ปรับทัศนติครั้งแรก: การทัศนศึกษาในคุกทหาร
เมื่อเข้าไปถึงในค่าย ทหารให้ประสิทธิ์ชัยกรอกประวัติส่วนตัว เบื้องต้นยังไม่มีการยึดของใช้ส่วนตัวหรือโทรศัพท์ ในวันที่สองที่อยู่ในค่าย ทหารยึดที่ชาร์ตแบตโทรศัพท์ หลังจากนั้นก็แยกคนที่ถูกจับมาให้อยู่คนละห้องไม่ให้พูดคุยกัน จะได้เจอและคุยกันเฉพาะตอนที่กินข้าวเท่านั้น สำหรับลักษณะห้องที่เขาถูกคุมขังเป็นเหมือนอพาร์ตเมนท์ และในแต่ละวันจะมีเจ้าหน้าที่มาพูดคุย “ปรับทัศนคติ”วันละครั้ง
ในวันที่สี่ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการถูกคุมขัง เขาและผู้ถูกควบคุมตัวคนอื่นร่วมพูดคุยกับแม่ทัพภาคสี่,ผู้บัญชาการค่ายฯและเสนาธิการค่ายฯ การพูดคุยเป็นการถกเถียงเกี่ยวกับปิโตรเลียมและถ่านหิน ซึ่งทหารยืนยันว่าวิธีการของทหารถูกต้องส่วนวิธีการของพวกเขาผิด พร้อมทั้งบอกว่า รัฐบาลกำลังพยายามจะปฏิรูป หลังเสร็จการพูดคุย ทหารบอกประสิทธิ์ชัยว่า ให้ใจเย็นๆ ทหารไม่ได้ตั้งข้อหาอะไร จะปล่อยออกไปโดยไม่มีคดีติดตัวแต่ขอว่าไม่ให้ไปทำกิจกรรมอะไรอีก
ปรับทัศนคติครั้งที่สอง: ปรับทัศนคติเข้มข้น คนไม่เอาถ่านหินคือคนมีนัยยะ
ประสิทธิ์ชัยระบุด้วยว่าระหว่างที่พูดคุย ผอ.สผ. ยกมือขึ้นมาทำท่าเหมือนกับชี้มาทางหน้าของเขาและพูดว่า “คุณมีนัยยะ” เขาจึงชี้หน้ากลับว่า “คุณก็มีนัยยะเหมือนกัน” บรรยากาศในห้องเริ่มตึงเครียด ขณะที่พล.ท.สรรเสริญมีท่าทีคล้ายจะประนีประนอม แต่พูดเยอะและพูดแทรกเขาอยู่ตลอด พยายามจะสั่งสอนและบอกว่า การทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง เมื่อปรับทัศนคติเสร็จทั้งสามคน ก็มีทหารพาพาตัวไปนอนที่ห้องพัก