สนช. แก้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2 ครั้ง เพิ่มพระราชอำนาจตั้งสมเด็จพระสังฆราช และกรรมการมหาเถรสมาคม

ในสมัยของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาแต่งตั้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมถึงสองครั้ง และกระบวนการพิจารณาทั้งสองครั้งก็เป็นไปอย่างรวดเร็วใช้เวลาในการพิจารณาเห็นชอบเป็นกฎหมายภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ในด้านเนื้อหาสาระการแก้ไขเพิ่มเติมสองครั้งมีสาระสำคัญคือการเพิ่มอำนาจของพระมหากษัตริย์ในการแต่งตั้งผู้บริหารคณะสงฆ์
แก้ไขครั้งแรก: ให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช  
การแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ครั้งแรกของ สนช. หรือ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 เกิดขึ้นเมื่อ 29 ธันวาคม 2559 เมื่อสมาชิก สนช. จำนวน 81 คน นำโดย พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ เสนอแก้ไขประเด็นการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ในมาตรา 7 ของ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ให้ “พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ”
จากเดิมมาตรา 7 ของ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 กำหนด ให้นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระสังฆราช และในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นผู้มีอาวุโสโดยสมณศักดิ์รองลงมาตามลำดับ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
สมณศักดิ์ คือ บรรดาศักดิ์ หรือยศที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ภิกษุ
แก้ไขครั้งแรก: ความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่
แม้เหตุผลทางการของการแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ครั้งแรก คือ การกล่าวถึงโบราณราชประเพณีที่ให้พระราชอํานาจพระมหากษัตริย์ในการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช
แต่สถานการณ์วงการสงฆ์ ขณะนั้นคือการขาดตำแหน่งผู้นำคณะสงฆ์ ตั้งแต่ 24 ตุลาคม 2556 เมื่อสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกสิ้นพระชนม์ แม้ต่อมาวันที่ 5 มกราคม 2559 มหาเถรสมาคมจะดำเนินการตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2535 มีมติเลือกสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ “สมเด็จช่วง” ในฐานะสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ แต่ก็ผู้ยื่นเรื่องคัดค้านมติดังกล่าว
ผู้คัดค้านสมเด็จช่วงเป็นสมเด็จพระสังฆราช เช่น อดีตพระพุทธอิสระ ยื่นหนังสือต่อรัฐบาลไม่ให้ทูลเกล้าสมเด็จช่วง เพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ขณะที่ไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ยื่นร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าขั้นตอนการเสนอชื่อสมเด็จช่วงมีความถูกต้องหรือไม่ ส่วนผู้สนับสนุนสมเด็จช่วง นำโดยพระเมธีธรรมมาจารย์ เลขาศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย โดยมีการชุมนุมใหญ่ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อสนับสนุนมติมหาเถรสมาคม
ความขัดแย้งในวงการสงฆ์ทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ประกาศว่าจะไม่ทูลเกล้าฯ รายชื่อสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งทำให้ สนช. เสนอร่างแก้ไขให้พระมหากษัตริย์ทรงมีอำนาจในการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช เมื่อ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2560 บังคับใช้ ต่อมาวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่
แก้ไขครั้งที่สอง: ให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม
การแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ครั้งที่สอง หรือ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2561 โดย สนช. เกิดขึ้นเมื่อ 5 กรกฎาคม 2561 ร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกเสนอโดยคณะรัฐมนตรี โดยเสนอให้ สนช. พิจารณาเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมในจำนวน 8 มาตรา คือ มาตรา 5 ตรี, มาตรา 12, มาตรา 14, มาตรา 15 มาตรา 15 ทวิ, มาตรา 20 ทวิ, มาตรา 10 วรรคเจ็ด และมาตรา 20/2 สำหรับหลักการของกฎหมายฉบับนี้คือ การอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมากขึ้น
ประเด็นสำคัญของการแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่สองคือ การให้อำนาจพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม โดยปรากฎอยู่ในมาตรา 5 ตรี ที่ระบุว่า “… พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการแต่งตั้งสถาปนา และถอดถอนสมณศักดิ์ของพระภิกษุในคณะสงฆ์ และแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม” ซึ่งตามกฎหมายเดิมกรรมการมหาเถรสมาคมมีที่มาจากสองส่วน คือ  มาจากพระสงฆ์ซึ่งมีสมณศักดิ์ “สมเด็จพระราชาคณะ” ทุกรูป และมาจากการพระสงฆ์ซึ่งมีสมณศักดิ์ “พระราชาคณะ” จำนวน 12 รูป โดยสมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้แต่งตั้ง
จำนวนพระภิกษุ-สามเณร ในประเทศไทย
พระภิกษุ
298,580 รูป
สามเณร 59,587 รูป

ที่มา: ข้อมูลพื้นฐานทางพระพุทธศาสนา ประจำปี 2560

 

แก้ไขครั้งที่สอง: เปลี่ยนองค์ประกอบกรรมการมหาเถรสมาคม

พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ฉบับนี้ ได้เปลี่ยนองค์ประกอบของมหาเถรสมาคมใหม่ ซึ่งปรากฎในมาตรา 12 ระบุว่า “มหาเถรสมาคมประกอบด้วยสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการอื่นอีกไม่เกิน 20 รูป ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ หรือพระภิกษุซึ่งมีพรรษาอันสมควรและมีจริยวัตรในพระธรรมวินัยที่เหมาะสมแก่การปกครองคณะสงฆ์”
โดยมาตรา 14 ระบุเพิ่มเติมว่า กรรมการมหาเถรสมาคมซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งทั้ง 20 รูปจะอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี และหากหมดวาระก็อาจได้รับการแต่งตั้งกลับเข้าไปอีกได้
การแก้ไของค์ประกอบกรรมการมหาเถรสมาคมครั้งนี้จะทำให้พระมหากษัตริย์ทรงมีอำนาจในการแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมได้ทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องเลือกพระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์เท่านั้น ซึ่งต่างจากกฎหมายเดิมที่กำหนดให้พระสงฆ์ซึ่งสามารถเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมต้องมีสมณศักดิ์เป็น “สมเด็จพระราชาคณะ” หรือ “พระราชาคณะ” เท่านั้น
จำนวนพระภิกษุที่มีพระสมณศักดิ์ ในประเทศไทย
พระสมณศักดิ์ จำนวน
สมเด็จพระสังฆราช 1 รูป
สมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏ 8 รูป
พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ
22 รูป
พระราชาคณะ ชั้นธรรม 53 รูป
พระราชาคณะ ชั้นเทพ
122 รูป
พระราชาคณะ ชั้นราช 250 รูป
พระราชาคณะ ชั้นสามัญ 567 รูป
พระครูสัญญาบัตร 18,831 รูป
รวม 19,853 รูป

 

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage