13 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ประชุมร่วมรัฐสภามีนัดสำคัญเพื่อพิจารณาร่างแก้รัฐธรรมนูญสองฉบับ เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชน และอีกฉบับเสนอโดย สส.พรรคเพื่อไทย สาระสำคัญ คือ ปลดล็อกรัฐธรรมนูญ 2560 ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จากการเลือกตั้งมาจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ อย่างไรก็ดี เมื่อเริ่มประชุมไปได้สองชั่วโมงครึ่ง การประชุมก็จบลง “สภาล่ม” ประธานรัฐสภาก็ต้องสั่งปิดการประชุมเพราะองค์ประชุมไม่ครบ
เปรมศักดิ์ เสนอญัตติด่วน ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจสภาแก้รัฐธรรมนูญ
ก่อนหน้าที่การประชุมรัฐสภาจะล่ม มีญัตติด่วนที่ถูกเสนอสอดแทรกเข้ามาโดย เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อขอให้ที่ “ประชุมพิจารณาลงมติยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่” ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของ สว. จำนวนหนึ่งที่เคยแสดงมาก่อนหน้านี้
เมื่อมีญัตติแทรกขึ้นมา สมาชิกรัฐสภาจึงมีข้อถกเถียงว่า ควรเลื่อนญัตติด่วนของ สว. เปรมศักดิ์ ขึ้นมาพิจารณาก่อนหรือไม่ โดยสมาชิกรัฐสภามีความเห็นแตกต่างกันออกเป็นสองแนวทาง สส. พรรคประชาชนหลายคน อดิสร เพียงเกษ สส. พรรคเพื่อไทย นันทนา นันทวโรภาส สว. นรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ระบุชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนญัตตินี้ขึ้นมาพิจารณาก่อน เพราะไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยซ้ำอีก
อีกฝั่งหนึ่งคือ สว. ที่เคยประกาศท่าทีไว้ในลักษณะนี้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องจัดทำประชามติก่อนเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะไม่มีความชอบธรรมตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ สส. พรรคประชาธิปัตย์ ประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ และสุทิน คลังแสง สส. พรรคเพื่อไทยที่ระบุว่าต้องการให้สอบถามศาลรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนก่อนอีกด้วย
ต่อมาในเวลา 11.16 น. ที่ประชุมรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบให้เลื่อนญัตติของ สว. เปรมศักดิ์ขึ้นมาพิจารณาก่อนด้วยคะแนนเสียงไม่เห็นชอบให้เลื่อน 275 เสียง เห็นชอบให้เลื่อน 247 เสียง และงดออกเสียงอีกสี่เสียง
พรรคประชาชน และ สว.เสียงข้างมาก ชนะโหวตไม่เลื่อนญัตติส่งศาลรัฐธรรมนูญ
ญัตติด่วนที่ถูกเสนอสอดแทรกเข้ามาโดย สว. เปรมศักดิ์ เพื่อขอให้ที่ “ประชุมพิจารณาลงมติยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่” ถูกปัดตกไปด้วยคะแนนเสียงข้างมากที่นำโดยพรรคประชาชน 137 เสียง กับ สว. 135 เสียง รวมกับพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ ยกเว้นพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งสิ้นเป็น 275 เสียง
พรรคเพื่อไทย แพ้โหวตร่วมเสียงพรรคร่วมไม่ได้
ขณะที่พรรคเพื่อไทย พรรคแกนนำรัฐบาลไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ โดยมีเพียงพรรคกล้าธรรมเท่านั้นที่มาร่วมโหวตเห็นด้วยกับญัตตินี้ทั้งพรรค ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ แสดงออกต่อญัตติการยื่นศาลรัฐธรรมนูญกระจัดกระจาย โดยคะแนนเห็นด้วยกับญัตตินี้ มาจากเสียงส่วนใหญ่จากพรรคเพื่อไทย 130 เสียง พรรคกล้าธรรม 24 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 20 เสียง ขณะที่ สว. เห็นด้วย 35 เสียง เท่านั้น ทำให้พรรคเพื่อไทยโหวตแพ้ญัตตินี้ไป ด้วย 248 เสียง
พรรคภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ โดดประชุมยกพรรค พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ เข้าบ้างไม่เข้าบ้าง
พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคยกเว้น พรรคเพื่อไทย และพรรคกล้าธรรม ต่างแสดงออกต่อญัตตินี้กันกระจัดกระจาย พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ โดดประชุมเกือบทั้งพรรคโดยมี สส. เพียงพรรคละหนึ่งคนเท่านั้นที่เข้าประชุมเห็นด้วยกับพรรคแกนนำรัฐบาล ส่วนพรรคอื่นๆ เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา สส.ประมาณครึ่งหนึ่งของพรรคไม่เข้าร่วมประชุม