ศาลอุทธรณ์พิพากษาผู้ป่วยพัฒนาการช้า ‘ปุญญพัฒน์’ จำคุกสี่ปี 24 เดือน คดีมาตรา 112 

วันที่ 30 มกราคม 2567 เวลา 9.30 น. ศาลจังหวัดสมุทรปราการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ของ ‘ปุญญพัฒน์’ ผู้ป่วยสมาธิสั้นและพัฒนาการช้า จากเหตุโพสต์ข้อความลงในกลุ่ม “รอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลส” สี่ข้อความ ให้ลงโทษจำคุกสี่ปี 24 เดือน ขณะนี้กำลังยื่นขอประกันตัว

คดีนี้มีที่มาจากการที่ศิวพันธุ์ มานิตย์กุล ประชาชนจังหวัดสมุทรปราการ พบข้อความของ ‘ปุญญพัฒน์’ (นามสมมติ) ทั้งสี่ข้อความในกลุ่มเฟซบุ๊ก “รอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลส” เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 ซึ่งทั้งสี่ข้อความถูกโพสต์ระหว่างวันที่ 9-10 พฤษภาคม 2563 โดยมีเนื้อหา เช่น ความนิยมของประชาชนที่มีต่อรัชกาลที่สิบ คดีของ ‘ปุญญพัฒน์’ ถือเป็นหนึ่งในเก้าคดีที่ศิวพันธุ์เป็นผู้ร้องทุกข์

‘ปุญญพัฒน์’ และครอบครัวต้องเดินทางจากบ้านที่จังหวัดกำแพงเพชรในเวลา 3.00 น. ของวันที่ 22 เมษายน 2564 เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.บางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งความผิดสามข้อกล่าวหา คือ ความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3) ว่าด้วยการนำเข้าข้อมูลที่มีความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และมาตรา 14(5) ว่าด้วยการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูล อีกทั้งยังถูกควบคุมตัวไปศาลจังหวัดสมุทรปราการเพื่อขอฝากขังทันทีก่อนที่เขาจะได้รับการประกันตัวในวันเดียวกันโดยวางหลักทรัพย์เป็นเงิน 150,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ 

ต่อมาอัยการสั่งฟ้อง ‘ปุญญพัฒน์’ ด้วยข้อหามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 โดยไม่สั่งฟ้องมาตรา 14(5) ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาก่อนหน้า ซึ่ง ‘ปุญญพัฒน์’ เดินทางมาที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการตามนัดหมายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 จึงจะทราบว่าอัยการได้สั่งฟ้องไปแล้ว ในชั้นศาลจำเลยรับสารภาพว่ากระทำความผิดตามฟ้องจริง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 ศาลจังหวัดสมุทรปราการพิพากษาว่ามีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา ให้ลงโทษทุกกระทงความผิด รวมสี่กระทง จำคุกกระทงละสามปี รวมจำคุก 12 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ จึงมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้เหลือจำคุกกระทงละ หนึ่งปีหกเดือน รวมสี่กระทงเป็นโทษจำคุกสี่ปี 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ศาลชั้นต้นระบุว่าคดีนี้ไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษ แม้ว่าในชั้นสืบพยานแม่ของจำเลยจะให้การว่า จำเลยมีพัฒนาการช้าและสมาธิสั้นมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ปัจจุบันเขาอายุ 29 ปีแล้วก็ยังไม่สามารถออกจากบ้านไปไหนมาไหนคนเดียวได้ก็ตาม หลังทราบคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วทนายความต้องยื่นคำร้องขอประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์ประกันเดิมจำนวน 150,000 บาท และเพิ่มหลักทรัพย์อีก 75,000 บาท รวมทั้งหมด 225,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ เพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป

วันที่ 30 มกราคม 2567 ศาลจังหวัดสมุทรปราการอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้ยืนตามศาลชั้นต้น คือ พิพากษาจำคุกสี่ปี 24 เดือน ไม่รอลงอาญา หรือรวมเป็นระยะเวลาประมาณหกปี

ในการอ่านคำพิพากษาวันนี้ เจ้าหน้าที่ศาลไม่อนุญาตให้ผู้สังเกตการณ์จาก iLaw เข้าไปสังเกตการณ์ในห้องพิจารณา โดยให้เหตุผลว่าผู้สังเกตการณ์ไม่ใช่ญาติของจำเลย จึงทำได้เพียงรอที่หน้าห้องพิจารณาเท่านั้น

*หมายเหตุ* การนับโทษจำคุก หากจำเลยได้รับโทษจำคุกหลายกระทง และมีโทษจำคุกในหลักเดือนเมื่อบวกรวมกันแล้วได้เกิน 12 เดือน จะไม่นับใหม่ให้เป็นหลักปี เพราะการโทษจำคุกในหลักเดือนจำเลยจำติดคุกจริง เดือนละ 30 วัน โทษจำคุก 12 เดือนจำต้องติดคุก 12×30=360 วัน แต่ถ้านับเป็นหลักปี หรือ หนึ่งปี จะต้องติดคุกเท่ากับ 365 วัน

อ่านรายละเอียดคดีเพิ่มเติมได้จากฐานข้อมูลของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

RELATED TAGS

📍ร่วมรณรงค์

JOIN : ILAW CLUB

ช่องทางการติดตาม

FACEBOOK PAGE

วิดีโอแนะนำ

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage