คณะรัฐมนตรีเสนอร่างกฎหมายใหม่ ให้จัดตั้งศาลพิเศษสำหรับพิจารณาคดีทุจริตเป็นการเฉพาะ แต่ยังไม่ชัดว่าวิธีพิจารณาคดีจะแตกต่างจากศาลปกติอย่างไร และศาลใหม่นี้ไม่ได้พิจารณาคดีทุจริตของนักการเมือง เพราะเป็นอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่แล้ว
ตั้งศาลคดีทุจริต สอดรับนโยบายปราบโกงแบบกรรมติดจรวดของ คสช.
ความขัดแย้งทางการเมืองไทยในช่วงสิบปีที่ผ่านมาส่วนหนึ่งมีจุดเริ่มต้นจากความไม่พอใจนักการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริต และกระบวนการยุติธรรมตามปกติก็ยังไม่สามารถแสวงหาข้อเท็จจริงหรือนำคนผิดมาลงโทษจนเป็นที่พึงพอใจแก่สังคมได้ จนการคอร์รัปชั่นกลายเป็นข้ออ้างสำคัญของการรัฐประหารทั้งในปี 2549 และในปี 2557
การรัฐประหารครั้งล่าสุดโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป้าหมายหนึ่งคือการปราบปรามการทุจริต การนำคนผิดมาลงโทษ และการหาแนวทางปฏิรูปประเทศให้ปราศจากคอร์รัปชั่น และไม่ให้นักการเมืองที่มีประวัติคอร์รัปชั่นกลับเข้ามาบริหารประเทศได้อีก ไอเดียการจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ “ศาลทุจริต” หรือที่บางคนเรียกว่า “ศาลปราบโกง” จึงถูกเสนอขึ้นผ่านร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ร่างโดยสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และเสนอต่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2558 ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ และเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2559 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเอกฉันท์รับหลักการร่างกฎหมายฉบับนี้โดยมีบุคคลต่างๆ ออกมาประสานเสียงผลักดันร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้กันถ้วนหน้า
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบนี้ ไม่ได้หมายความว่ากฎหมายออกมาแล้วจะจัดตั้งศาลได้เลย แต่ต้องออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อน เอกชนต้องการกฎหมายนี้มานานมาก พยายามส่งสภาภายในสิ้นปีนี้ มั่นใจว่าทุกส่วนจะขานรับและเร่งดำเนินการเพื่อให้กรรมติดจรวด ต่อไปประเทศไทยก็จะปลอดเรื่องของการทุจริต ประพฤติมิชอบ
“นี่เป็นเพียงการกำหนดจุดเริ่มต้น เนื่องจากในอดีตมีความพยายาม 20 ปีมาแล้วที่จะให้ศาลพิจารณาเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพราะเมื่อคดีทุจริตเข้าสู่ศาลโดยรวมแล้วทำให้คดีล่าช้า ที่ว่ากรรมไม่ติดจรวด วันนี้รัฐบาลนี้จัดให้ ใครทำความผิดประพฤติมิชอบต้องพบกรรมติดจรวด” พล.ต.สรรเสริญระบุ
ด้านวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวไว้ว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เริ่มจากสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้จัดทำและยกร่างขึ้นแล้วเสนอมายัง ครม. ซึ่งมีหลักการสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้กำชับขอให้เป็นเรื่องเร่งด่วน การทุจริตและประพฤติมิชอบเกิดขึ้นเป็นอันมากในประเทศไทย และสลับซับซ้อนมากขึ้น เมื่อเข้าสู่กระบวนการด้วยวิธีการเหมือนปกติทั่วไปใช้เวลายาวนาน ล่าช้า ทำให้ผู้กระทำผิดได้ประโยชน์โดยไม่สมควร ควรจะมีศาลที่ทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ ให้ผู้พิพากษาชำนัญพิเศษที่เชี่ยวชาญคดีนี้มาพิจารณา
สมชาย แสวงการ สมาชิก สนช.โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “นายกฯ ตั้งใจให้เป็นของขวัญปีใหม่ 2559 สนช.จะสานฝันต่อให้เป็นจริง เป็นของขวัญปีใหม่ไทย สงกรานต์นี้เสร็จเเน่นอนครับ ใครที่คิดว่าโกงเเล้วรอดคิดใหม่ได้เลย เตรียมตัวรับกรรมไปนอนในคุกเเน่ครับ”
![](https://c2.staticflickr.com/2/1473/24695593621_b05d1e108a_z.jpg)
ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ แค่จัดตั้งศาลใหม่ วิธีการพิจารณาคดียังไม่รู้เป็นอย่างไร
ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ มีความยาวเพียง 20 มาตรา มีสาระสำคัญ คือ ให้จัดตั้งศาลขึ้นใหม่ ชื่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นศาลที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะอยู่ในระบบของศาลยุติธรรมมีฐานะเช่นเดียวกับ ศาลภาษีอากร ศาลแรงงาน ศาลเยาวชนและครอบครัว ฯลฯ ไม่ใช่ลักษณะเป็นศาลที่มีอำนาจแยกต่างหากเหมือนศาลปกครอง หรือศาลรัฐธรรมนูญ โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่จัดตั้งขึ้นจะมีทั้งศาลส่วนกลาง และอยู่ตามภาคต่างๆ อีก 9 แห่ง ผู้พิพากษาที่มาทำหน้าที่จะต้องมีประสบการณ์ทำงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี หากมีเหตุจำเป็นจะกำหนดให้ศาลชั้นต้นอื่นดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแทนก็ได้
คดีที่จะอยู่ในเขตอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้แก่ คดีที่ฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ คดีตามกฎหมาย ป.ป.ช. กฎหมายการเสนอราคา กฎหมายฟอกเงิน คดีฟ้องขอให้ริบทรัพย์สินเนื่องจากเหตุร่ำรวยผิดปกติ และคดีที่ฟ้องประชาชนในความผิดเกี่ยวกับการให้สินบนเจ้าหน้าที่
ข้อสังเกต คือ ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพียงแค่ให้ตั้งศาลแห่งใหม่ขึ้น แต่ยังไม่ได้กำหนดรายละเอียดวิธีพิจารณาคดี ว่าคดีทุจริตจะต้องมีขั้นตอนการดำเนินคดีแตกต่างจากคดีทั่วไปอย่างไร จึงจะแก้ปัญหาการดำเนินคดีที่ล่าช้าและไม่มีประสิทธิภาพได้ ซึ่งตามปกติเมื่อมีการจัดตั้งศาลชำนัญพิเศษจะต้องมีการกำหนดวิธีพิจารณาคดีเป็นพิเศษควบคู่กันไปด้วยเสมอ เช่น การจัดตั้งศาลแรงงาน ใช้วิธีออกเป็น พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน การจัดตั้งศาลภาษีอากร ใช้วิธีออกเป็น พ.ร.บ.จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร ก่อนหน้านี้กฎหมายที่จัดตั้งศาลชำนัญพิเศษและกำหนดวิธีพิจารณาคดีมักจะออกควบคู่กันไปในฉบับเดียว
กรณีของศาลคดีทุจริตนั้น วิษณุ เครืองาม เคยกล่าวว่า จำเป็นต้องมีร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นกฎหมายแฝดในการนำไปบังคับใช้ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจของคณะกรรมการกฤษฎีกา หากเรียบร้อยแล้วจะเสนอตามมาอย่างเร็วที่สุด
ด้านสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม เคยอธิบายไว้กับคมชัดลึกว่า “ศาลยุติธรรม” เตรียมเสนอกฎหมาย “ร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. ….” เพื่อบริหารจัดการคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้เสร็จรวดเร็ว และให้สัมฤทธิ์ผลในการลงโทษผู้ทำผิด แบบกรรมติดจรวด โดยมีหลักการว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยที่หลบหนีไประหว่างการปล่อยชั่วคราว จะต้องถูกจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท แม้ภายหลังศาลจะยกฟ้องแต่ความผิดฐานหลบหนีคดีก็ยังอยู่ และการที่จำเลยหลบหนีไประหว่างพิจารณา จะไม่ทำให้คดีหยุดชะงัก เพราะศาลมีอำนาจพิจารณาคดีลับหลังต่อไปได้
ดังนั้น ศาลทุจริตจะสามารถแก้ปัญหาการพิจารณาคดีแบบเดิมในศาลเดิมได้หรือไม่ ยังไม่สามารถทราบได้จาก พ.ร.บ.จัดตั้งศาลฉบับเดียว ยังต้องรอดู ร่าง พ.ร.บ.ที่จะออกมากำหนดวิธีพิจารณาคดีอีกด้วย
ศาลทุจริต ไม่เกี่ยวกับคดีทุจริตของนักการเมือง
ตามที่ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในมาตรา 3 กำหนดว่า คดีที่อยู่ในอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่แล้ว จะไม่อยู่ในอำนาจของศาลทุจริตที่ตั้งขึ้นใหม่
ซึ่งแม้ปัจจุบันจะยังไม่มีกฎหมายกำหนดชัดเจนว่าคดีใดบ้างที่อยู่ในอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะยังไม่มีรัฐธรรมนูญ แต่หากพิจารณาตามหลักเกณฑ์ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2550 ก็จะพบว่า คดีที่กล่าวหาว่านายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือข้าราชการการเมืองอื่น ร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือคดีที่ร้องขอให้ยึดทรัพย์บุคคลดังกล่าว ให้เป็นอำนาจพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เมื่อมีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสำหรับพิจารณาคดีทุจริตของนักการเมืองอยู่แล้ว ดังนั้นศาลทุจริตที่จะตั้งขึ้นใหม่ จึงน่าจะมีอำนาจพิจารณาคดีของเจ้าหน้าที่รัฐระดับปฏิบัติการเท่านั้น ศาลทุจริตแห่งใหม่นี้จะไม่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในระดับนักการเมือง
ความเห็นต่าง ห่วงเปลืองงบประมาณ แก้ปัญหาไม่ยั่งยืน
สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตผู้พิพากษา และอดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เคยกล่าวไว้ว่า ทุกวันนี้คดีทุจริตที่ขึ้นศาลยุติธรรมตามปกติ ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมก็ทำหน้าที่ได้มาตลอดอยู่แล้ว จึงไม่เห็นด้วยว่าจะต้องตั้งเป็นศาลแห่งใหม่ขึ้นมา เพราะจะต้องเสียงบประมาณและเสียเวลาในการอบรมบุคลากรขึ้นมาใหม่ เนื่องจากการทุจริตคอร์รัปชั่นในปัจจุบันมีการพัฒนาเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบอยู่ตลอด ต้องอาศัยผู้พิพากษาที่มีความรู้ความชำนาญมารับผิดชอบคดี จึงเสนอว่า วิธีที่อาจเป็นไปได้จริงมากกว่า คือ การตั้งเป็นแผนกคดีทุจริตขึ้นมาเฉพาะในศาลยุติธรรม ไม่ต้องตั้งศาลใหม่
ซึ่งข้อเสนอของสมลักษณ์เรื่องการจัดตั้งเป็นแผนกคดีทุจริตขึ้นมาในศาลเดิมนั้นก็ถูกทำให้เป็นจริงแล้ว เมื่อมีการจัดตั้งแผนกคดีทุจริตขึ้นในศาลอาญา เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 แต่ก่อนที่จะมีผลงานเป็นรูปธรรมก็มีการเสนอให้ตั้งเป็นศาลทุจริตขึ้นมาแทน ซึ่งหากร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ผ่านการพิจารณา แผนกคดีทุจริตที่เพิ่งตั้งขึ้นก็จะถูกยุบและโอนภารกิจมายังศาลแห่งใหม่
ด้าน คณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 กล่าวกับมติชนออนไลน์ว่า การพิจารณาคดีในศาลยุติธรรมตามปกตินั้นล่าช้ามากจริง แต่เป็นความล่าช้าที่เกิดกับการพิจารณาคดีอาญาทั่วไปทั้งหมด และเป็นมานานแล้ว เป็นความเดือดร้อนในวงกว้างและเป็นปัญหาในระดับชาติ ไม่ใช่แค่เฉพาะคดีทุจริตเท่านั้น การแก้ไขต้องเป็นการแก้ไขกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ตั้งแต่พนักงานสอบสวน อัยการ และศาล ไม่ใช่แยกคดีอาญาทุจริต ซึ่งมีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของคดีอาญาทั่วไปทั้งหมด ออกมาจัดตั้งศาลพิเศษเพื่อพิจารณาโดยเฉพาะ แล้วปล่อยให้คดีอาญาทั่วไปดำเนินการอย่างล่าช้าเหมือนเดิม