ประชุมสภา ไม่มีกฎหมายห้ามอภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอก แค่ต้องรับผิดชอบเอง

กฎหมายไม่ได้ห้ามการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือการอภิปรายในรัฐสภา ไม่ให้พาดพิงถึงบุคคลภายนอกสภา เป็นเพียงมารยาทที่หากพาดพิงไปแล้วบุคคลดังกล่าวจะไม่มีโอกาสได้ชี้แจง แต่หากพาดพิงแล้วเกิดความเสียหายใดๆ กฎหมายก็เขียนชัดว่า ผู้อภิปรายต้องรับผิดชอบ อาจถูกฟ้องร้องได้ และเอกสิทธิ์ในฐานะสมาชิกรัฐสภาไม่ได้ครอบคลุมไปถึง

ประชุมสภา ไม่มีกฎหมายห้ามอภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอก แค่ต้องรับผิดชอบเอง

จากกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งมายังผู้นำฝ่ายค้านขอให้แก้ไขญัตติเนื่องจากมีการพาดพิงถึงทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกรัฐสภา และฝ่ายค้านมีท่าทีที่ไม่ต้องการจะแก้ไข เนื่องจากไม่มีกฎหมายบังคับ “ห้ามพาดพิง” บุคคลภายนอก และประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่มีอำนาจสั่งให้แก้ไขเนื้อหา

เมื่อดูรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เกี่ยวข้องกับการอภิปรายในรัฐสภา และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีมาตราที่เกี่ยวข้อง คือ มาตรา 124 ซึ่งเขียนไว้ว่า

มาตรา 124 นั้นกล่าวถึง “เอกสิทธิ์” ของสมาชิกรัฐสภา หากมีการอภิปรายกล่าวถ้อยคำใดๆ ต่อกันจะไม่สามารถนำไปฟ้องร้องกันได้ แต่ถ้าการประชุมมีการถ่ายทอดสด เอกสิทธิ์นี้ก็ใช้ไม่ได้ ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีมีการถ่ายทอดสดอยู่แล้ว เอกสิทธิ์นี้จึงไม่ครอบคลุมไปด้วยอย่างแน่นอน

และมาตรา 124 วรรคสาม ยังกำหนดชัดเจนว่า หากการอภิปรายเป็นเหตุให้บุคคลอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสภาได้รับความเสียหาย และบุคคลนั้นร้องขอมาให้ประธานสภาโฆษณาคำชี้แจงของบุคคลนั้นๆ ได้ และหากจะฟ้องร้องกันก็ยังฟ้องร้องได้ จึงหมายความว่า มาตรา 124 “ไม่ได้ห้าม” การอภิปรายที่มีเนื้อพาดพิงถึงบุคคลภายนอกสภา ในทางตรงกันข้าม มาตรา 124 ยังบอกเป็นนัยว่า การอภิปรายถึงบุคคลภายนอกนั้น “ทำได้” เพียงแต่ผู้อภิปรายและสภาเองจะต้องมีความรับผิดชอบตามมาอย่างไรบ้าง

นอกจากนี้ ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อ 178 ซึ่งอยู่ในหมวด 9 การเปิดอภิปรายทั่วไป ส่วนที่ 1 การเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ยังกำหนดไว้ว่า

ซึ่งข้อ 178 ก็กำหนดทำนองเดียวกันกับรัฐธรรมนูญมาตรา 124 คือ ไม่ได้กำหนด “ห้าม” แต่กำหนดความรับผิดชอบของผู้ที่อภิปรายมีเนื้อหาไปถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในสภาและไม่มีโอกาสชี้แจง โดยกำหนดชัดว่า หากเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย หรือเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ผู้ที่อภิปรายก็ต้องรับผิดชอบผลแห่งการกระทำนั้น ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองเป็นการพิเศษแต่อย่างใด

หรือแปลว่า การอภิปรายถึงบุคคลภายนอกสามารถ “ทำได้” หากไม่เป็นการทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย ไม่ได้เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ก็ไม่มีความผิด

ทั้งรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมไม่ได้ห้ามการเอ่ยชื่อบุคคลภายนอก อย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะในญัตติหรือประเด็นที่กล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีกระทำการใดร่วมกับบุคคลภายนอกที่อาจผิดกฎหมาย หรือเป็นประเด็นที่กระทบต่อประโยชน์สาธารณะ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจสมาชิกรัฐสภาย่อมสามารถอภิปรายโดยเอ่ยชื่อบุคคลภายนอก และกล่าวถึงการกระทำของบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของรัฐบาลได้

📍ร่วมรณรงค์

JOIN : ILAW CLUB

ช่องทางการติดตาม

FACEBOOK PAGE

บทความยอดนิยม

วิดีโอแนะนำ

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage