายภาพพระบรมฉายาลักษณ์จริงตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 5 ปี
ทั้งนี้ สมัครถูกคุมขังโดยไม่เคยขอประกันตัว ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 เพราะไม่มีหลักทรัพย์ เดือนธันวาคมปีเดียวกัน ศาลนัดสอบคำให้การ ทนายจำเลยแถลงว่า สมัครยอมรับว่าทำผิดจริง แต่ทำไปเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ และเขามีประวัติเข้ารับการรักษาอาการทางจิตมาก่อน จึงขอให้ศาลรอลงอาญา อัยการทหารแถลงคัดค้านคำขอของทนายและขอสืบพยานเพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยมีสติขณะทำความผิด การสืบพยานในคดีนี้ใช้เวลานานเพราะศาลนัดสืบพยานเดือนละครั้งเท่านั้น และพยานโจทก์ไม่มาศาล ทำให้ต้่องเลื่อนการสืบพยานถึง 3 ครั้ง ในเดือนกรกฎาคม 2558 สมัครตัดสินใจกลับคำให้การ จากที่เคยให้การภาคเสธว่าทำความผิดจริงแต่ทำเพราะควบคุมตนเองไม่ได้เพราะมีอาการป่วยทางจิต เป็นรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เพราะต้องการให้คดีจบโดยเร็ว คดีของสมัครเกิดระหว่างที่มีการประกาศกฎอัยการศึก คำพิพากษาของศาลทหารจึงเป็นที่สุด ไม่สามารถอุทธรณ์ได้
7 สิงหาคม 2558 ศาลทหารกรุงเทพนัดสอบคำให้การ คดี พงษ์ศักดิ์ ถูกกล่าวหาว่าโพสต์เฟซบุ๊กหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯรวม 6 ข้อความ เนื่องจากเห็นว่าข้อความในคดีนี้มีความอ่อนไหวและอาจกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาลจึงสั่งให้พิจารณาคดีลับ พงษ์ศักดิ์รับสารภาพว่าโพสต์ข้อความทั้งหมด ศาลมีคำพิพากษาในวันเดียวกัน ให้ลงโทษจำคุกในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กรรมละ 10 ปี 6 กรรม รวม 60 ปี พงษ์ศักดิ์รับสารภาพ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 30 ปี
โดยพงษ์ศักดิ์ถูกจับกุมตัวที่สถานีขนส่งจังหวัดพิษณุโลก ในวันที่ 30 ธันวาคม 2557 หลังเดินทางจากจังหวัดนครราชสีมาเพื่อมาพบเพื่อนในเฟซบุ๊กคนหนึ่ง ซึ่งพงษ์ศักดิ์เข้าใจว่าเป็นผู้ลวงเขาไปสู่การจับกุม

ภาพวาดศศิวิมลโอบไหล่ลูกสาวทั้งสองในศาล
ในวันเดียวกัน ศาลทหารจังหวัดเชียงใหม่ สืบพยานโจทก์นัดแรกคดี ศศิวิมล ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯบนเฟซบุ๊กรวม 7 ข้อความ ก่อนการสืบพยาน ศศิวิมลแถลงต่อศาล ขอกลับคำให้การเป็นรับสารภาพ ศาลจึงอ่านคำพิพากษาทันที โดยสั่งให้จำคุกศศิวิมลในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นเวลา 8 ปี ต่อ 1 กรรม 7 กรรม รวม 56 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 28 ปี
คดีของศศิวิมลเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 เมื่อมีประชาชนผู้ใช้เฟซบุ๊กในจังหวัดเชียงใหม่ส่วนหนึ่ง เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ว่ามีการโพสต์ข้อความไม่เหมาะสมบนเฟซบุ๊กชื่อ “รุ่งนภา คำวิชัย” ในเดือนกันยายน 2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังไปตรวจค้นบ้านของศศิวิมลและยึดเครื่องคอมพิวเตอร์รวมทั้งโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบ เธอถูกจับกุมพร้อมตั้งข้อหาในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 และถูกคุมขังโดยไม่ได้รับการประกันตัวจนศาลทหารมีคำพิพากษา
เนื่องจากคำพิพากษาของศาลทหารกรุงเทพ และศาลทหารเชียงใหม่ ที่ออกในวันที่ 7 สิงหาคม มีการวางอัตราโทษที่รุนแรง จึงมีการรายงานข่าวโดยสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก นอกจากนี้ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาจากรัฐบาลของประเทศตะวันตกบางส่วนด้วย เช่น รัฐบาลสหรัฐ ที่ระบุว่า สหรัฐให้ความเคารพอย่างสูงสุดต่อสถาบันฯ แต่ การลงโทษจำคุกผู้ที่แสดงความคิดเห็นอย่างสันติก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควร หรือ สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประจำนครเจนีวา ก็แสดงกังวลต่อการใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า นับแต่เหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงพฤษภาคม 2557 คดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างชัดเจน จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลไทยบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้อย่างสอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
13 สิงหาคม 2558 ศาลฎีกาพิพากษายืนยกฟ้อง คดีที่ สุรภักดิ์ ถูกกล่าวหาว่าโพสต์เฟซบุ๊กหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์รวม 2 ข้อความ ในวันนัด ศาลแจ้งกับผู้สื่อข่าวที่มารอฟังคำพิพากษาว่า ศาลอ่านรายละเอียดคำพิพากษาให้ฟังไม่ได้ เพราะอาจเป็นการทำผิดซ้ำ หลังจากนั้นศาลก็อ่านผลคำพิพากษา โดยกระบวนการทั้งหมดกินเวลาเพียง 1-2 นาที เท่านั้น

สุรภักดิ์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่หน้าศาลอาญา หลังศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง
สุรภักดิ์ถูกจับกุมช่วงต้นเดือนกันยายน 2554 และถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพระหว่างสู้คดีโดยไม่ได้รับการประกันตัว จนกระทั่งศาลอาญาพิพากศายกฟ้องในเดือนตุลาคม 2555 เนื่องจากหลักฐานโจทก์มีพิรุธว่าอาจเป็นหลักฐานเท็จ หลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา อัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ซึ่งศาลอุทธรณ์ก็มีคำพิพากษายืนให้ยกฟ้องในเดือนมีนาคม 2557 เท่าที่ไอลอว์สังเกตการณ์ คดีของสุรภักดิ์นับเป็นคดี 112 คดีแรกที่ศาลพิพากษายกฟ้องทั้ง 3 ชั้น
จับเพิ่ม 2 ราย ผู้ต้องหาคดีแอบอ้างสถาบันฯ
20 สิงหาคม 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงข่าวการจับกุม กิตติภพ และ วิเศษ ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ แอบอ้างตนเป็นราชนิกูล เข้าไปตีสนิทกับเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งพร้อมกับอ้างว่าสามารถเชิญชวนให้พระบรมวงศานุวงศ์ มาร่วมทำบุญกับที่วัด รวมทั้งอ้างตนเป็นผู้รับบริจาคเงินเพื่อสร้างพระอุโบสถ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
ในเดือนสิงหาคม ยังไม่มีการจับกุมผู้ต้องหาคดี 112 ที่เกิดจากการแสดงความคิดเห็นรายใหม่ นับจากการรัฐประหาร มีผู้ถูกดำเนินคดีด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากการแสดงออกรวม 53 ราย และมีผู้ถูกควบคุมตัวในเรือนจำรวม 46 ราย
ผบ.ตร.กำชับ ปอท. ตรวจสอบการโพสต์ข้อความเชิงลบถึง Bike for Mom
16 สิงหาคม 2558 มีกิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ “Bike for Mom” กิจกรรมนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งทางบวกและทางลบบนสื่อสังคมออนไลน์ วันที่ 17 สิงหาคม พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า จากการที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์กิจกรรมดังกล่าวในแง่ลบ ได้มีการมอบหมายให้ กองบังคับการปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีไปตรวจสอบว่า มีการโพสต์ข้อความเชิงลบที่เข้าข่ายเป็นความผิดหรือไม่
เหตุระเบิดราชแยกประสงค์ นำไปสู่การจับกุมคนโพสต์ทำนายเหตุและนักข่าวที่นำเกราะกันกระสุนขึ้นเครื่องบินขณะบินกลับฮ่องกง
17 สิงหาคม 2558 เวลาประมาณ 19.00 น.เกิดเหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ ระเบิดถูกวางไว้บริเวณพระพรหมเอราวัณ ซึ่งเป็นจุดที่มีคนหนาแน่นทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุอย่างน้อย 12 คน ก่อนที่ในวันที่ 20 สิงหาคม ยอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นถึง 20 คน
แม้จะยังไม่มีข้อสรุปว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุวางระเบิด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์ จนทำให้เจ้าหน้าที่เรียกบุคคลจำนวนหนึ่งไปให้ปากคำจากการแสดงความเห็นบนอินเทอร์เน็ต ขณะที่ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. ก็ออกมาเตือนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ในวันที่ 19 สิงหาคม ให้ระวังการโพสต์ข้อความที่เป็นเท็จและอาจสร้างความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชน เพราะจะถูกดำเนินคดีด้วยพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ นอกจากนี้ก็ระบุว่า อยากให้มีการดำเนินคดีสัก 5-10 คนเพื่อเป็นตัวอย่าง
ในวันเดียวกันกับที่ ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำ วิชเวช หรือ พงศ์ภพ ชายที่ต้องสงสัยว่าโพสต์ข้อความทำนายเหตุระเบิดมาแถลงข่าว วิชเวชยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความจริงแต่ข้อความที่โพสต์ไม่ได้เขียนเอง เพียงแต่คัดลอกมาจากเพจเฟซบุ๊กแห่งหนึ่ง ที่นำมาโพสต์ไม่มีเจตนาจะสร้างความตื่นตระหนกแต่ต้องการเตือนภัยเท่านั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ยังไม่มีการตั้งข้อหากับวิชเวช แต่จะมีการไปค้นบ้านเพื่อตรวจสอบอุปการณ์อิเล็กทรอนิกส์เช่นคอมพิวเตอร์ต่อไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงข่าวร่วมกับวิชเวช (ชายเสื้อเทา) ผู้ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความทำนายเหตุระเบิด ที่กองบังคับการปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี เบื้องต้นวิชเวชยังไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหา
นอกจากวิชเวชแล้ว มีบุคคลอย่างน้อย 3 คน ที่ถูกควบคุมตัวจากการโพสต์ข้อความ มีรายงานในวันที่ 22 สิงหาคม 2558 ว่า เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัว ร.ต.ท.พงษ์ศาสตร์ พนักงานสอบสวน สน.สำเหร่ ไปสอบสวนขยายผลที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง หลังเจ้าตัวโพสต์ข้อความในวันที่ 15 สิงหาคม ว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อยุธยา ก็ทำการสอบสวน นักศึกษาชายอายุ 17 ปี คนหนึ่ง ที่โพสต์ข้อความขู่วางระเบิด 5 จุด ซึ่งนักศึกษาคนนี้อาจถูกดำเนินคดีฐานเล่าความเท็จให้เกิดความตื่นตระหนกและข้อหาตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
23 กันยายน 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงข่าวจับกุม ธัณธร อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งถูกกล่าวหาว่าทำความผิดฐานบอกเล่าความเท็จ เป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตระหนก และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ธัณธรถูกกล่าวหาว่าโพสต์ภาพชาวต่างชาติพร้อมระบุว่าอาจเป็นผู้ก่อความไม่สงบที่จะวางระเบิดในจังหวัดสุพรรณบุรี วันที่ 25 สิงหาคม ธัณธรุูกนำตัวไปฝากขังผลัดแรกกับศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งศาลอนุญาตให้ฝากขังและไม่อนุญาตให้ประกันตัว เพราะคดีมีโทษสูง เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว
นอกจากการดำเนินคดีกับผู้โพสต์ข้อความทำนายเหตุระเบิดแล้ว ผลพวงของเหตุการณ์อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือการจับกุม แอนโธนี ฮอกชุน ผู้สื่อข่าวชาวฮ่องกงที่พกพาเกราะกันกระสุนขึ้นเครื่องบินขณะกำลังเดินทางกลับ แอนโธนีเดินทางจากฮ่องกงเพื่อมาทำข่าวเรื่องเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และได้นำเสื้อเกราะกันกระสุนมาเพื่อป้องกันตัวขณะลงพื้นที่ด้วย แอนโธนีถูกจับกุมขณะเดินทางกับฮ่องกงเพราะนำเสื้อเกราะกระสุนขึ้นเครื่องไปด้วย ตามกฎหมายไทย เกราะกันกระสุนถือเป็นเครื่องยุทธภัณฑ์ ซึ่งบุคคลที่ไม่ใช่ตำรวจ ทหาร หรือผู้มีใบอนุญาต จะต้องรับโทษหากมีไว้ในครอบครอง แอนโธนีถูกนำไปฝากขังกับศาลจังหวัดสมุทรปราการก่อนจะได้รับประกันตัวแต่ก็ถูกยึดพาสปอร์ต ทำให้เดินทางกลับประเทศไม่ได้
นักการเมืองวิจารณ์รัฐบาล”ถูกเรียก เข้าค่าย” ขณะที่นักวิชาการ-นักกิจกรรมยังคงมีทหารมาเยี่ยมบ้าน”ตามปรกติ”
พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน แกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 11 สิงหาคม 2558 ตนถูกเชิญตัวไปที่กองทัพภาคที่ 1 และถูกสอบถามเรื่องการร่วมเสวนาในหัวข้อ “หนักหัวใคร ถ้าฉันใช้ตรรกะวิบัติ” เมื่อวันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พิชัยเปิดเผยว่า การพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น ขณะที่ทหารขอความร่วมมือให้หยุดวิจารณ์รัฐบาล

ทหารเดินทางมาที่สำนักงานของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันในวันที่ 25 สิงหาคม 2558 แจ้งว่ามา “แนะนำตัวตามปกติ” (ภาพจากเฟซบุ๊ก)
เฟซบุ๊กเพจของสำนักพิมพ์ ฟ้าเดียวกัน โพสต์ข้อความว่า เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 7 สิงหาคม 2558 มีทหารจาก ปตอ. พัน 5 หลักสี่ มาเลือกซื้อหนังสือที่สำนักพิมพ์ ต่อมาวันที่ 25 สิงหาคม 2558 ธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการวารสารฟ้าเดียวกัน โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ในเวลาประมาณ 13.45 น. มีทหารจาก ปตอ. พัน 5 เกียกกาย จำนวน 5 นาย แวะมาที่ออฟฟิสฟ้าเดียวกัน โดยทหารแจ้งว่า มาแนะนำตัวปกติ เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนกำลังและหน้าที่ความรับผิดชอบ
8 สิงหาคม 2558 สุรพศ ทวีศักดิ์ โพสต์ข้อความว่า มีทหารแวะมาเยี่ยม โดยแจ้งว่าเป็นการมาพบบุคคลตามเป้าหมายตามรอบ ไม่ได้มีประเด็นอะไรเป็นพิเศษ การมาเยี่ยมครั้งนี้ สุรพศระบุว่า เป็นการมาเยี่ยมครั้งที่ 4 แล้ว สุรพศเป็นนักวิชาการที่มักใช้เฟซบุ๊กส่วนตัว วิจารณ์สถานการณ์ทางการเมืองหรือประเด็นปัญหาทางสังคม
26 สิงหาคม 2558 พันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ นักกิจกรรมกลุ่ม “พลเมืองโต้กลับ” ที่ถูกดำเนินคดีจากการทำกิจกรรม เลือกตั้งที่รัก และ พลเมืองลุกเดิน โพสต์เฟซบุ้กในเวลาประมาณ 11.50 น. ว่า “ถือว่ามาเยี่ยมเยือนตามปรกติครับ” หัวหน้าชุด 1 ใน 4 นายกล่าว คาดว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารไป”เยี่ยม”ที่บ้าน
นอกจากนี้ก็มีกรณีของ สุรภักดิ์ อดีตจำเลยคดี 112 ที่ถูกเคยถูกคสช.เรียกเข้ารายงานตัวด้วยคำสั่งคสช.ฉบับที่ 44 โพสต์เฟซบุ๊กในวันที่ 25 สิงหาคม ว่า ได้รับการติดต่อจากทหารในจังหวัดบึงกาฬ (ซึ่งได้รับคำสั่งจากหน่วยเหนือในจังหวัดอุดรธานี) ให้เดินทางไปรายงานตัว เพื่อเซ็นบันทึกข้อตกลง สุรภักดิ์ชี้แจงกับทหารในพื้นที่ไปว่า ตนเข้ารายงานตัวกับคสช.และเซ็นข้อตกลงแล้ว ที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำผิดข้อตกลง หากต้องไปรายงานตัวอีกครั้งก็ขอไปรายงานตัวกับทางส่วนกลาง เพราะตนมีภาระกิจรัดตัว ไม่สะดวกที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา ต่อมาในวันที่ 26 สิงหาคม สุรภักดิ์โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีการถูกเรียกรายงานตัวว่า หลังจากส่งหลักฐานการเข้ารายงานตัวทั้งหมดไปให้ ทหารที่จังหวัดอุดรธานีก็แจ้งมาว่า ไม่ต้องเดินทางไปรายงานตัวแล้ว
ในเดือนสิงหาคม มีบุคคลถูกเรียกรายงานตัว หรือมีทหารไปเยี่ยมบ้านอย่างน้อย 5 คน และทำให้มีบุคคลอย่างน้อย 782 คน ถูกเรียกรายงานตัวหรือมีเจ้าหน้าที่มาพบที่บ้านนับตั้งแต่การรัฐประหาร 2557
การดำเนินคดีบุคคลด้วยข้อหาทางการเมืองอื่นๆ
นอกจากคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และการดำเนินคดีผู้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการวางระเบิดแล้ว เดือนสิงหาคมก็มีความเคลื่อนไหวคดีเสรีภาพอื่นๆที่น่าสนใจ เช่น
เวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 15 สิงหาคม ทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ สมาชิกกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่ถูกออกหมายจับในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 ด้วยการร่วมชุมนุมที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครในวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 ถูกจับตัวที่สนามบินดอนเมือง ขณะเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย หลังการจับกุม ทรงธรรมถูกควบคุมตัวที่สน.ปทุมวัน 1 คืน ก่อนที่เขาจะถูกสอบปากคำในช่วงเช้าของวันที่ 16 สิงหาคม ซึ่งทรงธรรมให้การปฏิเสธและขอสู้คดีในชั้นศาล ทรงธรรมได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ต้องวางหลักประกันในช่วงเที่ยง พนักงานสอบสวนนัดให้ทรงธรรมมาพบในวันที่ 16 กันยายน เพื่อส่งตัวให้อัยการ

รินดา ผู้ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความกล่าวหาว่าพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โอนเงินจำนวนมาก ไปที่ประเทศสิงคโปร์ (ภาพจากเฟซบุ๊ก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน)
26 สิงหาคม 2558 อัยการทหารมีความเห็นสั่งฟ้อง รินดา ผู้ถูกกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความ กล่าวหาว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. โอนเงินจำนวนมากไปที่ประเทศสิงคโปร์ ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 แกล้งบอกความเท็จให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 384 ความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ศาลทหารกรุงเทพอนุญาตให้รินดาประกันตัวระหว่างสู้คดีด้วยหลักทรัพย์เป็นเงิน 100,000 บาท
การปิดกั้นการชุมนุมและการจัดกิจกรรมสาธารณะ ทหารเปรยกับผู้จัดค่ายเยาวชน หากไม่ขออนุญาตอาจโดน พ.ร.บ.ชุมนุมฯ
6 สิงหาคม 2558ชาวบ้านในจังหวัดขอนแก่น ที่ไม่เห็นด้วยกับการยุบสถานีขนส่งแห่งที่ 1 รวมตัวกันคัดค้านการย้ายรถโดยสารไปจอดที่สถานีขนส่งแห่งที่ 3 ซึ่งอยู่ไกลจากตัวเมือง ในที่ชุมนุม มีเจ้าหน้าที่ทหารลายสิบนายมาคอยสังเกตการณ์ นอกจากนี้ขณะที่ผู้ชุมนุมคนหนึ่งกำลังปราศรัย ก็มีเจ้าหน้าที่ทหารนายหนึ่ง พูดผ่านโทรโข่งว่า หากชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับการย้ายสถานีขนส่งให้ส่งตัวแทนมาเจรจา ถ้าชุมนุมฝ่ายความมั่นคงอาจต้องใช้มาตรา 44 จัดการ
7 สิงหาคม 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเดินทางไปสังเกตการณ์การตั้งโต๊ะรับสมัครสมาชิกใหม่ของกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย (LLTD)ในงาน “เปิดโลกกิจกรรม” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต เจ้าหน้าที่อ้างว่าได้รับคำสั่งให้มาสังเกตการณ์และถ่ายภาพกิจกรรมของกลุ่ม ทำให้สมาชิกกลุ่มเกรงว่าการมาของเจ้าหน้าที่อาจทำให้ผู้ต้องการสมัครสมาชิกเกิดความกังวล
24 สิงหาคม 2558ประชาชนกลุ่มรักษ์สิ่งแวล้อม ต.หนองใหญ่ อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ เดินทางไปยื่นหนังสือ ณ ที่ว่าการอำเภอหนองกุงศรี เพื่อขออนุญาตฉายคลิปรายการเปิดปม ตอน เปิดแผลปิโตรเลียมอีสาน หลังจากคืนวันที่ 23 ส.ค. 2558 ระหว่างที่ กลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม ต.หนองใหญ่ กำลังฉายคลิปดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้หยุดฉาย โดยอ้างว่าอาจผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ ให้ขออนุญาตจากทางอำเภอก่อน
26 สิงหาคม 2558 เฟซบุ๊กเพจ คนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม โพสต์ข้อความ แจ้งข่าวว่า ตามที่ทางโครงการกำหนดจัดค่ายเยาวชน ระหว่างวันที่ 28 – 30 ในพื้นที่อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านกำลังเผชิญปัญหาจากการทำเหมืองทองคำ ปรากฎว่ามีทหารติดต่อเข้าไปที่ชาวบ้านในพื้นที่ และ วัดที่จะใช้เป็นสถานที่จัดค่ายเพื่อสอบถามรายละเอียดของกิจกรรมและสอบถามว่ามีการขออนุญาตไว้หรือยัง พร้อมกับบอกว่า หากไม่ขออนุญาต อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมฯ
RELATED POSTS
No related posts