9 กุมภาพันธ์ 2564 อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องจำเลยคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จำนวน 4 คน ได้แก่ ทนายอานนท์ นำภา, พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิ้น, สมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตนักเคลื่อนไหวด้านแรงงาน และปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบ๊งค์ ในวันนั้นศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวจำเลยทั้งสี่คน พวกเขาจึงถูกคุมขังเรื่อยมา โดยทั้งสี่คนนับเป็นคนกลุ่มแรกที่ถูกคุมขังด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แม้ก่อนหน้านี้ในปี 2563 ทั้งสี่คนจะเคยถูกคุมขังมาระยะหนึ่งแล้วแต่ก็เป็นการคุมขังด้วยข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ไม่ใช่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
การคุมขังจำเลยทั้งสี่คนถือเป็นการส่งสัญญาณว่าสิทธิการประกันตัวของจำเลยคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังคงอยู่ในสภาวะน่ากังวลแมัว่าก่อนหน้านี้ทางการไทยจะพยายามแสดงให้ประชาชนและนานาอารยะประเทศเห็นว่าผู้ที่ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้รับการคุ้มครองสิทธิในการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม โดยตำรวจมักใช้วิธีออกหมายเรียกผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 แทนการขอศาลออกหมายเลยและหากผู้ต้องหาเข้ารายงานตัวก็มักได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ต้องวางเงินประกันในวันเดียวกัน ต่างจากคดีในยุค คสช. หรือยุคก่อนการรัฐประหาร 2557 ที่ผู้ต้องหามักถูกนำตัวไปฝากขังและไม่ได้รับการประกันตัว
การคุมขังจำเลยทั้งสี่คนยังอาจถือเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์คดีมาตรา 112 เพราะมีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายเรียกหรือถูกจับหลังจากนั้นบางส่วนที่ถูกนำตัวไปคุมขังในทันที ทำให้สถานการณ์สิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมของผู้ต้องหาและจำเลยคดีมาตรา 112 ดูจะมีความน่าเป็นห่วงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีล่าสุดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2564 ที่พรหมศร วีระธรรมจารี ผู้ต้องหาคดีปราศรัยที่หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างรักษาตัวจากเหตุรถจักรยานยนต์ล้มเดินทางไปเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกแต่กลับถูกเอาตัวไปฝากขังทันทีและศาลอ้างเหตุที่ไม่ให้ประกันตัวประการหนึ่งว่าเกรงผู้ต้องหาหลบหนียากแก่การติดตามตัวมาพิจารณาคดี
ตารางผู้ต้องขังคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564
วันที่ถูกฝากขัง/ คุมขัง | ผู้ต้องหา/จำเลย | คดี | สถานะคดี | สถานที่ควบคุมตัว |
9 กุมภาพันธ์ 2564 | อานนท์ นำภา | คดีการชุมนุม19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร | ศาลชั้นต้น | เรือนจำพิเศษกรุงเทพ |
9 กุมภาพันธ์ 2564 | พริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) | คดีการชุมนุม19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร | ศาลชั้นต้น | เรือนจำพิเศษกรุงเทพ |
9 กุมภาพันธ์ 2564 | สมยศ พฤกษาเกษมสุข | คดีการชุมนุม19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร | ศาลชั้นต้น | เรือนจำพิเศษกรุงเทพ |
9 กุมภาพันธ์ 2564 | ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม (หมอลำแบ๊งค์) | คดีการชุมนุม19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร | ศาลชั้นต้น | เรือนจำพิเศษกรุงเทพ |
23 กุมภาพันธ์ 2564 | อนุชา | ชูป้ายระหว่างการชุมนุม | ชั้นสอบสวน | เรือนจำพิเศษกรุงเทพ |
4 มีนาคม 2564 | ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ (แอมมี) | วางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 10 | ชั้นสอบสวน | เรือนจำพิเศษธนบุรี |
6 มีนาคม 2564 | ปริญญา ชีวินกุลปฐม (พอร์ท วงไฟเย็น) | ถูกกล่าวหาว่า โพสต์ข้อความ เชื่อมโยงการรัฐประหารในตุรกี 3 ข้อความ | ชั้นสอบสวน | เรือนจำพิเศษกรุงเทพ |
8 มีนาคม 2564 | จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา (ไผ่) | คดีการชุมนุม19กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร | ศาลชั้นต้น | เรือนจำพิเศษกรุงเทพ |
8 มีนาคม 2564 | ภาณุพงศ์ จาดนอก (ไมค์) | คดีการชุมนุม19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร | ศาลชั้นต้น | เรือนจำพิเศษกรุงเทพ |
8 มีนาคม 2564 | ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (รุ้ง) | คดีการชุมนุม19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร | ศาลชั้นต้น | ทัณฑสถานหญิงกลาง |
11 มีนาคม 2564 | พรชัย | โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การสืบทอดอำนาจ | ชั้นสอบสวน | เรือนจำกลางเชียงใหม่ |
17 มีนาคม 2564 | พรหมศร วีระธรรมจารี (ฟ้า) | ปราศรัยหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี | ชั้นสอบสวน | เรือนจำอำเภอธัญบุรี |
![](/wp-content/freedom/sites/default/files/wysiwyg_imageupload/5855/who are in prison.jpeg)
การฝากขังชั้นสอบสวน
การฝากขังในชั้นสอบสวนหมายถึงช่วงเวลาตั้งแต่เมื่อพนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังระหว่างการสอบสวนคดีจนถึงเมื่ออัยการมีความเห็นสั่งฟ้องคดี ในชั้นนี้พนักงานสอบสวนจะต้องขออำนาจศาลฝากขังเป็นผัดๆ ผัดละไม่เกิน 12 วัน (หากต้องการขังต่อต้องยื่นคำร้องใหม่) และขออำนาจศาลฝากขังได้ไม่เกิน 7 ผัดหรือ 84 วัน หากจนถึงช่วงเวลาดังกล่าวอัยการยังไม่สั่งฟ้องคดีผู้ต้องหาจะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำทันทีจนกว่าอัยการจะเรียกตัวมาเพื่อฟังคำสั่งคดี ในชั้นนี้ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะคัดค้านคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวนว่าไม่มีเหตุให้ควบคุมตัวคือ
1.ผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่งไม่หลบหนี
2.ผู้ต้องหาจะไม่ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อาทิ ไปข่มขู่พยานหรือทำลายหลักฐาน และ
3.ผู้ต้องหาจะไม่ไปก่อพยันตรายประการอื่น
ซึ่งหากสุดท้ายศาลเห็นควรให้ฝากขังผู้ต้องหาตามคำร้องของตำรวจ (พนักงานสอบสวน) ผู้ต้องหาก็ยังมีสิทธิขอประกันตัวโดยวางหลักทรัพย์ตามที่ศาลกำหนดหรือสาบานตนแทนการวางหลักทรัพย์ก็ได้ หากศาลไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาก็จะถูกนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำ
การคุมขังระหว่างการพิจารณาคดี
เมื่ออัยการฟ้องคดีต่อศาลแล้ว ศาลจะออกหมายขังจำเลยซึ่งในชั้นนี้ จำเลยจะไม่มีสิทธิคัดค้านการคุมขัง โดยจะมีเพียงสิทธิยื่นคำร้องประกันตัว ซึ่งหากไม่ได้รับการประกันตัว จำเลยจะถูกขังไปเรื่อยๆ จนกว่า
1. จำเลยได้รับการประกันตัว
2. ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง (บางกรณีแม้ศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์จะมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลย ศาลก็อาจขังจำเลยระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาได้)
โดยตามหลักการ การฝากขังหรือคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีจะต้องเป็นไปเพื่อให้การดำเนินการทางคดีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเท่านั้น ไม่ใช่เป็นไปเพื่อการลงโทษจำเลยก่อนศาลมีคำพิพากษาเป็นที่สุด
RELATED POSTS
No related posts