เมื่อพูดถึง “ภาคใต้” หลายคนอาจนึกถึงลมเย็นๆ ริมหาด การไปดำน้ำดูปะการังสวยๆ หรือแกงไตปลาอร่อยๆ แต่เมื่อขยายอาณาบริเวณเข้
นอกจากต้องพบเจอการคุ
6 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 13.00 น. รายการ “ได้หมาย Young” ร่วมพูดคุยกั
ก้าวแรกของการเคลื่อนไหวบนท้องถนน
o บูม เล่าว่าพื้นเพนิสัยของตนเองเป็
o ขณะที่ ฮัสซานเล่าว่า ตัวเขาเองมักได้รับหน้าที่เป็
o ด้านของภัทรา เล่าว่าเป็นคนที่ชอบประวัติ
o จริงใจเล่าว่า พ่อและแม่ของเธอค่อนข้างหัวสมั
เรื่องเล่าในวันได้รับหมาย
o บูมเล่าว่า ได้รับหนึ่งหมายเรียกในข้อหาฝ่
“วันนั้นบูมเป็นผู้จัดและเป็นผู้
“ครั้งแรกหมายไม่ได้มาที่บ้าน ผมต้องไปทวงถามที่ สภ.เมือง (สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต) สภ.เมืองก็บอกว่าส่งหมายไปที่ป้
“พอนัดรายงานตัว ตำรวจก็บอกว่าเลื่อนไปนะ จะมีหมายครั้งที่สองมาให้ที่บ้
ขณะที่ฮัสซานเล่าว่า เขาได้รับหนึ่งหมายเรียกฐานฝ่
“พอมาอ่านหมายดีๆ ชื่อผมตรงจำเลยที่ 1 เขียนผิด-นามสกุลผิด ส่วนชื่อตรงกลางที่แจ้งข้อกล่
“จากนั้นมีหมายมาที่พ่ออีกใบหนึ่
“ทั้งหมายพยานและหมายรายงานตัว พอไปถึง ตำรวจไม่ว่าง แจ้งเลื่อน เพื่อนผมบางคนอยู่เกาะ ต้องนั่งเรือนั่งรถมา มันเสียเวลา เรารู้สึกว่าไม่โอเคกั
ด้านของ ภัทรา ได้รับหมายเรียกจากการจัดกิจกรรมคาร์ม็อบภูเก็ต (24 กรกฎาคม 2564) ประกอบไปด้วยเก้าข้อหาซึ่งส่วนมากเป็นคดีลหุโทษ เช่น พ.ร.บ.เครื่องเสียงฯ โดยเธอรับหน้าที่เป็นผู้ปราศรัย และเป็นผู้ยื่นหนังสือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเครือโครงการ Phuket sandbox
“วันนั้นมีตำรวจมาประมาณ 3-4 คน มาเป็นชุดเครื่องแบบเลย ชาวบ้านก็มากรูดูกันว่าเขาทำอะไรกัน เราอยู่บ้านคนเดียวเพราะกำลังเรียนออนไลน์”
“แล้วตอนนั้นพ่อแม่ไม่อยู่บ้าน แต่เขาต้องให้ผู้ปกครองเซ็นรับเพราะยังเป็นเยาวชนอยู่ เราไม่รู้จะทำอย่างไรเลยติดต่อไปทาง Law Long Beach (ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนภาคใต้) เขาก็คุยกับตำรวจให้ว่าเป็นผู้ใหญ่ได้ไหม ก็เลยเป็นป้ามาเซ็นให้ก่อน”
“ตอนนั้นรู้สึกแพนิคมากๆ เด็กอายุ 17 โดนเก้าข้อหาก็ยังไงอยู่นะ แต่สุดท้ายเราก็รู้สึกว่าการแพนิคแบบนี้ เพราะรัฐพยายามกดเรา ไม่ให้เราแสดงออกเกินไปหรือทำให้เรากลัวอยู่ ก็ขอบอกภาครัฐไว้นะคะว่าไม่กลัว”
จริงใจ เล่าว่า เธอได้รับหมายเรียกจำนวนสองหมาย หมายแรกจากการจัดกิจกรรมคาร์ม็อบหาดใหญ่ (14 สิงหาคม 2564) ประกอบไปด้วยหลายข้อหา เช่น พ.ร.บ.ความสะอาดฯ พ.ร.บ.จราจรฯ (ปกปิดป้ายทะเบียนรถ) พ.ร.บ.เครื่องเสียงฯ และหมายที่สองจากการจัดม็อบสมรสเท่าเทียมที่แยกราชประสงค์ (28 พฤศจิกายน 2564)
“ในหมายมีทั้งหมด 20 คน แต่ผู้ต้องหาหลักจริงๆ มีแค่ 3-7 คน เราเป็นคนที่ตำรวจไปสืบมาได้เพิ่มว่ามีคนจำนวนนี้เข้าร่วมด้วย ส่วนเราสาเหตุที่เราโดน เพราะวันนั้นเราไปเข้าร่วมกิจกรรมและไปเดินแฟชั่นโชว์ (ใส่ชุดแต่งงานเพื่อรณรงค์การสมรสเท่าเทียม) เราก็แบบ อะไรวะแค่ไปเดินๆ บนธงรุ้งก็ได้หมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แล้วเหรอ”
“เขา (ตำรวจ) เคยบอกเราตอนไปแจ้งจัดการชุมนุมว่า ‘ถ้าเกิดออกหมาย พี่ก็ต้องขอโทษไว้ก่อนเลยนะ พี่จำเป็นจริงๆ ที่จะต้องออก เป็นหน้าที่ของพี่ ถ้าพี่ไม่ทำ เดี๋ยวข้างบนเขาก็จะมาว่าอีกว่าทำไมไม่ยื่นหมายให้’ อันนี้เราก็บอกเขาว่า เราเข้าใจ แต่ถ้าเป็นไปได้เราก็ไม่อยากได้หรอก เพราะว่ามันเสียเวลา”
“หมายนี้มันตลกมาก เพราะมันพิมพ์ผิดเยอะมาก เช่น พรรคอนาคตไกล คือคิดชื่อพรรคใหม่ให้เขาเหรอ (หัวเราะ) เราก็ต้องมานั่งพิสูจน์อักษรให้ เรารู้สึกว่ามันไม่ได้จริงๆ มันเป็นการรับทราบข้อกล่าวหาที่ชุ่ยมาก แล้วตอนนั้นเราไปค่ายที่เชียงดาว (จังหวัดเชียงใหม่) เราก็ต้องบินกลับมารับทราบข้อกล่าวหาที่กรุงเทพฯ แล้วต้องมานั่งอ่านอะไรแบบนี้ (หัวเราะ)”
เจ้าหน้าที่รัฐนักเยี่ยมบ้าน
o บูมเล่าว่า เขาต้องเผชิญการคุกคามจากเจ้
“เริ่มแรกเลยเขามาหาผมที่โรงเรี
“เขามาเชิงเป็นห่วง เขาบอกว่าเห็นด้วยกับเรานะ แต่ถ้าเราเคลื่อนไหวต่
“ถ้าช่วงมีกิจกรรม เขาก็จะมาจอดรถนั่งเฝ้าอยู่หน้
o ฮัสซานเล่าถึงปัญหาของการจั
“พอประกาศว่าจะมีกิ
“ตอนนั้นอยู่บ้านที่สตูล ทุกวัน เช้า-เที่ยง-เย็น พร้อมมื้ออาหาร ทั้งรถตำรวจที่มีตราโล่และไม่มี
“เหมือนกับเขาทำ vlog ตามติดชี
“วันหนึ่งมีนอกเครื่องแบบเข้
o ภัทรา เล่าถึงสภาพแวดล้อมของเธอที่เต็
“รูปของเรากับเพื่อนๆ ถูกกระจายไปตามที่ต่างๆ แล้วคนแถวบ้านก็เป็นเสื้อเหลื
“ช่วงปี 2564 ที่ม็อบบูมๆ กัน เราก็ไปเข้าร่วม พอถึงเวลาแยกย้าย กำลังจะขับรถกลับบ้าน ก็เจอตำรวจมาขอดูบัตรประชาชน เราก็ให้ไปตามปกติ แต่เขาเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย แล้วรถตำรวจก็ขับตามเรากลับบ้าน คือถ้าเป็นโจร เราก็จะหาตำรวจถูกไหม แต่นี่เป็นตำรวจ แล้วเราต้องไปหาใคร”
“หลังจากนั้นพอเรามาเป็นผู้
“ก่อนวันที่ประยุทธ์จะมาเปิด
“มันจะมีบุคคลคนหนึ่งที่ไปต่
o ทางด้านของจริงใจเล่าว่า เธอไม่ได้มีประสบการณ์ถูกติ
“เราไม่ได้โดนคุกคามถึงบ้
“ตอนไปรายงานตัว เราก็จะเจอแบบที่ทุกๆ คนบอก คือ ‘พี่อยู่ข้างน้องนะ พี่เป็นกำลังใจให้นะ พี่นับถือมากที่กล้าออกไปทำนั่
ทิศทางของขบวนหลังหมายเรียกที่ถาโถม
o บูมมองว่า แนวทางของตนเองไม่ได้เปลี่
“สำหรับบูมหลังโดนหมาย ไม่คิดว่าแนวทางของตัวเองสูงขึ้
“เมื่อคนโดนหมายมากขึ้น คนกล้าออกมาน้อยลง ก็ทำให้ขบวนการเคลื่อนไหวมันเงี
o ในด้านของภัทรา มองว่าไม่มีเหตุผลที่ต้
“สำหรับเราไม่มีการลดเพดานเลย เพราะการที่เราทำอะไรๆ มันทำให้ภาครัฐกลัวได้ ภาครัฐเกรงกลัวเด็กสองคนที่อายุ 15 หรือ 17 ภาครัฐต้องมาระแวงเด็กอย่างเรา และสิ่งที่เราทำ มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเราคนเดี
o ในขณะที่ฮัสซาน กล่าวว่า เนื่องด้วยประเด็นการเคลื่
“เราไม่ได้ทำแค่เรื่องการเมื
o เช่นเดียวกับจริงใจที่มองว่า เมื่อกระแสการชุมนุมในประเด็
“เราทำการฉายหนังเกี่ยวกับเรื่
RELATED POSTS
No related posts