12 มิถุนายน 2566 ที่สำนักงาน iLaw จัดเวทีเสวนาพูดคุยกับสามว่าที่ส.ส. จากพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นนักกิจกรรมและกำลังต่อสู้คดีมาตรา 112 ในชั้นศาล ว่าคดีของพวกเขากำลังดำเนินไปอย่างไร และจะมีความเสี่ยงกระทบต่อที่นั่งในสภาและการจัดตั้งรัฐบาลมากน้อยแค่ไหน ร่วมพูดคุยกับชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่ส.ส. ปทุมธานี เขต 3, รักชนก ศรีนอก ว่าที่ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขต 28 และ ปิยรัฐ จงเทพ ว่าที่ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 23 ดำเนินรายการโดย ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw)

ไอซ์-รักชนก ถูกดำเนินคดี ม.112 จากรูปภาพที่คนอื่นส่งในไลน์กลุ่ม

ส่วนที่มาของคดี มาตรา 112 รักชนกเล่าว่า มีคนส่งรูปไปในกลุ่มไลน์ โดยในภาพที่ส่งนั้นไม่ใช่ข้อความที่ตนโพสต์แต่มีชื่อแอคเคานต์ของตนติดอยู่ จากนั้นก็มีผู้นำภาพข้อความดังกล่าวไปแจ้งความ ซึ่งในศาลตนก็ได้พิสูจน์ไปว่าไม่ใช่คนโพสต์ โดยส่วนตัวรักชนกมองคดีที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่า หลักฐานอ่อนมาก มีเพียงรูปใบเดียว ไปหาหลักฐานโพสต์ต้นทางก็ไม่เจอ แม้โดยสภาพจะดูหลักฐานอ่อน ตนก็ต้องถูกดำเนินคดีเพราะมีคนกล่าวหา
ว่าที่ ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขต 28 กล่าวต่อไปว่า ในทางปฏิบัติแล้ว คดีมาตรา 112 ศาลจะรับฟ้องทั้งหมด และคดีมาตรา 112 เป็นคดีที่หลายคนทราบว่ามีปัญหาด้วยสัดส่วนการกระทำผิดกับโทษมันไม่ได้สัดส่วน แล้วกฎหมายมาตรานี้ข้อความค่อนข้างคลุมเครือ ตีความได้หลายระดับ เช่น คำว่าหมิ่นประมาท หรือคำว่าแสดงความอาฆาตมาดร้าย
“ถ้าสมมติต้องโดนคดียัดข้อหาต้องติดคุกเสียเวลาชีวิตไปห้าปีสิบปี แต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันสามารถไปสั่นกระดิ่งในใจของผู้คนได้ว่านี่แหละคือความไม่ยุติธรรม แล้วทำให้เขาตื่น มันทำให้เขาตาสว่าง ยอมมองอะไรที่มันเป็นอยู่มากขึ้น แล้วเราต้องเสียชีวิตไปห้าปีสิบปีก็ไม่เป็นไร”
“เรารู้สึกว่าเราอยากเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง หลายๆคนเสียสละมากกว่าเยอะ แค่นี้มันเล็กน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นที่เขาทำมาก่อนสู้มาก่อนโดนมาก่อน”
ลูกเกด-ชลธิชา เจอศาลเลื่อนเวลาสืบพยานเร็วขึ้นแม้ทนายไม่ว่าง จนต้องสืบพยานโดยไม่มีทนาย

ชลธิชา แจ้งเร็ว กล่าวว่า ตนถูกดำเนินคดีทั้งหมด 28 คดี แต่สำหรับคดี มาตรา 112 มีสองคดี
โดยคดีแรกเกิดจากเหตุการณ์เข้าร่วมเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 ทำกิจกรรมราษฎรสาส์น ส่งจดหมายถึงพระมหากษัตริย์และโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กในประเด็นที่เขียนคือเรื่องของผู้ที่ถูกอุ้มหายเจ็ดคนในช่วงหลังรัฐประหารปี 2557 ซึ่งเป็นหนึ่งกลุ่มที่เคยพูดถึงเรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ชลธิชากล่าวว่า รู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะโดนดำเนินคดี มาตรา112 แต่ตัดสินใจโพสต์เพราะทนไม่ได้ว่าจะต้องอยู่ในสังคมเดิมๆ ที่รู้ถึงต้นตอปัญหาที่สมควรได้รับการพูดถึงแต่ไม่เคยได้รับการพูดถึง ทำใจไว้อยู่แล้วว่าต้องโดนดำเนินคดีและต้องติดคุกแน่นอน แต่คดีนี้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแค่ไปรับทราบข้อกล่าวหาปกติ
ต่อมาในปี 2565 ชลธิชาประกาศตัวว่าจะลงสมัคร ส.ส.ปทุมธานี ก็ส่งผลให้ถูกเรียกตัวถี่ขึ้นจากทุกหนึ่งเดือนเป็นทุก 15 วันและเป็นการฟ้องคดีมาตรา 112 คดีแรกที่ถูกศาลตั้งเงื่อนไขการประกันตัวให้ติดกำไล EM และติดเคอร์ฟิว ซึ่งในระหว่างกระบวนการเคยได้ทำหนังสือคัดค้านว่าไม่ประสงค์จะติดกำไล EM และตามหลักการแล้ว ศาลควรพิจารณาตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขการประกันตัวเป็นอย่างไรมีการหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ ในเมื่อพิสูจน์ไม่ได้ว่าตนจะมีพฤติการณ์อย่างนั้นจึงไม่มีความจำเป็นอยู่แล้วที่ตนต้องเข้าเงื่อนไขนี้ ซึ่งต่อมา ชลธิชาก็ได้ร่วมรณรงค์คัดค้านยกเลิกการบังคับใช้กำไล EM แก่ผู้ต้องหาทางการเมืองซึ่งไม่เข้าเหตุที่จำเป็นต้องติดเงื่อนไขประกัน สุดท้ายได้ถอดกำไล EM ก่อนเลือกตั้งไม่กี่เดือน
“ต้องบอกตามตรงว่าหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เกดได้ถอดกำไล EM ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเพราะน้องตะวันกับน้องแบม และผู้ต้องหาคดีทางการเมืองหลายคน เยาวชนคนหนุ่มสาวหลายๆคนที่ออกมาพยายามเรียกร้องแสดงจุดยืนให้สังคมเห็นความเน่าเฟะของกระบวนการยุติธรรม ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงผู้พิพากษามากขึ้น”
สำหรับคดีนี้ ค่อนข้างซับซ้อนเนื่องจากมีปัญหาว่าศาลสั่งเลื่อนนัดสืบพยานให้เร็วขึ้น ว่าที่ ส.ส. ปทุมธานีเล่าว่า การสืบพยานในคดีแรก เดิมมีนัดสืบพยานช่วงต้นปี 2567 หลังจากที่อัยการฟ้องช่วงมิถุนายน 2565 ศาลก็นัดพร้อม ซึ่งการนัดพร้อมและนัดไต่สวนพยานหลักฐานและเป็นวันที่กำหนดว่าสืบพยานวันไหน และได้กำหนดร่วมกับอัยการว่า วันนัดสืบพยานปี 2567 เนื่องจากทนายความของชลธิชาติดภารกิจคดีอื่น และมีการแจ้งพร้อมยื่นพยานหลักฐานให้ศาลทราบเรียบร้อย แต่มาเกิดความผิดปกติในคดีนี้คือ ศาลสั่งเลื่อนนัดสืบพยานให้เร็วขึ้นเป็นเดือนมิถุนายน 2566 ทั้งๆ ที่ทนายความแจ้งไปแล้วว่าติดภารกิจที่ศาลอื่น แต่ศาลก็ยืนยันที่จะให้มีการสืบพยานต่อ ชลธิชาจึงขอปฏิเสธกระบวนการที่เกิดขึ้นและขอเปลี่ยนผู้พิพากษาทั้งองค์คณะแต่โดนยกคำร้องและศาลใช้วิธีสืบพยานต่อไปโดยที่ไม่มีทนายความของจำเลยนั่งอยู่ในห้องพิจารณาความ ผลสุดท้ายศาลยอมให้เลื่อนวันนัดสืบพยานออกไป
“ปกติแล้วถ้าจะเลื่อนนัดสืบพยานให้เร็วขึ้น คุณควรที่จะต้องปรึกษาหารือสองฝ่าย ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยเพื่อให้ได้วันนัดที่ตรงกันสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นความผิดปกติในคดีนี้คือ… ผู้พิพากษาให้เจ้าหน้าที่ศาลโทรหาอัยการเพื่อแจ้งว่าจะเลื่อนนัดสืบพยานให้เร็วขึ้นเป็นมิถุนายนปี 66”
“เจ้าหน้าที่ศาลโทรหาทนายความของเกดถามคำถามเดียวกันว่าสะดวกไหม ถ้าจะเลื่อนสืบพยานให้เร็วขึ้น ทนายความก็ได้ชี้แจงไปแล้วว่าไม่สะดวก มีหลักฐานแน่นอนเพราะมีเอกสารที่ลงนามโดยเจ้าหน้าที่ศาลอาญารัชดาเองอยู่ในสำนวนคดี”
ทั้งนี้ ชลธิชาย้ำว่า สิทธิในการคุ้มครองจำเลยสำคัญมาก แต่โฆษกศาลกลับออกมาชี้แจงทำนองว่า ในกฎหมายเขาแค่ระบุว่าการสืบพยานต้องสืบต่อหน้าจำเลย แต่ไม่ได้ระบุว่าให้สืบพยานต่อหน้าทนายความ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมไทย
“ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในเคสเราและเข้าใจว่าเป็นคดีแรกที่ศาลยังดันทุรังให้มีการสืบพยานต่อไป โดยไม่มีทนายความจำเลยนั่งอยู่ในห้องพิจารณาความ”
“สิ่งที่เกดกังวลก็คือว่าถ้าเรายอมมันอาจจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นกับคดีของคนอื่นก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคดีผู้ต้องหาทางการเมือง แต่ประชาชนคนทั่วไปคุณก็อาจเจอในลักษณะนี้ได้ แล้วบอกเลยว่าจะไม่ยอมเป็นหนึ่งในคนที่สร้างบรรทัดฐานต่ำๆ ให้กับกระบวนการยุติธรรม”
“วันที่เกดตัดสินใจเดินหน้าลุยต่อ ถึงแม้จะรู้ว่าเสี่ยงมากที่จะหลุดออกจากส.ส. หนึ่งในเหตุผลคือว่า ไม่ใช่แค่เคสเกดที่ศาลพยายามเลื่อนคดีการสืบพยานมาตรา 112 ให้เร็วขึ้น เท่าที่ทราบจะมีประมาณ 4-5 คดีความที่เขาพยายามเลื่อนให้เร็วขึ้น”
โตโต้-ปิยรัฐ ศาลเลื่อนเวลาสืบพยานเร็วขึ้นในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง

ก้าวขาเข้าคุกวันเดียวก็หลุด ส.ส.ทันที
รักชนก ศรีนอก กล่าวว่า ในการดำรงตำแหน่ง ส.ส. ห้ามโดนโทษจำคุก ถ้าเมื่อไรมีคำพิพากษาว่าโดนโทษจำคุกแม้แต่หนึ่งวันก็จะหลุดจากสถานะส.ส. ด้านปิยรัฐ จงเทพ เสริมว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (6) กำหนดห้ามผู้สมัครส.ส. ต้องคำพิพากษาจำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล และในมาตรา 101 (6) สำหรับผู้ที่เป็นส.ส.แล้ว ก็ยังอยู่ในเงื่อนไขตามมาตรา 98 หากต้องคำพิพากษาจำคุก และถูกคุมขัง ก็หลุดจากสถานะ ส.ส.
ปิยรัฐ ยังอธิบายต่อว่า สมมุติหากศาลพิพากษาลงโทษจำคุกสองปีไม่รอลงอาญาแล้วศาลชั้นต้นไม่ให้ประกันตัวก็ส่งศาลอุทธรณ์ให้พิจารณา ถ้าศาลมีคำสั่งไม่ทันภายในวันเดียวกัน รออ่านคำสั่งวันถัดไป ส.ส. แม้ติดคุกวันเดียวไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็หลุดสถานะเป็น ส.ส. ทันที แม้ภายหลังศาลจะมีคำสั่งให้ประกันตัวก็ตาม
“รัฐธรรมนูญมาตรา 98 (6) ถ้าผู้สมัครส.ส.ถูกต้องคำพิพากษาให้จำคุกก็หลุดเลย แต่พอเป็นมาตรา 101 (6) เป็นส.ส.แล้วนะ แต่ถูกเงื่อนไขตาม 98 (6) ก็หลุดส.ส.ทันที …พูดง่ายๆ ว่า ขาก้าวเข้าคุกวันเดียวหลุดเลย”
“ถ้าวันนี้พิพากษาจำคุกสองปีไม่รอลงอาญาแล้วศาลชั้นต้นไม่ให้ประกันตัวหรือไม่กล้าให้ประกันแล้วส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ศาลอุทธรณ์ลงคำสั่งไม่ทันวันนี้ รออ่านคำพิพากษาพรุ่งนี้ ติดคุกวันเดียวไม่ถึง 24 ชั่วโมงด้วย ถ้าศาลอุทธรณ์ให้ประกัน คุณออกมาคุณหมดสภาพการเป็นส.ส.ทันที นี่คือสิ่งที่มันจะเป็น”
ด้านชลธิชา เสริมเพิ่มเติมว่า คดี 112 จำนวนหนึ่งศาลชั้นตั้นมักจะไม่กล้าที่จะเป็นคนลงคำสั่งว่าจะให้ประกันหรือไม่ให้ประกัน โยนให้ศาลอุทธรณ์ โดยปกติกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งมันจะใช้เวลา 2-3 วัน ซึ่งสองสามวันนั้นแหละคือเราหลุดจากการเป็นส.ส. ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน (รัฐธรรมนูญมาตรา 105 ประกอบมาตรา 102)
RELATED POSTS
No related posts